ย้อนรอยเส้นทาง PhD ของโอ๋-อโณ (22): การจราจรและการขับขี่รถในเมืองเพิร์ธ


เขียนเล่าเรื่องราวสมัยที่อยู่เพิร์ธลงในวารสารสายใยพยาธิฯเมื่อนานมาแล้ว และเอามาลงใน GotoKnow อยู่พักหนึ่ง แล้วก็หยุดไป จำไม่ได้ว่าทำไม แต่ช่วงนี้เอาไปเก็บใส่ไว้ในเว็บไซต์ของบุคลากรมอ.Share.psu แล้วเลยเอามาเผื่อแผ่ตรงนี้ไปด้วยให้จบค่ะ ดีใจที่ได้เขียนไว้จริงๆ เพราะตอนนี้ให้เขียนก็คงไม่ได้รายละเอียดขนาดนี้แน่

คราวนี้ว่าจะเล่าเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้บริการโรงพยาบาลสำหรับเด็ก แต่เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการขับรถด้วยตัวเองด้วย ก็เลยคิดว่าต้องเล่าเรื่องขับรถเสียก่อน จะเล่าเรื่องขับรถก็ต้องเล่าเรื่องการจราจร ถนนหนทางก็เลยยาวไปอีกแล้วล่ะค่ะ ต้องขอยกยอดเรื่องโรงพยาบาลเด็กไปคราวหน้าอีกที

การจราจรในเมืองเพิร์ธ

ที่เมืองเพิร์ธนี้พื้นที่ต่อจำนวนประชากรของเขากว้างขวางมาก ทำให้ถนนหนทางเหลือเฟือ จำนวนรถก็เลยไม่แออัด การจราจรแม้ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนก็เรียกว่าอยู่ในภาวะเด็กๆมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา นอกจากนั้นเขาก็จะมีบริการรถเมล์ฟรี ในเขตกลางเมืองอำนวยความสะดวกให้คนไม่ต้องเอารถเข้าไปอัดแอกัน รถเมล์ของเขาก็มีการปรับเปลี่ยนตามปริมาณและเส้นทางที่คนใช้กันและค่อนข้างตรงเวลา ช่วงไหนคนใช้เยอะก็จะมีรถเมล์ถี่และหลายๆคัน ตั๋วโดยสารของเขาก็มีทั้งแบบตามระยะทางและเวลาแบ่งตามระยะใกล้ไกลศูนย์กลางเมือง และตั๋วโดยสารของรถเมล์รถไฟและเรือก็จะเป็นแบบเดียวกัน ใช้ด้วยกันได้เลย นั่งรถเมล์ไปต่อรถไฟแล้วก็ลงเรือ ก็ถือตั๋วใบเดียวได้ ดูระยะทางและเวลาให้ดีก็แล้วกัน มีแต่รถเมล์ที่ซื้อตั๋วตรงทางขึ้น สำหรับรถไฟและเรือ ซื้อตั๋วจากตู้ได้ ไม่มีใครมาเช็คตลอด จะมีเจ้าหน้าที่มาสุ่มๆตรวจบ้างบางเวลา แต่หากพบว่าไม่มีตั๋วจะโดนปรับแพงมาก จนไม่มีใครอยากเสี่ยง นอกจากนั้นใครที่ขึ้นประจำก็สามารถซื้อตั๋วเป็นแพคเก็จได้ด้วย มีทั้งแบบใช้ 24 ครั้ง ใช้ 48 ครั้งเป็นต้น ราคาก็จะถูกกว่าจ่ายเป็นครั้งๆเล็กน้อย เรียกได้ว่าเป็นระบบการจราจรที่เข้าใจได้ไม่ยากในเวลาอันรวดเร็ว และมีข้อมูลให้เราค้นหารายละเอียดอัพเดตตลอดเวลาทางอินเตอร์เน็ต จนถึงวันนี้ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปจากที่เล่านี้อีกแล้วก็ได้ค่ะ

อยู่มา 6 ปีสายรถเมล์ที่ขึ้นหน้าบ้านเปลี่ยนไปตลอด แต่ก็ไม่ทำให้เรางง คนขับรถเมล์ของเขาเงินเดือนสูงมาก (ตอนที่รู้ตกใจมากและหายสงสัยว่าทำไมเขาจึงมีความสุขและบริการดี) เขาจะทักทายพูดคุยกับคนโดยสาร แถมยังมีบางคนถึงขนาดลงไปช่วยพับรถเข็นเด็กช่วยคุณแม่ที่มีลูกเล็กๆเอามาขึ้นรถอีกต่างหาก ถ้าอยากรู้เส้นทางหรือหลงก็ถามเขาได้ ตัวเองเคยพบด้วยตัวเองถึงขนาดว่า เขาวิทยุบอกรถอีกสายที่เราสามารถจะไปขึ้นต่อได้ (เพราะขึ้นมาผิดคัน) ให้รอผู้โดยสารคนนี้ด้วยกำลังจะวิ่งไปขึ้นในขณะที่รถคันนั้นกำลังจะออก เสียแต่ว่ามักจะพบว่าคนขับรถเมล์พูดภาษาอังกฤษฟังยากๆทั้งนั้นเลย ที่พบเจอพูดคุยด้วยเป็นแบบฝรั่งออสซี่จริงๆเป็นส่วนใหญ่

การขับขี่รถในเพิร์ธ

ที่นี่เราสามารถขอมีใบขับขี่ได้ไม่ยาก(สำหรับประเทศที่ขับรถด้านเดียวกับออสเตรเลีย)เราสามารถนำใบขับขี่ของบ้านเราที่แปลเป็นภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้วไปขอทำใบขับขี่ได้ โดยต้องสอบข้อเขียนให้ผ่าน ในช่วง 1 ปีแรกหลังจากได้ใบขับขี่ของเขาจะเรียกว่า Probation period ซึ่งเราต้องพกแผ่นป้ายที่มีตัว P ติดรถไว้ทุกครั้งที่เราขับ และห้ามขับเกิน 90 กม./ชั่วโมง ก็คือเรียกว่าขึ้นทางด่วนที่ต้องขับไม่ต่ำกว่า 100 ไม่ได้ ความเร็วสูงสุดที่ขับได้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตกก็คือ 110 กม./ชั่วโมง และเขาจะมีป้ายบอกในแต่ละพื้นที่เรื่อยๆว่าตรงไหนต้องขับเท่าไหร่ ซึ่งเราต้องไม่ขับช้าหรือเร็วกว่านั้นเกิน (รู้สึกจะ) 5 กิโลเมตร (...ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะคะ) เรียกว่าทั้งช้าและเร็วเกินไปก็จะโดนปรับ ส่วนใหญ่ความเร็วนี้จะถูกตรวจจับด้วยเครื่องที่เป็นกล้องถ่ายรูปเรียกว่า speed camera จะเห็นหน้าคนขับและทะเบียนรถพร้อมทั้งความเร็วรถด้วย (เรียกว่าหมดทางปฏิเสธ) ส่งมาถึงเราที่บ้านเลยให้ไปเสียค่าปรับ แล้วเขาจะขึ้นทะเบียนไว้ว่าเคยขับรถเกินกำหนด ทราบมาว่ามีคนที่โดนห้ามขับรถเป็นระยะเวลาหนึ่งด้วย หากว่าขับเกินกำหนดเกินกี่ครั้งก็จำไม่ได้แล้ว (รู้สึกจะ 3 ครั้ง) ส่วนการตรวจจับแอลกอฮอล์กับการผิดกฎอื่นๆก็จะเป็นตำรวจตัวจริง ที่ค่อนข้างเคร่งครัดมาก

ที่จำได้แม่นๆกับเพื่อนที่ทำงานก็คือ การคาดเข็มขัดนิรภัย ทุกคนในรถต้องคาดทั้งหน้าและหลัง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เด็กเล็กก็ต้องมีที่นั่งเด็ก เพื่อนเล่าว่าพี่สาวมาส่งและกำลังจะจอดรถ เขาก็ปลดสายเข็มขัดนิรภัยเพื่อจะลง (แต่รถยังไม่จอดสนิท) พอลงปั๊บก็โดนเรียก และถูกปรับไป 150 เหรียญ (คูณด้วยประมาณ 23 บาทค่ะ) เข็ดไปนานเลยแถมเล่าให้เรากลัวไปด้วย จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ของเขาเอาจริงเอาจังกับกฎมากจนคนใช้รถใช้ถนนก็เลยทำจนติดเป็นนิสัย

ต่อมาจาก series นี้ค่ะ ย้อนรอย PhD

หมายเลขบันทึก: 549978เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2013 18:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 19:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ผมไม่ต้องไปเมืองนอก ก็เหมือนได้ไป :-)

แปลกดีนะครับพี่โอ๋ ขับช้าก็โดนปรับด้วย

ขอบคุณพี่โอ๋มากๆครับ

นับเป็นเมืองที่มีกฏเหล็กที่ดีมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท