ผมยอมรับว่า ตั้งแต่มอบบทเพลง "บ้านป่า"ให้ท่านอาจารย์ นุ แห่งมศว ประสานมิตร เพื่อให้ท่านช่วยอนุเคราะห์ใส่ทำนองดนตรี ถ้าโชคดีอาจได้อยู่ร่วมอัลบั้ม "โลกสีเขียว" ซึ่งท่านอาจารย์กำลังทำอยู่ และวันนั้นที่มอบบทเพลงไป ผ่านมาแล้ว ๒ สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก มีกำลังใจไปสืบค้นเนื้อเพลงที่แต่งเสร็จแล้ว และที่ยังแต่งไม่เสร็จ ก็นำมาดูใหม่ แม้ไม่มากนักแต่ก็สุขใจ ที่ได้เรียบเรียงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ทั้งแหล่งเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม
พูดถึงเนื้อเพลง "บ้านป่า" สักนิด ผมเน้นให้เป็นเพลงลูกทุ่งจังหวะบีกิน เน้นเนื้อหาให้เห็นคุณค่าของป่าไม้ ใครได้ศึกษาและสัมผัสป่าอย่างใกล้ชิด จะรักและหวงแหนป่าไม้ของชาติ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ถ้าเนื้อเพลงของผมได้ใส่ดนตรีเรียบร้อย ผมจะนำไปเปิดหอกระจายข่าวและใช้เป็นสื่อการสอนนักเรียนต่อไป
ผมเชื่อว่า บทเพลงต่างๆ ที่แต่งโดยมีวัตถุประสงค์ สามารถโน้มน้าวจิตใจเยาวชนให้รักสิ่งแวดล้อมได้ รวมทั้งบทเพลงก็ช่วยให้ครู-นักเรียน รักองค์กร รักโรงเรียนของเขา ผมสังเกตเรื่องนี้ตั้งแต่ปีการศึกษา๒๕๕๒-๒๕๕๓ โดยได้แต่งเพลงประจำโรงเรียน หรือจะเรียกว่า "มาร์ชหนองผือ"ก็ได้ นักเรียนรุ่นแรกๆที่ได้ร้อง ต้องฝึกกันนาน และร้องเพลงโรงเรียนไม่ได้ก็หลายคน ทั้งที่ทำนองเพลงมาร์ชก็ไม่ยากนัก เนื้อหาก็ง่าย มีสัมผัส และให้ความหมายพอสมควร และที่น่าแปลกใจคุณครูหลายท่านก็ร้องไม่ได้เหมือนกัน
ตอนหลัง..พอโรงเรียนพัฒนาเข้าสู่กระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง..เต็มรูปแบบ จำเป็นต้องมีสัญลักษณ์ ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเรา นอกเหนือจากเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งการละเล่นพื้นบ้านและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมไทยก็ว่ากันไป แต่นักเรียนทุกคนต้องกล้าแสดงออกด้วยการขับร้องเพลงประจำโรงเรียนร่วมกัน ด้วยเสียงอันดัง พร้อมเพรียงและทะนงองอาจ ที่จะนำเสนอความเป็นหนึ่งเดียว..รู้รักสามัคคีของโรงเรียนขนาดเล็ก
ปีสองปีมานี้ ก็ฝึกร้องกันหลายเพลง แต่ไม่มีเพลงไหน ไพเราะเท่า "มาร์ชหนองผือ" ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะเห็นนักเรียนทุกคน ตั้งแต่อนุบาล ๑ - ป.๖ ร้องกันได้ทุกคน ร้องกันแบบไม่ต้องบังคับ ใครจะปรบมือ ขยับแข้งขยับขาเราไม่ว่า มีโอกาสร้องเพลงนี้ให้คณะที่มาเยี่ยมเยือนรับฟังและ ให้คณะศึกษานิเทศก์ฟังก็หลายครั้ง ผมรับหน้าที่ตีกลองจังหวะมาร์ช ต้องยอมรับเลยว่า พอฝึกร้องบ่อยๆ ออกงานบ่อยๆ รู้สึกว่าเพลงเพราะมาก ให้ความหมายดี ผมไม่ได้พูดคนเดียวด้วย เพื่อนครูที่อยู่กับผมมา ๓ - ๔ ปี ยืนฟังนักเรียนร้อง ร่วมปรบมือ ยิ้มไปยิ้มมาออกปากเลยว่า ผอ.ทำไมไม่ทำดนตรีให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย..
ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะไปพึ่งพาใคร ตอนนี้ ครูนิรุต ก็พยายามหาลู่ทางอยู่ ได้ข่าวว่า ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเหมือนกัน ทั้งคนร้องและคนทำดนตรี แต่ผมก็จะพยายามทำเรื่องนี้ต่อไป รู้สึกอายเหมือนกัน ที่เห็นโรงเรียนที่เขามาศึกษาดูงานเรา กลับไปแล้วได้ข่าวว่า ไปจ้างคนแต่งแล้วใส่ดนตรี เป็นเพลงประจำโรงเรียนเขา จนสำเร็จและเปิดฟังกันนานแล้ว อย่างว่าแหละมันขึ้นอยู่กับศักยภาพของโรงเรียนด้วยเหมือนกัน
บทเพลงประจำโรงเรียน จะช่วยส่งเสริมจิตสำนึกให้นักเรียนรักโรงเรียน รักในการพัฒนาตนเอง เข้าใจตนเองและมีส่วนได้ส่วนเสีย รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน กำลังทำอะไร และจะพัฒนาอะไรต่อไป ไม่ดูถูกเหยียดหยามองค์กรและชุมชนของตนเอง รู้รักสามัคคีที่พร้อมจะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปให้ได้
ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก ลองติดตามเนื้อเพลงดูนะครับ..แล้วท่านคิดอย่างผมหรือเปล่า
....สถานศึกษาแห่งนี้ของเด็กน้อย
ครูจึงคอยดูแลให้ทั่วถึง
การศึกษาเร่งสัมฤทธิ์ติดตราตรึง
เฝ้าคำนึงให้ก้าวหน้าวิชาการ
สัญลักษณ์น้ำเงิน-เหลืองเรื่องนิสัย
สามัคคี มีวินัย และกล้าหาญ
คุณธรรมนำความรู้บูรณาการ
สืบสานการละเล่นเน้นความเป็นไทย
เราอ่านคล่องเขียนคล่องทั้งน้องพี่
หนองผือมีแหล่งเรียนรู้ดูสดใส
เทคโนโลยีสื่อสารผ่านทางไกล
พร้อมก้าวไปให้ประจักษ์ทักษะวิชา
สถานศึกษาเล็กเล็กเด็กหนองผือ
เรายึดถือภารกิจการศึกษา
ครูมีน้อยก็ไม่ยอม..พร้อมพัฒนา
คือคุณค่า..หนองผือ..ระบือนาม.
.....ถ้าผมโชคดี มีคนช่วยทำดนตรีให้ หากสำเร็จเรียบร้อย จะมาเปิดให้ฟังนะครับ
ผมมีคำถาม ...
มีสิ่งใดบ้างที่ ผอ.โรงเีรียนขนาดเล็ก ไม่ต้องทำในโรงเรียน?
;)...
รอฟังเช่นกันค่ะ :)
เพลงนี้ชอบมาก ฟังแล้วมีพลัง เพราะเราหัวอกโรงเรียนเหมือนกัน เข้าใจกันดี สู้ๆๆๆ ค่ะ ท่าน ผอ.ด้วย 1 สมอง 2มือ ของเราไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
Iอยากฟังค่ะขอให้ทำได้นะค่ะสู้ๆ