เมื่อเจอพนักงานขาย..แบบนี้..ทำอย่างไร ?


ผู้จัดการแผนกเน้นให้พวกเราทุกคน..ซื่อตรง .... ตรงเวลา..ยิ้มแย้มแจ่มใส...ต้องเห็นลูกค้าเป็นสำคัญ.....ลูกค้าคือพระเจ้า..ลูกค้าถูกเสมอ...ยุคสมัยมันเปลียนไปแล้วกระมัง

หลังจาก เดินเลือกหาซื้อของให้คุณยายเป็นขบวนใหญ่ๆ..ส่วนใหญ่..ไม่ได้อะไรกัน..มาเป็นเพื่อนคุณยายซื้อชั้นในสำหรับใส่ไปวัด กับเทียนพรรษา และสังขทาน..เท่านั้นเอง..ส่วนเรา..เลือกซื้ออาหารสำหรับเย็นนี้..และอาหารจำเป็นอีกสองสามอย่าง..ตอนนี้ทุกคนเริ่มแตกกันเป็นสองกลุ่มแล้ว..เพราะกลุ่มแรก..จะออกก่อน..เนื่องจากต้องไปแวะถนนคนเดินอีก..จากรถ 2 คัน เริ่มแตกเป็น 3 คัน..คุณยายนางเอกของเรื่อง..ตัดสินใจไปกับพี่ชาย..เพราะรถคันนี้กลับก่อน..ต้องบรรทุกของขึ้นไปขายด้วย..นั่นเอง..

ส่วนเรานึกขึ้นได้..ต้องเอาทอสับ..ไปให้ร้านเขาดูหน่อย..ว่าแล้วก็เดินไปที่ร้านขายทอสับในห้างนั้นทันที..เป็นร้านของห้างนั่นแหล่ะ..เราเข้าไปถาม พนักงานขายก้อพยายามเอาทอสับเราไปเช็คให้..ปรากฏว่ามันไม่ดีจริงๆ.ชาร์ตแบตเตอรี่ไม่เข้า..ซื้อได้ไม่ถึงเดือนเลย..เขาเลยบอกว่าหากจะเปลียนต้องเปลียนภายใน 7 วันหากเกินกว่านี้ทางร้านไม่รับคืน..ว่าแล้วเขาก็ยื่นทอสับคืนเรา..เราก็เอ๊ะ..!! อะไรกันนิ..หลายคนเริ่มหันมามองหน้าเรา..เราก็มองไปที่พนักงานขาย..นึกว่าเขาจะมีคำแนะนำดีๆให้..เขาก้เลิกสนใจเรา..แล้วเดินหนีจากจุดเค้าท์เตอร์นั้นออกไป..เราจับทอสับได้..โห.ตั้งหลายตังค์อะ..ใช่ได้ยังไม่คุ้มเลย..มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้สิ..ตัดสินใจเดินตามมาแล้วถามดังๆว่า..จะให้พี่ทำอย่างไรคะ..ทอสับเสียแบบนี้..เขาบอกว่าต้องส่ง 0  อาจต้องเสียเวลาเช็คนานนิดนึง แล้วเขาก็เดินหนีอีก..อ้าว!!! แล้วคำตอบที่ต้องการ..คำแนะนำในการส่ง 0 ก็ไม่บอก..ใบรับประกันสินค้าก็ไม่ออกให้เรา..ตอนนี้ทั้งนี้ทั้งตัวเรามีแค่ใบเสร็จรับเงินของห้างนี้เท่านั้นเอง..ทำไงดีหว่า ?


เราเลยตัดสินใจถามดังๆว่า.." แล้วส่งยังไงคะน้อง 0  พี่ฝากส่งเลยละกันนะ.เอาไว้ก็ใช้ไม่ได้" พนักงานขายหน้าตาดีคนนั้นหันมาตอบว่า" ทางร้านไม่มีนโยบายส่งให้ลูกค้าๆต้องเป็นคนไปส่งเอง" อั๋ยยยะะะ..!!! ฟังคำตอบที่ได้..เราอ้าปากค้างเลย..รึว่า..นโยบายห้างใหม่ๆเขาเป็นแบบนี้จริงๆหว่า..เริ่ม..งง..รึว่า..ห้างฝรั่ง..เขาไม่สนใจบริการหลังการขายเลย..ต้องการแค่ขายออกเพื่อให้ได้เงินเท่านั้นเองรึนิ..เราถามตัวเองในใจ..แต่ก็ยิ้มในใจ..เอาวะ..ไหนๆก้ไหนๆหล่ะ..ไม่เป็นไร..ห้างใหม่ก็คงเป็นแบบนี้หละ..

