วันนี้ผมตื่นขึ้นมาดูเวลาประมาณ 4 นาฬิกาของวันใหม่…และได้ยินเสียงกบเขียดมันร้อง...ขอฝนก่อนรุ่งสาง...ขณะสรรพสิ่งยังคงนอนหลับใหลทอดกายขนานไปกับพื้นดินอยู่อนันตกาล...แสดงว่า...
ยังมีอีกมากมายที่ตื่นมาใช้ชีวิตในยามค่ำคืน...ผมนึกเล่น ๆว่า...จำนวนสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตทำมาหากินตอนกลางวันถ้าเปรียบเทียบกันกับสิ่งมีชีวิตที่ทำมาหากินตอนกลางคืนแล้วสิ่งไหนจะมากกว่ากัน...ตามความคิดผมว่า...อาจจะผิดก็ได้นะครับ...คือ
ผู้ใช้ชีวิตภาคกลางคืนคงมากกว่า...ทำไมผมจึงคิดอย่างนี้...คืนผมมองว่า...ยามสนธยาไปแล้ว...อากาศเย็นลง...สิ่งมีชีวิตเริ่มออกหากิน...ทำงานได้ทนนาน...เดินทางไกล ๆ...มีความสุขในยามค่ำคืน...มีงานปาร์ตี้กัน...
ล้วนพาจิตใจให้หลงระเริงไปกับสิ่งบันเทิงเริงรมย์...สนุกสนานแบบโลก ๆ...สรรพสิ่งจึงชอบอยู่กับความมืดมากกว่าความสว่าง...ทำให้ผมคิดถึงบุคคลที่ทำงานกลางคืนแต่มานอนกลางวัน...มักจะร่ำรวยอย่างผิดหูผิดตา...
ในขณะคนที่ทำงานกลางวัน...ก็ทำงานตามปกติไม่มีความตื่นเต้นต่อการใช้ชีวิต...ทำงานแบบเช้าชามเย็นสองชาม...ไม่คิดอะไรใหม่...คอยรับคำสั่งและทำตาม...รอเวลาเลิกงานก็กลับ...สู้คนที่ทำงานกลางคืนไม่ได้ในด้านการหาเงินและความสุขที่เขาได้รับ...
แง่คิดอีกอย่างหนึ่งคือ...มหาบุรษของโลกหลายท่าน...ใช้เวลายามค่ำคืนคิดพิจารณาหรือพูดง่าย ๆว่า...ท่านทำงานช่วงกลางคืนแล้วพบความสำเร็จคือ...การตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเองครับ...แม้การประชุมสงฆ์จำนวนมาก...1250 รูป ในวันมาฆะบูชา...ก็เห็นแสงเดือนเพ็ญในยามค่ำคืนเหมือนกัน...
แนวคิดนี้ผมไม่ได้ชวนคุณทำงานกลางคืนนะครับ...แต่อยากฟังความคิดเห็นของคุณว่า...คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้...ฮา ๆ เอิก ๆ...สวัสดีครับ คุณ สุชานาถ บุญเที่ยง
เป็นข้อคิดเห็นที่น่าฟังทีเดียวเลยครับ...กลางคืนแห่งความสงบเงียบ...
คืนที่มีพระจันทร์เต็มดวงสวยเย็นตาเย็นใจนะครับ...
จึงเกิดเพลงเกี่ยวกับเดือนเพ็ญมากมาย...
ตรงนี้ผมขอชื่นชมที่คุณวกเข้าสู่คนดี...มีคุณค่า...ไม่ว่าจะทำงานกลางคืนหรือกลางวัน
ขอบคุณครับ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณอ้อ
ผมก็ชอบฟังครับ...มีหลายเพลง เช่น เพลงเดือนเพ็ญ
เพลงเพื่อชีวิต...เพลงลูกทุ่งก็มีเยอะนะครับ...
เช่น มองดูเดือน เหมือนเตือนให้ใจคิดถึง...ที่รักจ๋าหนุ่มนารำพึง...เป็นตัน
ขอบคุณครับ
จาก...umi