คิดขวางโลก


ก็สงสัยเหมือนกันทำไม้ ทำไม สังคมมองอย่างหนึ่ง คนๆหนึ่งกลับมองอีกอย่างหนึ่ง ตกลงใครคือคนมีปัญหา

เมื่อคืน อาศัยรถของเพื่อนไปส่งหัวหน้าโครงการวิจัย ประมาณสองทุ่มครึ่ง รถกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ก็มาถึงที่พักรถรังสิต หัวหน้าโครงการเดินตุปัดตุเป๋ขึ้นรถ ผมกับเพื่อนจึงไปสู่ที่หมายอีกที่หนึ่ง ที่หมายดังกล่าวก็คือโรงเบียร์ ทำไมต้องไปที่นั้น เพื่อนของเพื่อนนัดหมายให้ไปรับและนัดแนะกันที่โรงเบียร์

ผมยอมรับกับตัวเองและบอกเพื่อนไปว่า "ผมไม่อยากไปที่นั้น" จริงๆแล้วผมไม่ได้รังเกียจสำหรับที่ที่สังคมมองว่าเป็นที่สำหรับปลดปล่อยความตึงเครียดขอที่คนจำนวนหนึ่งมาดื่ม มากิน มาดู มาชมเพื่อความผ่อนคลาย หลังการตรากตรำทำงานหนักมาระยะหนึ่ง

ผมเข้าไปในโรงเบียร์ (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ เพราะครั้งแรกที่ไป ผมพบว่าที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ปลดปล่อยสำหรับผม การไปครั้งนี้ก็มีเหตุผลบางประการเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่เหตุผลว่าฉันอยากไป) เสียงอึกทึกครึกโครมของดนตรีผสานเสียงแหลม สูง ทุ้ม กลาง จริงอยู่ผมนั้นชอบเสียงเพลง แต่...มันน่าจะไม่ใช่อย่างนี้ ผมชอบที่จะดูการแสดง แต่มันไม่ใช่อย่างนี้ มันไม่ได้อุจจาดตาอะไรดอก.....เพียงแต่ทุกครั้งที่มองขึ้นไปบนเวทีการแสดง แสง สี เสียง และกิริยาท่าทางของนักแสดงแต่ละคน โดยเฉพาะท่าเต้นของนักเต้นหญิงและนักเต้นชาย ตลอดถึงการแต่งกายที่สังคมมองว่ามันสุดจะเซ็กซี่ อันเป็นเรื่องปกติของโลกยามราตรี ผมดูไปก็คิดไปว่า ถ้าร่างนั้นคือร่างกระดูกที่กำลังโลดเต้นอยู่บนเวที มันก็ไม่มีอะไรน่าระทึก หน้าอกที่โตผิดปกติของสตรี เมื่อถอดเนื้อหนังออกเหลือเพียงร่างกระดูก ก็ไม่แตกต่างอันใดกับชาย ท่าทางการเต้นที่ผมคิดว่าเหมือนกับท่ายั่วยวนทางเพศ ครั้นเป็นร่างกระดูกก็คงไม่มีอะไรยั่วยวน เด็กเหล่านี้เขาทำเพื่ออะไรกัน ต้องอดตาหลับขับตานอน ร้องเพลงทุกวัน เต้นทุกวัน ไม่เบื่อกันบ้างหรืออย่างไร หรือว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เขาชอบ ให้หวนคิดถึงนักศึกษาที่อยู่ในความรับผิดชอบของผมบางคน ทำไมนะ เวลาให้เรียนหนังสือจึงเรียนไม่ได้ แต่ถ้าให้แสดงออกเรื่องท่าเต้นอะไรต่างๆ แต่ละคนจะมีความคล่องตัวผิดปกติ หรือว่าสังคมสร้างเขาให้ชำนาญเรื่องนี้ คิดไปเรื่อยเปื่อย และย้อนยุคไปถึงสมัยปู่ตาย่ายาย ใครมาเต้นอย่างนี้ หญิงคนใดนุ่งกางเกงขาสั้น โชว์สะดือ โชว์ส่วนเว้าของหน้าอก และทำท่าชม้ายชายตาต่อผู้ดู น่าจะถูกท่านเหล่านั้นด่าว่าให้เสียหายเป็นแน่แท้ สังคมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สิ่งที่ผมเห็นคือ อะไรที่เป็นเรื่องน่าเกลียดสำหรับอดีต สิ่งนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ยอมรับกันในสังคมขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ ศิลปะและความสวยงามไป ตกลงอะไรดีกันแน่ ทำให้ผมรู้สึกสับสน จะสอนให้เด็กรับเรื่องไหนดี ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องใหม่ แต่ก็ไม่อาจทำลายเรื่องเก่า คิดไปเรื่อยเปื่อย ด้วยความทรมานจวบจนเที่ยงคืน เพื่อนท่านหนึ่งก็บอกว่ากลับได้แล้ว เราจึงกลับ และเพิ่งมาทราบภายหลังว่า ที่เพื่อนชวนกลับนั้น เพราะทนไม่ได้กับความทรมานของผมและเพื่อนอีกคนหนึ่งด้วยเหตุที่ ผมใช้กระดาษชำระอุดหู และดูไม่ได้สนุกสนานกับสิ่งที่น่าตื่นเต้นบนเวทีเลย ส่วนเพื่อนผม (เจ้าของรถ) ก็หลับแล้วหลับอีก ในขณะที่คนอื่นๆ เขาตาแป๋วกับการแสดงบนเวที

โอ...พระเจ้า

 

หมายเลขบันทึก: 55108เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2006 11:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

รับทราบ

เห็นคล้อย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท