แนวคำตอบข้อสอบอัตนัยรุ่นที่ 32 ฟ้องแพ่ง

*ข้อ1. โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์บ้านซึ่งเป็นตึก 5 ชั้น เลขที่ 111 ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 777 เลขที่ดิน 191 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำขอปลูกสร้าง (หรือสำเนาโฉนดที่ดิน) เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1

*ข้อ 2. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2548 จำเลยได้ตกลงทำสัญญาเช่าบ้านดังกล่าวในข้อ 1. จากโจทก์พร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านดังมีในรายการตามเอกสารแนบท้ายสัญญาเช่า โดยมีกำหนดระยะเวลาเช่า 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 กำหนดค่าเช่าเป็นรายเดือนๆละ 100,000 บาท ชำระล่วงหน้าทุกวันที่ 1 ของเดือน โดยโจทก์ตกลงให้จำเลยเข้าครอบครองใช้ประโยชน์บ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านที่เช่า ตั้งแต่วันทำสัญญารายละเอียดปรากฏตามสำเนาสัญญาเช่าและเอกสารแนบท้ายสัญญา เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2

*ข้อ 3. หลังจากจำเลยได้ครอบครองใช้ประโยชน์ในบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านที่เช่าแล้ว จำเลยได้ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ถึงเดือนกรกฎาคม 2551 จากนั้นจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ตามสัญญา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2551 เป็นต้นมา จนถึงเดือนตุลาคม 2551 และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ก่อนครบกำหนดระยะเวลาเช่าตามสัญญาเช่า 2 เดือน จำเลยได้เลิกเช่าและส่งมอบบ้านที่เช่าคืนให้แก่โจทก์ โดยจำเลยยังไม่มีสิทธิเลิกสัญญาและโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา

*นอกจากนั้นปรากฏว่าในคืนวันที่ 31 ตุลาคม 2551 จำเลยได้ขนย้ายทรัพย์สินของจำเลยออกจากบ้านที่เช่า และจำเลยได้เอาแจกันลายครามราคา 800,00 บาท ของโจทก์ซึ่งเป็นเครื่องประดับในบ้านที่เช่าไปด้วย และจำเลยยังได้ใช้ของมีคมกรีดทำลายเบาะเฟอร์นิเจอร์แบบหลุยส์ของโจทก์ในบ้านที่เช่าทั้งชุดขาดเสียหาย โจทก์จะต้องเสียค่าซ่อมเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งแจกันลายครามและเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งตามรายการเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านตามเอกสารแนบท้ายสัญญาเช่า

*ข้อ 4. การกระทำดังกล่าวของจำเลย เป็นการผิดสัญญาและละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ให้แก่โจทก์ดังนี้

*4.1 ชำระค่าเช่าที่ค้างตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2551 ถึงเดือนตุลาคม 2551 เป็นเวลา 3 เดือน เป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท และค่าเสียหายที่จำเลยเลิกเช่าก่อนครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาเช่าเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งโจทก์ขอคิดเท่ากับค่าเช่า เป็นเงิน 200,000 บาท และชดใช้ค่าซ่อมเฟอร์นิเจอร์ที่เสียหายเป็นเงิน 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยผิดสัญญาเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์ครบถ้วน ซึ่งดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นจำนวน 2,445.20 บาท รวมเป็นเงิน 702,445.20 บาท

*4.2 จำเลยต้องส่งมอบแจกันลายคราม คืนให้แก่โจทก์สภาพเรียบร้อย หากส่งคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน 800ม000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 (หรือวันฟ้อง) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์ครบถ้วน

*รวมค่าเช่าที่ค้าง ค่าเสียหายที่เลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนด ค่าซ่อมเฟอร์นิเจอร์ และราคาแจกันลายคราม เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,502,445.20 บาท

*ก่อนฟ้องโจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง ค่าเสียหายที่เลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนด ค่าซ่อมเฟอร์นิเจอร์ และให้ส่งมอบแจกันลายครามคืนให้แก่โจทก์ ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จำเลยได้รับแล้วเพิกเฉย รายละเอียดปรากฏตาม สำเนาหนังสือทวงถามและใบตอบรับของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 และ 4

*โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยได้ จึงต้องขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งบังคับจำเลยต่อไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คำขอท้ายฟ้อง

1.ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน 702,445.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 700,000 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์ครบถ้วน

2.ให้จำเลยส่งมอบแจกันลายครามของโจทก์ คืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน 800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 (หรือวันฟ้อง) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์ครบถ้วน

3.ให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมศาลและค่าทนายความแทนโจทก์

หมายเหตุตรงที่ทำ * ไว้คือย่อหน้า