โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

ระหว่างการเดินทาง



  ชายเขาแห่งนั้นมีกุฏิหลังเล็กสองหลังตั้งอยู่ชายเขาไม่ไกลจากหมู่บ้านชาวประมงริมทะเล เหนือกุฏิหลังเล็กๆ นั่นขึ้นไปบนเขามีเจดีย์สีทองสูงท่วมหัวบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เป็นที่สักการะของทวยเทพเทวา และประชาทั่วไป เล่ากันต่อมาว่า ค่ำคืนวันพระ และวันสำคัญทางศาสนามักมีดวงไฟสว่างโพลนลอยวนขวาเป็นทักษิณาวัตร เหนือพระเจดีย์แห่งนี้บ่อยครั้ง


  ภิกษุสองรูปรอนแรมธุดงค์มาจากภาคอิสานเพื่อลงไปปฏิบัติธรรมทางภาคใต้ บังเอิญพลบค่ำจึงมองหาชาวบ้านเพื่อสอบถามถึงที่พักสงฆ์อันสงบห่างไกลหมู่บ้านพอสมควรไม่ขัดต่อธุดงควัตร ชาวประมงคนหนึ่งนั่งดื่มสุราเงียบๆ อยู่บนศาลาริมทาง ท่านหยุดเดินเพื่อถามไถ่ “เจริญพรโยม แถวนี้มีที่พักสงฆ์บ้างไหม” ชายขี้เมาเงยหน้าขึ้นจากขวดสุราพนมมือตอบ “ในหมู่บ้านมีวัดอยู่นะหลวงพ่อ” พระหนุ่มหันไปขอความเห็นพระอาวุโสอีกรูปที่เดินทางมาด้วยกัน “พักวัดคงไม่ดีนะครับอาจารย์” พระอาวุโสพยักหน้า ปล่อยการเจรจาให้เป็นหน้าที่ของพระหนุ่ม  พระหนุ่มหันไปหาโยมคนเดิม “ที่พักสงฆ์ห่างไกลหมู่บ้านหน่อยหนึ่ง มีอยู่หรือไม่” แม่ว่าเขาจะขี้เมาแต่ว่าเขายังรู้จักพระ พนมมือตอบอย่างสำรวม “มีอยู่ แต่ไม่ใช่ที่พักสงฆ์หรอก มีแค่กุฏิสองหลังพอดี เคยมีพระอยู่จำพรรษาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว”


  พระหนุ่มหันไปหาพระอาวุโส เห็นท่านพยักหน้าอีกครั้ง ท่านจึงหันมาหาโยม “อาตมาไม่รู้จักสถานที่ ช่วยพาไปหน่อยได้หรือไม่” ชายขี้เมาไม่ตอบคำถามแต่ขยับตัวลุกขึ้นยื่นมีอาการเซเล็กน้อย “ได้ครับ ตามผมมา” แล้วเดินนำหน้าพระสองรูปไปที่กระท่อมหลังเล็กห่างออกไปราว 100 เมตร ใต้ร่มต้นหูกวางข้างบ้านมีรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างเก่าอยู่หนึ่งคัน เขาหันมาหาพระทั้งสองรูปพนมมือนิมนต์ ด้วยท่าทีของชาวพุทธ “นิมนต์พระคุณท่านขึ้นรถครับผม” พระสองรูปขึ้นรถด้วยอาการอันสงบปราศจากวาจา ไม่นานนักชายคนดั่งกล่าวหยุดรถแล้วดับเครื่อง พนมมือแล้วชี้นิ้วไปที่เชิงเขา นิมนต์พระคุณเจ้า พักที่กุฏินั่นได้เลย เดี๋ยวผมเอาน้ำท่ามาถวาย” พระหนุ่มเจริญพรแล้วเดินนำหน้าขึ้นไปที่กุฏิ ชายขี้เมายืนมองท่านทั้งสองเดินไปที่กุฏิยกพื้นหลังคามุงจากเห็นท่านวางบาตรย่ามกลดและถอดจีวรแขวนไว้บนราวข้างๆ แล้วเริ่มลงมือทำความสะอาด เขาจึงขับรถพ่วงข้างกลับบ้านไป


  เขานำข่าวไปบอกชาวบ้านว่ามีพระสองรูปมาพักที่กุฏิที่พักสงฆ์แล้ว ชาวบ้านต่างรู้หน้าที่รวมตัวกันซื้อน้ำเปล่าน้ำปานะมาให้ชายคนดั่งกล่าวไปถวายพระเต็มคันรถแล้วเขาขับรถกลับไปที่พักสงฆ์อีกครั้ง นำไปถวายพระเรียบร้อยแล้ว รับพรจากพระแล้วจึงกลับบ้าน เขารู้ว่าน้ำในแท็งค์ใหญ่ข้างกุฏิเหลืออยู่พอให้พระสองรูปใช้ได้อีกหลายวัน จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องน้ำฉันน้ำใช้อีกแล้ว


