BAR ออกแบบหลักสูตร Self Transformation by Enneagram
หลังจากที่ดร. ยุวนุช ทินนะลักษณ์ และผู้เขียนได้ไปเป็นวิทยากร/กระบวนกรเรื่องการพัฒนาตนเองจากภายในด้วยศาสตร์นพลักษณ์ที่ศูนย์พััฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและประชาชน วังน้ำเขียว โดยผู้จัดคือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ก่อนจากกันเรามีสัญญาว่าเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ใกล้จะถึงนี้ เราจะมาจัดหลักสูตร Self Transformation by Enneagram จำนวน ๓ วัน ๒ คืน ที่อยุธยา ริมแม่น้ำป่่าสัก
เพิ่งร่วมแรงแข็งขันกับพี่นุชเขียน Happy Ba eBook เสร็จสิ้นไปวันนี้ ผู้เขียนก็ต้องเร่งรีบปลีกตัวจากงานประจำมาคิดทบทวนถึงการจัดกิจกรรมรู้ตัวเพื่อการพัฒนาจิตที่วังน้ำเขียวที่ผ่านมา เพื่อนำความรู้ฝังลึกมาเตรียมทำการบ้านสำหรับคุณหมอผู้เสียสละทั้ง ๑๕ ท่านที่มีใจใฝ่เรียนรู้แนวทางการพัฒนาจิตสายนพลักษณ์กับการปฏิบัติธรรม เพื่อจะนำไปใช้ในการทำงานที่อุทิศกายใจให้ผู้ป่วย การเดินทางมาพบกันครั้งนี้จึงเป็นนัดสำคัญ
ขอทบทวนภาพบรรยากาศที่วังน้ำเขียวอีกครั้ง เพื่อเรียกความรู้สึกบางอย่างกลับมา จะได้ออกแบบกิจกรรมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น จริง ๆ ก็มีอยู่ในใจแล้วค่ะ แต่การออกแบบกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เขียนคือนึกถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ ในที่นี้ คือคุณหมอผู้ผ่านการปฏิบัติธรรมมาแล้ว และผ่านหลักสูตรนพลักษณ์มาแล้วค่ะ
การเขียนบันทึกนี้ เปรียบเหมือนกำลังนั่ง Bar (Before Action Review) เพียงลำพัง ค่อย ๆ ย้อนรอยไปในอดีตเพื่อนำกลับมาคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ให้การแลกเปลี่ยนครั้งที่สองนี้ลงลึกกว่าเดิม ครั้งที่แล้วจำนวนผู้เข้าร่วมอบรมประมาณสามสิบกว่าคนเกือบจะสี่สิบคนได้ มีทั้งผู้ที่ผ่านการอบรมนพลักษณ์หลักสูตรอื่นมาแล้วและยังไม่ผ่านมาก่อน ผู้เขียนจึงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในแบบขั้นต้นที่เคยทำมา
- อ่านแผ่นป้ายเลือกลักษณ์ เขียนเรื่องเล่าความสุขในแบบฉบับของตนเอง
- เข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันตามโจทย์ที่ให้
- ทำงานกลุ่มและนำเสนอผลงาน
กิจกรรมที่ทำเป็นพื้นฐานของการอบรมครั้งแรก เพื่อให้มองกลับมาดูตนเองและตัดสินว่าเป็นลักษณ์อะไรอย่างหยาบ ๆ และเพื่อให้มองเห็นส่วนเหมือนของเรากับคนที่อยู่ในศูนย์เรา และเห็นส่วนต่างระหว่างคนต่างศูนย์อย่างหยาบ ๆ เช่นกัน ซึ่งกิจกรรมที่ผ่านมาก็ได้ผลในแง่ที่พิสูจน์ได้ว่าเรามีความแตกต่างกันจริงในเรื่องศูนย์สมอง ศูนย์ใจ และศูนย์กาย แต่อย่างไรก็ตาม สมาชิกในกลุ่มบางคนก็ใข่ว่าจะเลือกลักษณ์ของตนเองถูกต้อง หรือแม้ว่าบางคนเลือกถูกต้องแล้ว แต่ก็ไม่ยอมรับที่จะเป็นลักษณ์นี้ลักษณ์เดียว และเชื่อว่าตนมีลักษณ์อื่น ๆ ปะปนอยู่ ทั้งนี้ เนื่องจากการจัดอบรมลักษณะนี้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน จึงยากที่จะเปลี่ยนความเชื่อที่ว่ามานี้ได้ คำพูดที่วิทยากรบอกว่าทุกคนมีลักษณ์เดียว ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากการมองเห็นด้วยตัวของแต่ละคนเอง สิ่งนี้สำคัญยิ่ง
ผู้เขียนเองในฐานะวิทยากร ก็ไม่เคยบอกกับผู้เข้าร่วมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยตรงว่าเขาคือลักษณ์อะไรกันแน่ แต่จะช่วยสะท้อนให้เขามองเห็นตนเองชัดเจนขึ้นเท่านั้น
ข้อสัญญาที่ผู้เขียนเรียนให้คุณหมอทราบสำหรับการจัดอบรมครั้งต่อไปจำนวน ๓ วัน ที่ใกล้จะถึงนี้คือ
- การเก็บวาจา โดยจะพูดได้เฉพาะช่วงเวลาทำกิจกรรมร่วมกันและทำกิจธุระ
- การทานมังสวิรัติสองมื้อ งดอาหารมื้อเย็น
รูปแบบการจัดอบรมหลัก ๆ คือ
- นั่งสมาธิ เดินจงกรม
- สะท้อนความคิด อารมณ์ความรู้สึก (Self Reflection)
- การรับฟังเสียงสะท้อนกลับ (Feedback)
- โยคะกับการภาวนา (คุณหมอผู้เชี่ยวชาญอาสานำกระบวนการ)
- สายธารชีวิต
- กลไกทางจิต
- ค้นหาจุดเปลี่ยน
- เส้นทางการพัฒนา
อื่น ๆ อีกมากมาย...วัตถุประสงค์ มุ่งค้นพบแนวทางการพัฒนาจิตเฉพาะเส้นทางของแต่ละคน ทุกคนจะมองเห็นการบ้านที่ตนเองจะต้องทำจากนี้เป็นต้นไป
หารือกับพี่นุชว่า จะถอดบทเรียนกิจกรรมครั้งนี้ใส่ไว้ในหนังสือศิลปะการพัฒนาตนเองจากภายในที่จะพิมพ์เป็นเล่มให้ทันต้นปีหน้าด้วยค่ะ
หวังว่าน้ำจะไม่ท่วมอยุธยาในเดือนตุลาคมนี้นะคะ สถานที่กำลังเตรียมการ
ไม่ใช่ที่อื่นไกล บ้านพี่นุชเองค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
ความเห็น
เป็นอีกเวทีหนึ่งที่สนใจ เราพูดกันมามากแล้ว แต่เรายังฟังกันน้อยอยู่
ÄÄ...ถ้า..น้ำไม่ท่วม..อยากไปร่วมด้วย..จ้ะ..จะทันการหรือเปล่า..เจ้าคะ..(กลับถึงเมืองไทย..ที่เก้าตุลา..น่ะ..ค่ะ..ยายธี)