ย้อนคิดถึงสมัยเราเป็นนักศึกษาในเมืองหนึ่งทางภาคเหนือของไทย..เราเคยสมัครงานนอกเวลาเรียน...หลังเลิกเรียนไปทำงานตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 4 ทุ่มทุกวัน....ผู้จัดการแผนกเน้นให้พวกเราทุกคน..ซื่อตรง .... ตรงเวลา..ยิ้มแย้มแจ่มใส...ต้องเห็นลูกค้าเป็นสำคัญ.....ลูกค้าคือพระเจ้า..ลูกค้าถูกเสมอ...ยุคสมัยมันเปลียนไปแล้วกระมัง..เก็บความสงสัยและข่้มขื่นใจไว้..ต้องง้อเขาแล้วหล่ะ..ในเมื่อเราซื้อจากร้านเขาแล้วนิ..แต่เขาทำไมดูช่างเหมือนเราเป็นลูกค้าที่น่ารำคาญเหลือเกินนะ..ทำไมไม่ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาที่ดี..บ้างนะ..ณ..ตอนนั้นอยากร้องไห้จัง..ทอสับตั้งหลายตังค์..ใช้ได้ไม่เท่าไหร่เอง..ปกติก็แค่ถ่ายรูป...ไม่กี่ชม.เอง..เจ้ากรรม..มันเสีย..ได้..ทำไงดีน้อ..

พนักงานขายเองก็เหอะ..หน้าตาก็ดีหรอก.ไมพูดจาไม่ดีกับลูกค้าหน้าตาน่าสงสารอย่างเราเลย..เราอยากรู้ อยากถามก็ตอบแบบอย่างเสียไม่ได้..แงๆๆ..น่าน้อยใจตัวเอง..จริงๆ..ในทีสุดตัดสินใจเด็ดขาด..ถามว่า..0 ของทอสับนี้อยู่ไหนคะ..ทางร้านไม่บริการ.พี่ไปเองก็ได้ค่ะ..เขาเลยบอกให้เราไปร้านตรงนั้นตรงนี้..เราก็ซักถามรายละเอียดจนพอจะรู้เส้นทาง..

ว่าแล้วก็ไม่รอช้า.หากช้ากว่านี้..กลับบ้านค่ำแน่ๆ..กว่าจะขับรถขึ้นเขาถึงบ้านได้ก้อเกือบ ร้อยโล ยิ่งฝนตกยิ่งลำบาก..ความตั้งใจว่าจะเอาทอสับมาส่งเคลม..ต้องทำเองเลยรึนิ..นโยบายของลูกค้า..555..กรำแท้..

ขับรถมาถึงร้านดังกล่าว..อั๊ยยยะะะะ..ร้านปิด..อยากร้องไห้..กว่าจะได้ลงดอยมาเวียง..ต้องใช้เหตุผล ความจำเป็น ระยะเวลา ค่าน้ำมันรถ เวลา เงิน..โอ้ยยยย..ตรายๆๆๆ...ทำไงดีน้อเรา..ขณะกำลังสับสนในชีวิตอยู่นั้น..มองเห็นคูหาข้างๆเปิดอยู่เลยตัดสินใจเข้าไปถามแม่ค้าขายพิซซ่า..พี่สาวแม่ค้าคนนั้นก็ช่างมีน้ำใจสละเวลาที่กำลังห่อขนมให้ลูกค้ามาุคุยด้วยอย่างมีน้ำใจ พลางตอบว่าปกติร้านนี้ก็เปิดทุกวันนะคะ..แต่วันนี้เขาปิด..แต่เขามีอีกร้าน 1 อยู่แถวในตลาด..เราได้ฟังคำตอบก็ใจชื้น..ยังพอมีหวัง..นินา..ขับรถขับเข้าตลาดอีกครั้ง ถึงรถจะมาก.ก้อไม่เท่าไหร่หรอกน่า..เสาะแสวงหาร้านดังกล่าวอยู่นานพอสมควรในที่สุดก็เจอ..ปรากฎว่าร้านเขาปิดแล้ว..แต่หน้าร้านมีชายหนุ่มนั่งอยู่ 3-4 คนกำลังเล่นกีตาร์ นั่งดื่มกันอยู่..เราเลยลงไปถามทิ้งสมาชิกให้รอในรถเช่นเคย..

และแล้ว..คำตอบที่ได้...

ทำเอาเราช๊อค..ไปเลย...

อะไรรู้ไหมคะ..

ชายหนุ่มหน้าตาดีเจ้าของร้าน..ท่าทาง..มีมนุษยสัมพันธ์ดี..

ได้ฟังเรื่องราวจากเรา..เขาก็ตอบว่า.".ปกติร้านเขารับซ่อม..เท่านั้น..ไม่รับส่ง 0 ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากร้านไหนร้านนั้นก็ต้องรับผิดชอบส่งซ่อม หรือ ส่ง 0 ให้คร๊าบบบบบ...."อะจ๊ากกกกกกกกก.!!!!!!

อ้าว!!!! แล้วที่พนักงานขายบนห้างตอบเราล่ะ..คืออะไร ?

..การที่เราคิด ++++++...และมองโลกในแง่ดีว่า..โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว..ตอนนี้ใครซื้อสินค้าพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์สื่อสารต้องหาทางช่วยเหลือตัวเอง..

หรือ ? 

แค่ตอบให้พ้นจากความรับผิดชอบเท่านั้นเองรึ..ว๊ากกกกกกกกกก...

อุณหภุมิในร่างกายของเราในสภาวะที่ฝนกำลังตกปรอยๆ..ลมพัดวิ้วๆๆ..ในตอนใกล้ค่ำ สุงขึ้นอย่างรวดเร็ว...

ตอนแรกนึกว่า..เค้ามี 0 ซ่อมจริงๆ..แป่วววววววววว...ปริ๊ดดดดดดดดดดด...อารมณ์พุ่ง..ปริ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ...

บอกหลานชายให้หันหัวเลี้ยวรถกลับ..ไปที่ห้างนั้นอีกครั้งหนึ่ง..ตอนนี้ใจเดือดฝุดๆๆ...เรียนมาก็ตั้งเยอะ..ทำไมถึงโง่อย่างนี้..แล้วเจ้าพนักงานคนนี้..ก้อสองครั้งแระ..ที่มีกิริยาท่าทางไม่รับลูกค้า..เราเจอจังๆสองครั้ง..ทนได้..แต่ครั้งนี้ทนไม่ได้จริงๆ..แล้ว..แล้วหากเป็นลูกค้าคนอื่นละ..ที่เขาไม่กล้าพูด..กล้าถาม..เขาไม่ต้องเสียอะไรไปมากกว่านี้เหรอ...

.รถยังไม่จอดสนิท..

เราเดินตัวปลิว..ชนิดไวกว่าใต้ฝุ่นฤดูร้อนเสียอีก..เดินฉับๆๆๆๆ..รองเท้าส้นสุงไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆกับการเดินในเวลานั้นเลย..ปกติเรามักได้รับคำชมเสมอๆ..คนเดินสวย..เดินช้า..อิอิ...(แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ขอบอก)...

เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบนของห้าง..ซึ่งเป็นโซนของห้างนี้ทั้งหมด..เราตัดสินใจทันที..ว่าจะไปตรงโซนไหนก่อนดี..ระหว่างร้านขายทอสับ..กับ ..ผจก.ห้าง..ในที่สุด..คิดได้ว่า..คนดีๆอย่างเรา..หากไปโซนร้านขาย..พนักงานขายสองคนนั้นตกงานแน่..ในสภาวะอารมณ์แบบนี้..สงสัยต้องแหลกกันไปข้างหนึ่ง..คนยิ่งเยอะด้วย..

ตัดสินใจเดินไปตรงห้องของผจก ห้าง..พนักงานบอกไม่อยุ่รอสักครู่..

สักพักผจก.ห้างคนสวย..ตัวเล้กๆ..ก็เดินมา..เราเลยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง..(ตอนนั้นเอาธรรมะเข้าข่ม..ให้นิ่ง..และพูดจาดูดีมากแล้ว..ให้เหมาะสมกับหน้าตา..อิอิ.) เขาก็ถามว่าชื่ออะไร ? เราก้อบอกไม่ได้อ่านชื่อ..แต่วันนี้ตอนนี้..ยังอยู่..จริงๆ.ก็รุ้นะ..แต่ไม่อยากบอก..เดี่ยวจะกลายเป็นคนใส่ร้ายป้ายสี..ไม่ดี ..แหน่ะ..ยังคิดดีอีก..อ่อยยเนาะ..

เลยเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ...ให้ผจก.คนสวยฟัง..ดีนะที่รับฟัง..สลับการใบหน้าทีีดูซีดสลับกับเข้มบ้างบางจังหวะ..เมื่อเราบอกว่า..