  พระสองรูปต่างทำความสะอาดกุฏิของตนเสร็จแล้วสรงน้ำจากแท็งค์ใหญ่ ก่อนกลับเข้ากุฏิของตนโดยไม่พูดจา เหมือนว่า พระสองรูปต่างองค์ต่างเร่งภาวนาตามวิธีของตน ไม่นานนักแว่วได้ยินเสียงทั้งสองท่านต่างองค์ต่างสวดมนต์พึมพำเบาๆ แต่ก้องกังวานอยู่ในบรรยากาศอันเงียบสงบ ขณะชาวบ้านต่างเดินทางกลับบ้านหุงหาอาหารดื่มกินก่อนพักผ่อนหลับนอนหลังจากรำงานมาตลอดวันอันยาวนาน ดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปนานแล้ว รัตติกาลคลี่ม่านสีดำครอบคลุมหมู่บ้านชายเขาแห่งนั้นทีละน้อยๆ ดวงจันทร์ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวยังมองไม่เห็นแม้สักดวง


  เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงเสียงพระสวดมนต์สงบลง ต่างองค์ต่างเร่งบำเพ็ญเพียรเจริญพระกรรมมัฏฐานอย่างคร่ำเคร่ง เจริญสมถกรรมมัฏฐานเพื่อความสงบใจ และเจริญวิปัสสนากรรมมัฏฐานเพื่อยกจิตขึ้นสู่ไตรลักษณ์ อนิจจังความไม่เที่ยงแท้ ทุกขังเป็นทุกข์แปรปรวนไป อนัตตามิใช่ตัวตนยึดถือมิได้ พิจารณาทั้งอนุโลมและปฏิโลมกลับไปกลับมา พอพิจารณามากจิตเริ่มซัดส่ายฟุ้งซ่าน ท่านจับสมถภาวนาอีกครั้ง สลับกันไปมาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า


  เช้าแล้ว ก่อนดวงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้า ชายขี้เมาคนเมื่อวานขับซาเล้งกลับเข้ามาที่พักสงฆ์อีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าไปนั่งรอพระที่หน้ากุฏิ พระอาจารย์ทั้งสองห่มจีวรสะพายบาตรรออยู่ก่อนแล้ว พระหนุ่มมองไปที่พระอาวุโสด้วยรอยยิ้ม กล่าวเบาๆว่า “พระอาจารย์ คำพูดของท่านเหมือนตาเห็น” เรื่องก็คือ พระชราได้บอกพระหนุ่มไว้ก่อนว่า ชายขี้เมาคนนี้จะกลับมารับไปบิณฑบาตก่อนอรุณรุ่ง แม้พระหนุ่มจะรู้ถึงอนาคตังสญาณของพระชรามาบ้างแล้ว แต่คราวนี้ก็ยังสร้างความเชื่อมั่นในผลของการปฏิบัติมากยิ่งขึ้น


  ชายขี้เมา ทราบชื่อภายหลังว่า ประสิทธิ์ เดินมารับบาตรของพระคุณเจ้าสองรูปแล้วเดินนำเข้าสู่หมู่บ้านเป็นลำดับ ญาติโยมในหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลไม่ได้ใส่บาตรพระมานานจึงนัดหมายกันออกมาตักบาตรทำบุญกันมากจนพระต้องบอกว่า “พอแล้วโยม” พร้อมแนะนำให้โยมรอใส่บาตรวันต่อไปแทน ญาติโยมฟังพระพูดด้วยความเข้าใจ และยินดีที่จะรอวันต่อไป


  หลังเสร็จภัตกิจ พระสองรูปนั่งสนทนากันบนม้าหินข้างกุฏิเพื่อพักผ่อนชั่วครู่ พระหนุ่มสนใจวิธีการปฏิบัติของพระชราเพื่อนร่วมธุดงค์ที่มาพบกันเมื่อสองวันก่อน จึงถือโอกาสสอบถาม “พระอาจารย์ปฏิบัติวิธีใดทำให้เห็นเหตุการณ์ในอนาคตได้แม่นยำครับ” พระชรานั่งนิ่งพิจารณาคำถามว่าสมควรตอบหรือไม่อย่างไร เมื่อเห็นว่า สมควรเพราะต้องการให้ความรู้ทางธรรมแก่พระหนุ่ม เพื่อความก้าวหน้าในทางธรรมต่อไปในวันข้างหน้า ท่านตอบด้วยอาการสำรวม “มีหลายวิธี แต่สำหรับของผมใช้วิธีถามพระ” พระหนุ่มไม่รีรอ “ทำอย่างไรครับ ท่านอาจารย์” “ทำสมาธิด้วยการนึกภาพพระในท้อง จิตนิ่งสนิทเห็นพระ ปรากฏขึ้นแล้วถามท่าน คำตอบเป็นอย่างไรไม่เคยพลาดเลย”


