สอนแบบไม่สอน(teaching with respect and trust)
เตรียมความพร้อมสำหรับครูยุคใหม่ เราไม่ได้สอนให้ความรู้หรือ ให้รู้อย่างเดียว แต่สอนให้เด็กเกิดสติปัญญา ไปสู่ทักษะจิตใจ เกิดสุนทรียภาพ ความคิดและจินตนาการ สอนให้ลึกลงถึงจิตใจคนไปด้วย การสอนคนเหมือนคำของดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาที่บอกว่าสอนให้เป็นคนดี ถึงเรียนเก่งได้ สังคมเราไม่ต้องการคนเก่งอย่างเดียวแต่ต้องการคนดีด้วย แล้วการสอนแบบไม่สอนกระบวนการเป็นอย่างไร เราไม่สามารถสอนเด็กตรง ๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องดีงามควรกระทำ หรืออะไรคือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ดีงาม ไม่ควรกระทำ แต่มีเครื่องมือที่ครูจะสร้างสำนึกทางคุณธรรม ให้เกิดขึ้นภายในตัวเด็กเอง ด้วยกันสามวิธี
วิธีแรกก็คือ การเล่านิทานให้เด็กฟัง(story telling) ในเทพนิยาย(fairy Tales) จะเหมือนในชีวิตจริงที่เราจะต้องมีช่วงวิกฤตที่จะต้องตัดสินใจ และมักจะตัดสินใจผิดพลาด ทำให้เกิดผลร้ายตามมา เด็ก ๆ ยามฟังนิทานเหล่านั้นจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกในช่วงนั้นได้ ตลอดจนสิ่งที่ควรจะเลือก แต่ตัวละครนั้นได้ถูกความโลภ โกรธ หรือหลงเข้าครอบครองจิตใจ ทำให้ความคิดอ่านไม่กระจ่างชัด แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวจะจบลงโดยมีผู้ที่แสดงความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นที่จะปวารณาตนในการช่วยเหลือ และต่อสู้กับความชั่วร้าย และนำกลับมาซึ่งความสุขสดชื่นของชีวิตทุกครั้งที่เด็ก ๆ ฟังนิทาน เด็ก ๆ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด และความจริงแห่งชีวิตเหล่านี้ทำให้เด็ก ๆ ตระหนักถึงการมีคุณธรรม
วิธีที่สองก็คือให้เด็กทำงานศิลปะ(artistic activity) เพราะในการทำศิลปะไม่มีแบบแผนในการสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ผู้ที่ทำงานศิลปะจะต้องก้าวข้ามข้อจำกัด จนถึงช่วงเวลาแห่งความรู้สึกที่ว่างานของตนนั้น "ใช่" หรือ "งาม" ความรู้สึกนี้ ที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่การตระหนักรู้ถึงการมีคุณธรรม ที่จะใช้ในการตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นสุนทรียะที่เกิดขึ้นในตัวเด็ก ทำให้เขาเกิดความเคารพในวัสดุที่นำมาใช้ทำงานศิลปะ ก่อให้เกิดความต้องการที่จะนำความงามและความถูกต้องมาสู่โลก ด้วยการมองเห็นเนื้อแท้ของสิ่งต่าง ๆ
วิธีที่สามก็คือเป็นหรือมีแบบอย่างที่ดีให้เด็กใช้เป็นต้นแบบ(model worthy of emulation) และวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด ในการปลูกสำนึกทางคุณธรรมในตัวเด็ก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า การเรียนการสอนในโลกปัจจุบันมักเน้นเนื้อหาและมองข้ามคุณค่าของการมีคุณธรรมไป
ทั้งสามวิธีนี้ก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่คุณครูจอห์น ชาลเมอร์ส โรงเรียนปัญโญทัย ได้เคยกล่าวไว้ว่าเราจะสอนให้เด็ก ๆ ให้มีความสามารถที่จะเห็นและใส่ใจในสามสิ่ง นั่นก็คือในชีวิต(life)ซึ่งก็คือความจริง(truth but not equal to fact) ในผู้อื่น(others) ซึ่งก็คือความดี(goodness) และในสิ่งแวดล้อม(environment) ซึ่งก็คือความงาม(beauty)
ไม่มีความเห็น