1. สิทธิผู้บริโภคอยู่ตรงไหนคะ ? ลูกค้าคนอื่นๆที่เขาไม่รู้เขาจะทำอย่างไร? หากเกิดกรณีอย่างนี้อีก..หากลูกค้าคนนั้นอยู่ไกลเหมือนเรา..ที่ต้องการจะมาเพื่อเรื่องแค่นี้แล้วยังได้รับการกระทำเยี่ยงนี้..รถก็ไม่มี..เดินทางไปมา..ค่ำก็ค่ำ..เวลาที่มาก็ไกล กันดารอีก..จะทำอย่างไร ? ใครจะรับผิดชอบ

2. ร้านขายของพวกนี้มีมากมายจริงๆแล้วเราเลือกซื้อที่ไหนก็ได้ค่ะ..ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่..แต่ที่เราเลือกซื้อที่นี่เพราะคิดว่า..จะได้รับความพึงพอใจในด้านการบริการหลังการขาย..และคุณภาพของสินค้า..ตามโลโก้ของห้าง..ทีการันตี..มีสาขามากมายทั่วประเทศ

3. หากพนักงานขายเป็นแบบนี้..แสดงว่า..ที่นี่คงไม่มีมาตรฐานหรือการอบรมพนักงานคงไม่มีนอกจากแต่งหน้าแต่งตัวให้ดูดีแต่ไม่มีมารยาทกับลูกค้าที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการขาย..

4. หากพนักงานขายไม่รู้เรื่องจริงๆ..ต้องถามผู้ที่รู้กว่า..ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบ..แบบนี้..

5. ปกติใบรับประกันสินค้าร้านค้าจะเป็นคนออกให้แต่ในวันที่ซื้อพนักงานสองคนนี้ไม่ทำให้อ้างว่าไม่ต้องทำ..เราก้เคยแย้งว่า.อ้าวหากสินค้ามีปัญหาทำอย่างไร..เขาบอกว่าให้เก็บใบเสร็จของร้านไว้..ดีนะ.เราเก็บไว้อย่างดีเลย..ไม่งั้นก็คงพูดอะไรไม่ได้จริงๆ...

6. หากคนอื่นรู้ว่า..ห้าง...มีเรื่องแบบนี้..จะเกิดอะไรขึ้น..หากปากต่อปาก..และเรื่องนี้ดังขึ้นๆ..จนถึงหูผู้้ใหญ่ทีมีหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค..มาตรฐานของห้าง..และการบริการการขาย..ห่่วยแตกขั้นเทพ..จะเป็นอย่างไร?

ผจก..คนสวย..ให้พนักงานตรงนั้นรับเรื่องเของเราไว้และจัดการเคลมเครื่อง พร้อมทำเรื่องติดต่อขอส่งเครื่องเข้า 0 ให้ อีกทั้งประทับตรารับประกันสินค้าให้พร้อมเลยทีเดียว...ทั้งยกมือไหว้เราอย่างสวยงาม..พร้อมทั้งขอโทษแทนพนักงาน..ณ ตอนนั็น..จิตใจของเขา..ก็คงเหมือนเราที่โดนหลอก..นั่นกระมัง..ว่าแล้วเขาก็ขอตัวไปจัดการตักเตือนพนักงานของเขาต่อไป...

นี่คือสิ่งทีีเราได้เจอ..ตอนแรกกะจะไม่อะไรแล้วนะ..คิด + ตลอด..หากน้องผู้ชายที่ร้านนั้นไม่เน้นย้ำให้ทราบ..คงจะไม่เท่าไหร่..แต่นิ..มาคิดดู..หากคนอื่น..ยิ่งแถวนี้..คนต่างด้าวเอย ชาวบ้านเอยที่ไม่มีความรู้เรื่องสิทธิผู้บริโภค..มาเป้นลูกค้า.หากเจอแบบเรา..เขาคงแย่..ใครหล่ะจะกล้าพูด..คงได้แต่โทษเวรโทษกรรม..และความโชคร้ายต่อไป...หากไม่มีเรื่องนี้สะท้อนไปถึงคนทีี่มีหน้าที่ในการบริหารงาน..เขาก็คงไม่รู้เหมือนกันว่า..ในองค์กรของเขามีพนักงานแบบนี้อยู่..หากตักเตือนกันได้ถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันได้บ้าง..อย่างน้อย..ก้เพื่อยอดขาย..ชื่อเสียง..และคุณภาพ..ต่อไป..

ที่สำคํญลูกค้าตาดำๆอย่างเราๆ..ก็จะได้สบายใจ..และไม่โดนเอาเปรียบจาก..ผู้ค้า..มากจนเิกินไปนั่นเอง..

เราคงไม่ได้ทำรุนแรง..มากไป..ใช่ไหมคะ..?

ตอบ..ใช่..(อิอิ)



หมายเลขบันทึก: 542387เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2013 18:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2013 18:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ใช้คำว่า "โทรศัพท์" ดีกว่าไหมครับ ;)...

โชคร้ายกลายเป็นดี...เป็นกำลังใจให้นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท