ผมเป็นคนไม่ชอบดูโทรทัศน์นัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูเลยมีรายการโทรทัศน์หลายรายการที่ผมชอบและอยากให้ลูกๆผมชอบด้วย เช่น ท้าให้อ่าน English breakfast วิทยสัประยุทธ์ 50/50 mega clever คาโซไทโชเกมส์ซ่าท่ากึ๋น sponge และที่ชอบมากคือ ทีวีแชมเปี้ยนส์ เหตุผลที่ชอบรายการพวกนี้ก็เพราะว่ามันช่วยเปิดโลกทัศน์อันคับแคบของผมให้กว้างขึ้นได้ทุกครั้งที่ดู ดูกี่ครั้งก็อดทึ่งในความสามารถของเด็ก ๆ ที่ร่วมรายการไม่ได้ โดยเฉพาะเกมส์โชว์ทั้งสองรายการจากฝั่งญี่ปุ่น ดูแล้วก็นึกในใจว่า เออ....ไม่แปลกเลย ที่คนญี่ปุ่นเขาจะเป็นผู้นำในการค้นคิดสิ่งประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่แพ้ฝรั่งทั้งหลาย
ในฐานะที่เป็นครูก็นึกถึงระบบการศึกษาของญี่ปุ่นที่เคยได้ยินได้ฟังมา (รวมถึงได้มีโอกาสเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ 3 เทอม) ที่เขาว่ากันว่าเน้นหนักในเรื่องความขยัน การตำหนิตนเอง และอุปนิสัยการเรียนรู้ที่ดี ชาวญี่ปุ่นถูกปลูกฝังว่าการทำงานหนักและความขยันหมั่นเพียรจะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต โรงเรียนจึงอุทิศให้กับการสอนทัศนคติ คุณธรรม จริยธรรมให้กับนักเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่สำคัญคือการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการทำงานเป็นทีมให้เกิดกับเด็กๆที่นั่น เพราะเมื่อมีความคิดสร้างสรรค์แล้ว ผลสัมฤทธิ์ที่ดีก็ตามมาไม่ยาก
ย้อนกลับมาที่บ้านเรา ผมเห็นมีโครงการ กิจกรรม การแข่งขันที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์มากมาย เมื่อสิ้นปีการศึกษาก็สรุปออกมาว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น คะแนนสอบระดับชาติสูงขึ้น แต่คุณภาพในตัวเด็กบอกไม่ได้ว่าดีขึ้นหรือลดลง พอจบออกไปทำงานในสถานประกอบการต่าง ๆ เมื่อหัวหน้าให้งานใหม่ที่ไม่เคยทำ หรือให้ออกความคิดเห็น ก็มักจะทำไม่ได้ ทำไม่ถูกหรือบ้างก็ไม่ทำเลยก็มี
ครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินว่าบริษัทปูนแห่งหนึ่งจะรับสมัครพนักงานเข้าทำงานทันทีถ้าจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังโดยมีผลการเรียน 3.25 ขึ้นไป แต่เดี๋ยวนี้บริษัทดังกล่าวได้เปลี่ยนคุณสมบัติที่ว่าไปแล้ว โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังเพียงแห่งเดียว ขอให้เรียนดีไม่ต้องเก่ง แต่ต้องเคยมีประสบการณ์การทำงานกิจกรรมในตำแหน้งสำคัญๆ ของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ข้อนีคงพิสูจน์ในระดับหนึ่งว่า ผลสัมฤทธ์คงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการพัฒนาเด็ก ๆ ของเราอีกแล้ว (ใช่ไหมครับ)
จิรเมธขฐ์
บันทึกที่บ้านชั้นล่าง 21.39 น.
ไม่มีความเห็น