บันทึกการเดินทาง ตอนพิเศษ.... ลมหายใจกับเข็มวินาที...ที่เหลืออยู่...


<วันก่อนได้อ่านบทความของน้องที่ทำงานร่วมกันเขียนบทความเกี่ยวกับแม่ อ่านแล้วรู้สึกดีจึงนำมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน>.......
<ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่าปราศจากเครื่องอำนวยความสะดวก มีเพียงนาฬิกาเรือนกะทัดรัดที่ได้ยินแต่เสียงเข็มวินาทีเดินตามหลังเข็มนาทีอย่างเชื่องช้า คลอไปกับเสียงลมหายใจเข้าออก ที่ปลดปล่อยออกจากร่างกายพร้อมกับความว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ไร้ทิศทาง ที่ไม่รู้แม้กระทั่งเส้นทางเส้นนี้จุดหมายปลายทาง..............มันจะเป็นอย่างไร บนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้จะมีสักกี่คนที่คิด ระลึกถึง และถามตัวเองว่า ระหว่างคนที่ให้กำเนิดตนนั้น รักใครมากกว่ากัน ระหว่าง “พ่อ” กับ “แม่” และเคยไหมที่ถามตัวเองว่าหากเลือกได้ คุณอยากให้คนไหนจากเราไปก่อนกัน หลายคนอาจมองว่าเป็นคำถามบ้าบออะไร แต่เชื่อว่ามีคนคิด อย่างน้อยก็ฉัน
ฉันเป็นคนหนึ่งที่คิดอย่างนั้นตั้งแต่เริ่มเติบโตมา และมีความคิดนี้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ซึ่งชีวิตก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งสิ่งที่คิดตลอดก็มาถึง..จนได้ แต่กลับกลายเป็นคนที่ฉันคิดว่าขอให้คนๆนี้เป็นคนที่สอง มิใช่คนแรกที่จะจากฉันไปอย่างไม่หวนกลับ...คนที่เลือกจะเจ็บปวดที่สุดเพื่อแลกกับการมีลมหายใจแรกและลมหายใจจนวันนี้ของฉัน คนนั้นคือ “แม่” แม่ของฉันป่วยเป็นโรคร้ายที่รักษาได้ หากรู้ล่วงหน้าในระยะแรกๆ แต่นี่มันคือ มะเร็งรังไข่ระยะสุดท้ายที่ยากที่จะป้องกันและรักษา ครั้งแรกที่ได้รับรู้ มันมีภาพที่เสมือนว่าเราเป็นนักแสดงตัวหนึ่งในละครอย่างไรอย่างนั้น คำพูดที่คิดได้ ณ ตอนนั้นคือ มีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ คำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างกับละครมากนัก หมอบอกว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจ (เหมือนที่เขาว่าชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายเป็นอย่างนี้นี่เอง) หลังเสียงบอกเล่าของหมอในวินาทีนั้น ความคิดที่เข้ามาก็คือ เอาแล้ว สิ่งที่คิดอยู่ตลอดเวลากำลังจะมาถึงแล้ว นั่นคือ “การทำใจ” ยอมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต.....หลังจากนั้นไม่ถึง 4 เดือน คนที่ขึ้นชื่อว่า แม่ ก็ได้ลาจากไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ เอาแล้วสิ หลังจากนี้ คนถัดไปที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในชีวิต ก็ต้องเป็นคนถัดไปใช่ไหม ไม่ช้าก็เร็ว การดำเนินชีวิตที่เตือนตัวเองเสมอมา กับระยะเวลา 10 ปี สิ่งที่คิดที่เตือนตัวเองเสมอก็มาเคาะหน้าประตูบ้าน พร้อมกับเหตุการณ์ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก นั่นคือ โรคร้ายเช่นเดียวกับแม่เมื่อ 10 ปีก่อน นั่นคือมะเร็งตับระยะสุดท้าย หลังจากรับรู้ไม่กี่วินาที ภาพทรงจำเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตก็หวนกลับมาในความทรงจำ แต่ที่แตกต่างกันก็คือ ก่อนหน้านี้ยังมีคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่ออยู่ข้างๆ ช่วยคิด ช่วยตัดสินใจ ช่วยกันดูแลผู้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่า แม่ แต่ครั้งนี้ ไม่มี ไม่มีจริงๆ นี่ฉันกำลังจะต้องอยู่บนโลกกว้างๆ ใบนี้เพียงคนเดียวแล้ว จริงๆเหรอ แล้วพ่อจะอยู่กับฉันได้นานเท่าไหร่ มันคือคำถามที่เกิดขึ้นในความคิด
ฉันต้องดูแลพ่อเพียงคนเดียว และอยู่คนเดียวตลอดไปในระเวลาข้างหน้านี้ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าอีกนานแค่ไหน แล้ววันนั้นก็มาถึงอย่างรวดเร็ว...1 เดือน กับระยะเวลาที่ฉันได้ดูแลผู้ให้กำเนิดคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่ก็เป็น 1 เดือนที่คิดว่า ทำดีที่สุดแล้ว ถามตัวเองว่า เร็วเกินไปหรือเปล่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เร็วนะ เร็วจริงๆ แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นสิ่งดี ที่ท่านจะได้ไม่ต้องทรมานมากเกินไปกว่านี้ หลายคนคงคิดว่า เป็นความคิดที่แปลก รวมถึงบางคนอาจคิดว่าจะแช่งคนที่เรารักไปเพื่ออะไร ไม่รู้สินะ!! การที่มีความคิดที่เตือนสติตนเองอยู่เสมอ มันจะทำให้เราใช้เวลาทุกวินาทีกับคนที่เรารักอย่างคุ้มค่าที่สุด ชีวิตฉันได้อยู่กับผู้ให้กำเนิดเพียง 977,616,000 ล้านวินาที และเหลืออีกกี่วินาทีที่ฉันจะได้อยู่บนโลกใบนี้ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเรา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง และมันยังทำให้เราพร้อมที่จะคิด วางแผนการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตได้ดีเลยทีเดียว สำคัญที่สุด ยังเป็นการเตรียมใจ เตรียมความรู้สึกข้างในลึกๆ ที่แม้จะไม่อยากให้มันเกิดขึ้นก็ตามแต่ เพื่อเมื่อถึงวัน เวลา และวินาทีนั้นจริงๆ เราจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้....อย่างรวดเร็ว จนถึงวันนี้ ได้แต่บอกตัวเองว่า...หนทางข้างหน้าจะดำเนินไปอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับเท้าทั้ง 2 ข้างที่จะเลือกเดินต่อไป โดยมี พ่อ และแม่ คอยเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกคนนี้ต้องดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคต.........คิดถึงค่ะ........!!!!! >

หมายเลขบันทึก: 544894เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2013 15:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2013 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น้อง...ตอเช้าน่าอีออกบวช หลบบ้านมาหามะม้าย 

 

บังขอโทษทีนานๆเข้ามาเปิดดูขอเบอร์ทีตะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท