มานลม เป็น 1 ในจำพวกมานทั้ง 18 ประการในคัมภีร์อุทรโรค
มานลม มี 4 ประการ คือ
มานลมบังเกิดแต่กองอโธคมาวาตา
มานลมบังเกิดแต่กองอุทธังคมาวาตา
มานลมบังเกิดแต่กองกุจฉิสยามาตา และ
มานลมบังเกิดแต่กองโกฐฐาสยาวาตา
มานลมอันเกิดจากกองอโธคมาวาตา
มานที่เกิดแต่ลมที่ตั้งอยู่ในท้อง ไม่ได้พัดลงไปตามปกติ
มีลักษณะอาการคือ
มานลมที่เกิดแต่ลมพัดขึ้นเบื้องบน
แพทย์โบราณเรียกว่า"ลมอุธังคมาวาตา"
มีลักษณะอาการคือ
มานลมบังเกิดแต่กองกุจฉิสยาวาตา
มีลักษณะอาการคือ
มานลมบังเกิดแต่กองโกฎฐาสยาวาตา
มีลักษณะอาการคือ
กองลมนี้พัดอยู่ในลำไส้น้อยและลำไส้ใหญ่
เมื่อจะเกิดโทษระคนกันเข้ากับลมอุทรวาตพลอยกำเริบพัดไม่มีกำหนด
ลำไส้ก็พองขึ้นดุจบุคคลเป่าลูกโป่งๆก็พองขึ้นเต็มไปด้วยลม
กระทำให้ผะอืดผะอมถ่ายอุจจาระไม่ได้
โทษอันนีร้คือลมโกฏฐาสยาวาตามิได้พัดอุจจาระลงสู่คูถทวาร
ทวารก็ไม่เปิด อุจจาระจึงเดินไม่ปกติ
ทำให้จุกแน่นเสียดไปทั้งท้อง สะบัดร้อน สะบัดหนาว
โดยลมนั้นกระทำพิษ
สมุนไพรที่รักษาโรคมานลมมีหลายตัว เช่น
โกฐสอ โกฐเชมา ว่านน้ำ รากเตลังดี ลูกผักชี รากมะคำไก่ ส้มกุ้ง ยาดำ การบูร เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ เปล้าน้ำเงิน
ที่มา: ตำราแพทย์แผนไทย กองประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณะสุข
ศ . น.พ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ‘ท้องมาน’ (ascites) คือ ‘ภาวะ’ ที่มีน้ำขังอยู่ในช่องท้องจำนวนมาก โดยเกิดได้จากสาเหตุมากมาย ที่พบบ่อยคือ ภาวะที่เกิดจากโรคตับ โดยเฉพาะตับแข็ง, โรคไต, ช่องท้องอักเสบ จากการติดเชื้อ หรือภูมิแพ้, การขาดแอลบูมิน (โปรตีนในไข่ขาว) และมะเร็งชนิดต่างๆในช่องท้อง เป็นต้น
ที่มา:http://www.sac.or.th/main/content_detail.php?content_id=215
ตำรายารักษาโรคมานที่ปรากฏในหนังสือตำรายาศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖ มีดังนี้
“….ยาถ่ายสรรพมานทั้งปวง เอาผลจันทน์, ดอกจันทน์, กระวาน, กานพลู, ขิงแห้ง, ดีปลี, เลือดแรด, สารส้ม, กะทือ, ไพล, ขมิ้นอ้อย, มหาหิงคุ์ สิ่งละส่วน ยาดำ, รงทอง สิ่งละ ๒ ส่วน ผสมสลอดสิทธิ ๔ ส่วน ทำเป็นจุณบดด้วยน้ำผึ้งให้กินหนัก ๑ สลึง ประจุอุทรโรค คือสรรพมานทั้งปวงหายวิเศษนัก….” (แผ่นที่ ๑๕)
ที่มา: ที่มา:http://www.sac.or.th/main/content_detail.php?content_id=215
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณบันทึกที่ดีมีประโยชน์นะคะ...