  พระหนุ่มยังมีสีหน้างุนงง “ถ้าผมต้องการทำตามบ้าง ต้องทำอย่างไร” พระชรายิ้มให้แล้วตอบคำเบาๆ “ผมเริ่มจากมองภาพพระพุทธรูปผงสีขาวองค์ที่ผมชอบ มองแล้วนึกภาพให้ชัด ภาวนา “สัมมา อรหัง” ไปเรื่อยๆ เหมือนเรียกชื่อพระองค์นี้ว่า หลวงพ่อ “สัมมา อรหัง” พระหนุ่มถามต่อ “เหมือนการทำกสิณ” “ไม่ใช่เหมือนหรอกครับ ใช่กสิณเลยล่ะ” “ข้อไหนอย่างไรครับ” พระหนุ่มตั้งใจสอบถาม เพราะต้องการนำไปปฏิบัติ “ภาพพระสีขาว คือ โอทาตกสิณ กสิณสีขาว แถมเป็นภาพพระ เรียกว่า เพิ่มพุทธานุสสติเข้าไปอีก” “วิธีนี้ทำให้รู้เหตุการณ์ในอนาคตได้แม่นหรือ” ใช่ซิ” พระชราตอบแบบมั่นใจ


  “แล้วทำไมต้องนึกในท้องด้วย” พระหนุ่มถามต่อ “จิตของเราชอบท่องเที่ยวไปในที่ไกล ดังนั้นเราให้อยู่แต่ภายในก็ดีแล้ว จะได้ไม่เที่ยวไกลนัก” “อ่อ ครับเราต้องการให้จิตของเราอยู่ภายในตัวของเราเอง” พระชรายิ้มแทนการตอบรับ แล้วถือโอกาสให้คำแนะนำพระหนุ่ม “วิธีการที่ท่านทำมาหลายปีเรียกว่า สุกขวิปัสสโก ถูกต้องตามร่องรอยของพระศาสนาแล้ว” “หมายความว่าอย่างไรครับ” พระหนุ่มคำแปลกใหม่ที่เพิ่งจะได้ยิน “หมายถึงการบรรลุธรรมแบบธรรมดา ไม่ต้องการเป็นผู้วิเศษอันใด” “เอ อาจารย์ครับ ผมยังงงอยู่” “คือมุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพานโดยไม่ต้องการเรื่องฤทธิ์ หูทิพย์ตาทิพย์อะไรไม่ต้องการทั้งนั้น” “แต่ว่าพระอาจารย์รู้ได้อย่างไรว่าผมฝึกมาแบบไหน จำได้ว่าผมยังไม่ได้บอกพระอาจารย์เลยนี่ครับ” “ผมแก่แล้วมีประสบการณ์มาก่อน พอเดาได้” พระชราพูดแบบอ้อมๆ


  พระชรามีสีหน้าสำรวมกล่าวต่อไป “สติ กับฝึกสมาธิ เหมือนพี่เหมือนน้องไปมาด้วยกัน บางคนฝึกแบบการเอาสตินำ สมาธิตาม เน้นที่สติ ส่วนสมาธินั้นมีเพียงแค่ปฐมฌานก็พอที่จะห่ำหั่นกิเลสให้หมดไปได้ ไม่ต้องการอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์” พระหนุ่มนั่งนิ่งพิจารณาวิธีการปฏิบัติของตน ตามที่พระอาวุโสแนะนำ ท่านเริ่มเข้าใจว่าแนวทางการปฏิบัติของพระชรา และแนวทางของท่านที่ได้ปฏิบัติมาเองมากยิ่งขึ้นตามลำดับ
  พระหนุ่มนึกขอบคุณพระอาวุโสอยู่ในใจที่นำความรู้มาให้ ต่อไปต้องยอมรับพระชรารูปนี้เป็นพระอาจารย์ แรกท่านคิดอยู่ว่าการปฏิบัติแบบกำหนดสติอยู่ตลอดเวลา เป็นการปฏิบัติที่ดีที่สุด แต่พอมาฟังคำบรรยายของพระอาวุโสรูปนี้ ทำให้จิตใจของท่านโน้มน้อมไปสู่การปฏิบัติแบบฝึกสมาธิประกอบไปด้วยมากยิ่งขึ้น เพราะเห็นข้อดีของการรู้เห็นสิ่งที่ลี้ลับอัศจรรย์ “ผมสนใจจะกลับมาฝึกแบบสมาธิจะดีหรือไม่” พระชรานั่งนิ่งสักครู่เหมือนกำลังพิจารณาอะไรบ้างอย่าง “ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมีใจเป็นตัวนำ มีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน และอีกอย่างหนึ่ง ผมเห็นว่าไม่มีข้อเสียนะ หากเราต้องการอย่างนั้น”
  พระหนุ่มนิ่งคิดก่อนตัดสินใจ “อย่างนั้นผมขอลองแนวทางของท่านอาจารย์มาปฏิบัติดูบ้างนะครับ” พระชราวางสีหน้าจริงจัง “ไม่ใช่แนวทางของผม เป็นแนวทางของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ขอให้ท่านปฏิบัติดู แต่ต้องเอาจริงเอาจัง ไม่อย่างนั้นไม่เห็นผลแน่ “ครับผมมั่นใจว่าจะปฏิบัติอย่างจริงจัง” “และอย่าลืมแนวทางเดิม สติกับสมาธิประกอบกันพอดีย่อมมีคุณค่ามาก”


