ท้องเริ่มมีลมและน้ำมากเกินไปรู้สึกโครกครากๆ เสียงมันดังจ๊อก จ๊อกกกก กร๊อก กร๊อกกก
แล้วเงียบหายไป ปวดมวนขึ้นมาหวิวๆๆๆ อยากอาเจียน....
ฉันก็เตรียมดื่มน้ำเกลือ แต่หาไม่เจอ
ฉันจึงใช้เกลือเมล็ดตัวผู้ 3 ตัว พุทธังอาราธนา ธรรมมังอาราธนา และสังฆังอาราธนา
ใส่ลงไปในน้ำต้มสุกที่มีความเย็นลงพอดื่มได้สบายๆลิ้น เติมน้ำตาลทรายแดงครึ่งชช.คนให้เข้ากัน
แล้วจิบๆๆ รอเวลาร่างกายสั่งกาย แล้วก็เตรียมวัดความดัน
เตรียมการสแกนร่างกายตนเองเพื่อการผ่อนพักให้กับตัวเอง
เพราะเมื่อวานเจออุบัติเหตุมองไม่เห็นกระจกใสที่โรงพยาบาลใหม่
เดินชนตูมหยุดนิ่งเกาะกระจก ฟังเสียงโครมครืนนนน......
มึนๆๆๆๆ สูดลมหายใจเข้าและออกหยุดความตื่นตะหนกให้กับตัวเอง
ค่อยๆเอาปลายลิ้นแต่ริมฝีปากเมื่อรู้สึกมีน้ำอุ่นๆไหลที่ริมฝีปากขวา
ยืนตัวตรงแล้วเอามือลูบกระจก ลบรอยชนคือครบน้ำมัน หัวไม่โน แต่แว่นกระแทกคิ้ว และจมูกจูบกระจกอย่างแรง
โชคดีที่ไม่มีของปลอมบนใบหน้า นอกจากผิวเหี่ยวๆของเราเอง 555 เดินไปห้องน้ำบ้วนปากเอาน้ำอุ่นๆสีแดงออกไป
นึกถึงน้ำแข็งแต่ไม่มี นึกถึงน้ำเย็นก็ไม่มี มีแต่ใจที่เย็นๆ อิอิ
สำรวจร่างกายยังอยู่ครบ ก็เดินลงมา เริ่มใช้ลมหายใจเป็นที่พึ่งมากขึ้น
และบอกให้พยาบาลขนิษฐา (น้องอ้อ) ทราบว่า ฉันไปทดลองสายตามาโดยบังเอิญ
น้องอ้อได้ฟังจบถามถึงจุดเกิดเหตุและ สั่งการทันทีให้จนท.รีบติดแผ่นสติกเกอร์ด่วน
เพื่อแสดงให้เห็นชัดๆว่านี่กระจกไม่ใช่อากาศ โล่งไปที อีกไม่กี่วันโรงพยาบาลใหม่จะได้ต้อนรับผู้ป่วยด้วยสไตล์ใหม่
ฉันหวังอย่างนั้นนะ
เช้านี้จึงไม่ได้ไปช่วยงานโรงพยาบาล คงต้องพักสักวัน ทั้งๆที่ได้พูดไปแล้วว่าจะชักชวนจิตอาสาไปช่วยทำความสะอาดสัก 2-3คน
บางครั้งเราก็ไม่อาจทำตามที่พูดได้ เมื่อมีโอกาสทำได้ตามที่พูดจึงได้ทุ่มเทการทำให้มากไว้ ครั้งนี้ก็คงเกิดจากขาดสติเช่นเดิม
อยู่บ้านวันนี้จึงใช้เวลาทดลองปฏิบัติการอย่างหนึ่ง แล้วมาเขียนบันทึก ตอบข้อคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้
มีผลคือการทดลองด้วยตัวเอง......
ได้ทดลองทำดูโดยการวัดความดันเป็นที่ตั้ง และกำหนดลมหายใจ ควบคุมด้วยเวลานาฬิกาที่ตั้งไว้ อย่างละ25นาที
(นอนตะแคงขวา ,ซ้าย นอนค่ำ และนอนหงาย)
ใช้เสียงเพลงบรรเลง และเครื่องพ่นสปากลิ่นปีปแทนดอกบัง(หาไม่ได้) หลังทำการทดลองครั้งที่หนึ่งผ่านไปวัดความดันโลหิต
พบว่าลดลงจาก146เป็น136 ครั้งที่ 2-3-4 เหลือ126รู้สึกผ่อนคลาย และบังเอิญก่อนการทดลองนี้เกิดมีอาการปวดท้อง
และคล้ายจะอยากอาเจียนเกิดขึ้นด้วยยืดเวลาการถ่ายจู๊ดออกไปได้จนครบ1ชั่วโมงอาการปวดมวนท้องหายไป
จึงลุกไปถ่ายแบบที่เรียกว่ารู้เปิดรู้ปิด และดื่มน้ำเกลือทำเองชดเชย1แก้ว
กลับมาบันทึกและขอพักต่อหลังอาหารมื้อเที่ยงไปแล้ว เพื่อให้สมองด้านขวาโล่งสบายกว่านี้
ตื่นเมื่อไหร่ค่อยว่ากันใหม่
พี่ต้อยครับ รักษาสุขภาพครับ ด้วยห่วงใยจากน้องบาว
ขอให้หายเป็นปกติเร็วๆ นะครับ
ครูต้องติ่ง ///พักผ่อน มากมาก นะคะ /// ความดันลงแล้ว เด๋ยว คงค่อย ๆ สบายขึ้นค่ะ
ขอบคุณทุกๆท่าน พี่เป็นปกติแล้ว
เพิ่งกลับจากวัดค่ะ ไปสวดมนต์เย็นมา
ร่วมอนุโมทนานะคะ
ปากยังเจ่อไม่หายเลย 555
การเจ็บป่วยบางครั้งก็ทำให้เราพบกับธรรมะ น่ะครับ
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
พี่ krutoiting สุดยอดมากเลยค่ะ เอาบทเรียนเจ็บๆของตัวเองมาเรียนรู้เรื่องราวต่อได้ด้วย เชื่อว่าผลบุญจากความทุ่มเทเสียสละ ช่วยเหลือส่วนรวมด้วยจิตอาสาของพี่ krutoiting จะช่วยให้หายดีในเร็ววันค่ะ พี่เขียนบรรยายได้เก่งมากๆเลยนะคะ อ่านแล้วตอนชนก็เจ็บไปด้วย ตอนผ่อนคลายก็ผ่อนคลายไปด้วย เยี่ยมยอดจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณค่ะน้อง
ใช่เลยๆๆ แท้จริงเป็นธรรมชาติ อิอิ |
ขอบคุณค่ะน้องดร.โอ๋ -อโณ
วันนี้ยิ่งสนุกใหญ่ ประสบการณ์ทำให้เรากล้าบอกคนอื่นว่าระวังๆๆๆ อิอิ พรุ่งนี้โรงพยาบาลใหม่เปิดแล้ว หลวงพ่อท่านเมตตาค่ะจิตอาสาค่ะ ท่านบอกว่าให้มาเช้าๆมาทานข้าวที่โรงพยาบาล ขากลับบ้านวันนี้ดึกไปนิดหนึ่งแม่ชีท่านเป็นธูระจัดรถให้ส่งถึงบ้าน แล้วโทรหากันว่าถึงแล้วปลอดภัยแล้วทุกคนเข้านอนได้ 555 พี่กำลังเข้านอนพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า แต่คิดถึงๅg2k มีอะไรหลายๆอย่างอย่กบันทึก แต่เวลาไม่คอย แถมบอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปรอต้อนรับจิตอาสา และจัดส่งขึ้นรถจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร มาโรงพยาบาลเกตุมดีฯ เพราะน้องอ้อ และน้องหนอจัดรถไว้รับแล้วค่ะ และขอบคุณดอกไม้กำลังใจจากทุกๆท่านนะคะ
|
ขอบคุณค่ะ |
ยายธี |
Joy ขอบคุณค่ะ คิดว่าปกติดีแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง |
บุษยมาศ ขอบคุณค่ะ |
อักขณิช ขอบคุณค่ะ |
ขอบคุณค่ะ อร วรรณดา ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆค่ะ
|