เป็นที่ทราบกันดีว่าหากใครรับประทานแมงดาทะเลชนิดมีพิษเข้าไปที่ผ่านมาการแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีทางรักษาหากปริมาณพิษที่ได้รับเข้าไปมากเกินกว่าร่างกายขับออกได้เป็นอันถึงตายทุกราย จนเมื่อเกิดกรณีของกรณีนายศุภชัย จุลมูล อายุ 42 ปี และนางนงนุช ปงเมฆ อายุ
40 ปี 2 สามีภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 1/2 บ้านอีแล็ด หมู่ 2 ต.หาดทรายรี
อ.เมืองชุมพร อาชีพรับซื้ออาหารทะเล นำไข่แมงดาทะเลชนิดมีพิษหรือ
แมงดาถ้วยหรือเหราหรือแมงดาไฟ มายำกับมะม่วงดิบ ทำเป็นอาหารจานโปรดเลี้ยงสมาชิกในครอบครัว
แต่ภายหลังรับประทานเข้าไปไม่นาน ปรากฏว่าทุกคนเกิดอาการแน่นหน้าอก
ปากมือเท้าชา อาเจียน ไม่มีเรี่ยวแรง ญาติต้องหามส่ง
โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร 5 ราย ในจำนวนนี้มีอาการโคม่า 2
ราย คือนางนงนุช กับ ด.ญ. ดารารัตน์ จุลมูล อายุ 11 ขวบ ลูกสาว
แพทย์
ต้องส่งตัวเข้าห้องไอซียู ส่วนนายศุภชัยและลูกอีก 2 คน คือนายวีรยุทธ
จุลมูล อายุ 17 ปี และ เด็กชายวีระชัย จุลมูล อายุ 12 ปี อาการปลอดภัย
ความคืบหน้าเมื่อตอนสายวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่
รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร พบ
เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายนางนงนุช และ เด็กหญิงดารารัตน์ ออกจากห้องไอซียูไปยังห้องพักฟื้นตึกหมอพร โดย
นางนงนุชซึ่งนอนอยู่บนรถเข็นผู้ป่วย มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางวนิดา จุลมูล อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 2
ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร แม่นายศุภชัย สามีของนางนงนุชเปิดเผยว่า
ขณะนี้ได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่า นางนงนุชกับ เด็กหญิงดารารัตน์
ลูกสะใภ้และหลานสาวอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์ได้ถอดเครื่องหายใจออกแล้ว
ทั้งลูกสะใภ้และหลานสาวรอดตายครั้งนี้เหมือนปาฏิหาริย์ ตอนแรกที่พาส่ง โรงพยาบาลอาการโคม่า แพทย์เรียกญาติไปพบบอกว่าให้ทำใจ โอกาสรอดมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นางวนิดาเปิดเผยอีกว่า ระหว่างที่ทุกคนนั่งเฝ้าอาการด้วยความสิ้นหวังอยู่นั้น มีพยาบาลรายหนึ่งที่เฝ้าไข้เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ป่วยรายหนึ่งรับประทานแมงดาพิษเข้าไป ญาติเอาต้นรางจืดซึ่งเป็นพืชสมุนไพรมาตำคั้นเอาน้ำให้ผู้ป่วยดื่มกิน ผลปรากฏว่าแก้พิษได้ และรอดตายในที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้เกิดความหวังขึ้นมา โทรศัพท์บอกญาติให้นำต้นรางจืดมาให้ทั้งต้นและราก จากนั้นนำไปตำจนละเอียดคั้นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำซาวข้าวให้พยาบาลฉีดเข้าไปทาง หลอดอาหารให้กับนางนงนุชก่อน หลังเวลาผ่านไปประมาณ 5-6 ชั่วโมง ปรากฏว่านางนงนุชเริ่มรู้สึกตัว พูดได้ แพทย์เจ้าของไข้จึงอนุญาตให้นำรางจืดไปใช้รักษา เด็กหญิงดารารัตน์ อีกคน เวลาผ่านไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมง เด็กเหญิงดารารัตน์เริ่มรู้สึกตัว สร้างความประหลาดใจให้กับแพทย์เป็นอย่างมาก เมื่อแพทย์เห็นเช่นนั้นนำรางจืดให้ผู้ป่วยรับประทานทุก 3 ชั่วโมง ปริมาณครั้งละ 10 ซีซี กระทั่งในวันเดียวกันนี้ แพทย์วัดความดัน การเต้นของหัวใจของผู้ป่วยยืนยันว่าทั้งคู่ปลอดภัย แพทย์ เชื่อว่าเหตุที่รอดตายเพราะต้นรางจืดแน่นอน เพราะคนที่รับประทานแมงดาพิษไม่มีทางรักษาต้องตายทุกราย
ด้าน แพทย์หญิงสุพรรณี ประดิษฐ์สถาวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพบาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กล่าวว่า ปกติคนที่รับประทานแมงดาถ้วย หรือเหรา หรือแมงดาไฟเข้าไปแล้วเกิดอาการเป็นพิษจะไม่มียาใดๆ รักษาแก้พิษ แพทย์ทำได้แต่เพียงล้างท้อง หรือทำให้อาเจียน แล้วใช้เครื่องช่วยหายใจ การที่แพทย์ หรือพยาบาลยอมให้ญาตินำเอาสมุนไพรอย่างรางจืดมาให้ผู้ป่วยกินนั้น เพราะปัจจุบันนี้ เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่แพทย์เห็นว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่า แพทย์มีสิทธิที่จะทำตามคำขอของญาติผู้ป่วยนั้นๆ ยิ่งต้นรางจืดเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้พิษได้ ทั้งต้นและรากของรางจืดจะเป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้ช่วยขับพิษแมงดาทะเลออกมาทางปัสสาวะของผู้ป่วย จนอาการของแม่ลูกดีขึ้นตามลำดับ ขณะนี้ทราบมาว่าแพทย์อนุญาตให้นำทั้งคู่ ออกจากห้องไอซียูไปพักฟื้นตึกหมอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากอาการปลอดภัย คาดว่าพรุ่งนี้คงจะกลับบ้านได้ สำหรับต้นรางจืดกำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีใครทำการวิจัยไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีจะถือโอกาสศึกษาและนำมาใช้เป็นยาแก้พิษแมงดาทะเลมีพิษต่อไป
เครดิตจาก
http://hilight.kapook.com/view/20199
ขอบคุณค่ะ สำหรับสาระดีๆ ค่ะ
อยากบอกว่าชอบทานมากๆ ยำไข่แมงดาทะเลค่ะ ใส่มะม่วงยำ
แต่คอลเรสเตอรอลก็สูงอยู่นะคะ
..เป็นเรื่องที่น่า..ยินดี..มากๆๆ.."ถ้าแพทย์..ของเรา..ยังรับรู้..และไม่ปฏิเสธ..พืชสมุนไพร.."..อย่างนายแพทย์..ท่านนั้น..และยังจะ..นำเรื่อง(วิจัย)และ..พิษ..ชนิดนี้..กับ..พืช..สมุนไพร..รางจืด..(เท่าที่ทราบรางจืด..เป็นพืชที่ใช้แก้พิษเบื่อเมาได้..ชงัด..นัก)...มีผู้กิน..หัวในดิน..เพราะเข้าใจว่าเป็นแห้วหมู..รอดตาย..เช่นเดียว..กับกรณีนี้เช่นกัน...)..และอีกชนิดหนึ่งที่แก้พิษสัตว์กัดต่อยชงัด..นัก.(คือ..เสลด..พังพอน..)....พืชสมุนไพร..บ้านเรา..เมืองร้อน..จึงควร..รักษาพืชพันธุ์กันไว้ให้ดีๆ..นะเจ้าคะ...
"ต้นสด..ควรมีกันไว้..ประจำบ้าน...พอก..ตำ..คั้น..กิน..นั้น..เป็นวิธีง่ายๆ"..ไม่ต้องซื้อ...ยาประจำบ้าน..ที่น่าจะรื้อฟื้น..ความทรงจำอีกครั้ง..ใน..สังคมสมัยใหม่..."..(แอบคิด..ยายธี).
ขอบคุณ คุณ Bright Lilyคะ และขอบคุณ สาระดีๆที่เพิ่มเติมมาของ คุณ ยายธี มากคะ
ขอบคุณมากนะคะ ที่ขยายความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของ "ว่านรางจืด" ก่อนนั้นใช้ประโยชน์แค่ต้มกับใบเตยเพื่อสลายหินปูนที่เกาะตามอวัยวะภายในต่างๆ ตามที่ได้อ่านมา
ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นมากเลยคะ คุณ ไอดิน-กลิ่นไม้ ขอบคุณมากนะคะ