  “ผมจะเริ่มฝึกสมาธิด้วยการกำหนดภาพพระในท้อง พระอาจารย์มีสิ่งใดแนะนำบ้างครับ” พระหนุ่มกล่าวอย่างนอบน้อม “เท่าที่กล่าวให้ฟังแล้วถือว่าได้แนวทาง เอาแค่นั้นก่อนก็ได้ จับภาพพระพุทธรูปในท้องให้นิ่งและนาน จนกว่าภาพพระจะปรากฏชัดขึ้นเรื่อยจนขาวใสสว่างเป็นแก้วประกายพฤษ ฝึกให้ชำนาญแล้วกัน แค่นี้ก่อนแล้วจะบอกต่อ ตอนทำได้ชำนาญแล้ว”


  พระสองรูปต่างแยกย้ายกันเข้าสู่กุฏิของตน ต่างองค์ต่างเร่งสวดมนต์ทำวัตรเย็น และปฏิบัติธรรมตามแนวทางของตนต่อ ชนิดเอาเป็นเอาตาย เอาชีวิตเป็นเดิมพัน


หมายเลขบันทึก: 542409เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2013 23:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2013 23:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

พยายามอยู่หลายครา ใครเค้าว่านั่งสมาธิแล้วดี

แต่ทำไม่ได้สักที อนิจจา

แต่แปลกนะคะ เวลาที่ไปวัดฉลอง ที่กุฏิท่านเจ้าอาวาส

ดิฉันชอบไปนั่งนิ่งๆ ไม่คิดอะไร ให้ว่างๆ ก็นั่งได้นานขึ้นๆ ล่าสุด 40 นาทีค่ะ

อันนี้เค้าเรียกนั่งนิ่งๆ ไม่ได้นั่งสมาธิใช่ไหมค่ะ

(หรือแอร์เย็นก็ไม่รู้ค่ะ)

Bright Lily

พอได้ครับ อย่างน้อยให้รู้ว่าจิตกำลังคิดอะไร

ที่จริง 5 นาทีก็พอได้ แต่เน้นให้จิตอยู่กับคำภาวนา

ต่อเนื่องกันไป

ขอบคุณค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ

สติ สมาธิ ปัญญา

อ่านแล้วได้สติจังครับครูใหญ่

นานๆ ได้อ่านบันทึกร้อยกรองของอาจารย์

เคยปฏิบัติหลายสำนักค่ะ แต่ถูกจริตที่ธรรมกมลาคือวิธีตามลมหายใจค่ะ

สาธุ

ด้วยจิตนอบน้อม

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มากเลยนะครับ

ชยพร แอคะรัจน์

ขอบคุณค่ะ แนวทางที่ดี มักมาในเวลาที่เหมาะสมเสมอ สิ่ิงใดเกิดขึ้นได้ สิ่งนั้นดีเสมอ

ชาร์ตแบตคราวใดให้ระวัง

อาจพังพ่ายยับดับชีวิต

เทคโนโลยีนี่น่าคิด

พัดพาชีวิตทิศทางใด

http://hilight.kapook.com/view/88588

สวัสดีค่ะท่านผศ.โสภณ...ขอบคุณเรื่องราวที่ดีมีประโยชน์นะคะ

เทคโนโลยีนี่น่าคิด

พัดพาชีวิตทิศทางใด

ชอบภาพนี้จังเลยค่ะ

ผมชอบนั่งเงียบๆ อ่านหนังสือเบาๆ สบายๆ นิ่งๆ นานๆ หายใจลึกๆ ที่บ้าน สงบดี

ขอบคุณมากค่ะกับบทเรียนนี้ดีมากๆ

ตามมาซึมซับธรรมะลึกซึ้ง เนื้อหาดีๆ ครับอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท