จากงานวิจัย สามารถแบ่งประชาชนที่มีปัญหาสถานะบุคคลในพื้นที่ซึ่งคัดเลือกเป็นกรณีศึกษา ออกตามสถานะการเกาะเกี่ยวกับประเทศไทย ได้เป็น ๓ กลุ่ม ประกอบด้วย
๑.) กลุ่มคนดั้งเดิมที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างแท้จริง อันนำไปสู่การได้สัญชาติไทยโดยผลของกฎหมาย ได้แก่
๑.๑. คนไทย เช่นกรณีของเด็กหญิงเบลล์ (กรณีศึกษาที่ ๑) , นางแก้ว เสียงจันทร์ (กรณีศึกษาที่ ๑๑) และนางสาวพร (กรณีศึกษาที่ ๑๕) ซึ่งเป็นคนไทยที่ไม่เคยได้รับการจดทะเบียนการเกิด และไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรไทย ทั้งที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องล้วนมีสัญชาติไทยและมีบัตรประจำตัวประชาชนไทย
๑.๒. กลุ่มชาติพันธุ์มอแกน ที่ตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยก่อน พ.ศ.๒๔๕๖ โดยชาวมอแกนซึ่งถือเป็นคนดั้งเดิมกลุ่มนี้ ดังเช่นชาวมอแกนส่วนใหญ่ที่หมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ซึ่งยังไม่เคยได้รับการสำรวจและจัดทำบัตรประจำตัวใดๆ ก่อนเหตุการณ์คลื่นสึนามิ ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร รวมทั้งจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนให้คนที่อายุครบกำหนด แล้วจำนวนทั้งสิ้น ๙๓ คน
๑.๓. คนเชื้อสายไทย หรือคนไทยพลัดถิ่น เช่นเด็กชายสมปอง สินสุวรรณ (กรณีศึกษาที่ ๑๖) ซึ่งแม้เกิดที่ประเทศพม่า แต่เกิดจากมารดาที่เป็นคนเชื้อสายไทยและมีสัญชาติไทย เป็นต้น
๒) กลุ่มคนต่างด้าวที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างแท้จริง (genuine link)
โดยยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๘ ได้กำหนดเกณฑ์การอาศัยอยู่ในประเทศไทยติดต่อกันเป็นระยะเวลานานไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี นับจากมีคณะรัฐมนตรีเห็นชอบยุทธศาสตร์ฯ เป็นเส้นแบ่งของการมีจุดเกาะเกี่ยวตามหลักดินแดนของคนต่างด้าว ดังเช่นกรณีของนางส้มแป้น กล้าทะเล (กรณีศึกษาที่ ๒๐) หญิงมอแกนที่เดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยกว่า ๒๐ ปีแล้ว รวมทั้งนายวิรัตน์ สวัสดิ์สายวารี (กรณีศึกษาที่ ๑๙) คนไทยพลัดถิ่น ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ ๓๗ ปีก่อน
นอกจากนี้ การมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยหลักบุคคลยังเกิดจากการมีบุพการีหรือบรรพบุรุษที่มีสัญชาติไทย ดังเช่นกรณีคนไทยพลัดถิ่นหลายกรณี เช่น นายกาหรีม เจริญฤทธิ์ (กรณีศึกษาที่ ๕) หรือมีบุพการีที่เกิดในประเทศไทย เช่น เด็กชายกรการ เจริญฤทธิ์ (กรณีศึกษาที่ ๓) หรือกรณีที่มีผู้สืบสันดานที่มีสัญชาติไทย เช่น นางสาวแสงเดือน ทานะสมบัติ (กรณีศึกษาที่ ๑๘) บุคคลสัญชาติลาวที่มีสามีและบุตรเป็นคนสัญชาติไทย รวมทั้งกรณีคนไร้รากเหง้าที่เกิดในประเทศไทย เช่นเด็กหญิงโบ (กรณีศึกษาที่ ๒๒) หรือนางสาวไข่มุก (กรณีศึกษาที่ ๒๓) เป็นต้น
๓) กลุ่มคนต่างด้าวที่ไม่มีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างแท้จริง
ได้แก่ กรณีของเด็กชายบิ๊ก (กรณีศึกษาที่ ๔) หรือเด็กหญิงซิน (กรณีศึกษาที่ ๑๔) ซึ่งเป็นลูกที่เกิดในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า และนายมูซา (กรณีศึกษาที่ ๒๑) คนต่างด้าวซึ่งมีครอบครัวที่อาศัยอยู่ชั่วคราวในประเทศไทย เป็นต้น
สภาพปัญหาอันมีผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัวแม้ปัจจุบันภาคราชการจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลตามแนวทางของยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิ ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๘ ที่ยึดหลักการกำหนดสถานะบุคคลตามจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยของประชาชน ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศแล้วก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติก็ยังคงมีการพิจารณาดำเนินการตามกลุ่มชาติพันธุ์ เช่นที่กำลังเร่งดำเนินการให้สถานะแก่กลุ่มคนเชื้อสายไทย หรือคนไทยพลัดถิ่น และกลุ่มชาติพันธุ์มอแกน ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้ หากไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ อาจส่งผลให้คนที่มีสัญชาติไทยบางคน ต้องได้รับสถานะคนต่างด้าวหรือได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ เช่นกรณีบิดาของนายกาหรีม เจริญฤทธิ์ (กรณีศึกษาที่ ๕) หรือกรณีคนไทยพลัดถิ่นในสถานการณ์เดียวกันที่เข้าไปอาศัยที่จังหวัดมะริด ทวาย หรือตะนาวศรี ภายหลังจากที่ตกเป็นดินแดนของประเทศพม่า ซึ่งตามกฎหมายถือว่าพวกเขายังไม่เคยเสียสัญชาติไทยไป จึงไม่จำเป็นต้องแปลงสัญชาติ เป็นต้น
ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล จึงไม่ควรมีการตีตราโดยแบ่งแยกกลุ่มต่างๆ แต่ทุกฝ่ายควรตระหนักว่า ในท่ามกลางประชาชนแต่ละชาติพันธุ์ที่มีอยู่หลากหลายนี้ แม้ในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันก็อาจมีสถานะบุคคลตามกฎหมายที่แตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับความเกาะเกี่ยวกับประเทศไทย ที่ต้องได้รับการพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ เช่นกรณีของคนไทยพลัดถิ่น ที่แม้เกิดและเติบโตที่ประเทศพม่า แต่หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงเครือญาติที่เป็นบรรพบุรุษที่มีสัญชาติไทยได้ ก็ถือได้ว่ามีความเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างแท้จริง
ไม่มีความเห็น