เขียน เขียน เขียน


เพื่อนผู้สูงวัยกว่าท่านหนึ่งถามฉันว่า เกิดอะไรขึ้นกับฉันหรือไม่ ทำไมช่วงนี้จึงปล่อยบทความแปลกๆออกมา 


ท่านคงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากข้อเขียนของฉันไปบ้างกระมัง จากเดิมมักจะเป็นการค่อนขอดเหน็บแนม แต่มาบัดนี้กลายเป็นคนสอนธรรมะเสียอย่างนั้น 

     จริงๆไม่มีอะไรมากหรอก ถ้าสังเกตดีๆลักษณะของบทความที่เขียนนั้นจะมีอยู่ ๒ ลักษณะ คือ ที่เห็นและเป็นไปผ่านสายตาของฉันเอง เช่น ไปไหน ทำอะไร รู้สึกอย่างไร จะขี้จะเยี่ยวตรงไหน พอสังเขป แต่เรื่องดีๆหลายครั้งก็ได้มาจากการพูดคุย การถูกสอน แล้วก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ แบบนี้มันอัดอั้นถ้าไม่ได้เผื่อแผ่ เลยต้องรีบมาเขียนบรรยายระบายความรู้สึกออกมา การขีดเขียนเรื่องราวแบบนี้มันถูกฝึกฝนและกล่อมเกลามาตั้งแต่ไปเรียนหนังสือที่เมืองลอดช่อง ผ่านการบันทึกใน gotoknow หลายต่อหลายตอน คงเป็นหลักร่วมร้อย คนอ่านมากหน้าหลายตา หลายวิชาชีพ บ้างก็เป็นหมอ เป็นครู พนักงานรถไฟกิตติมศักดิ์ เป็นพระก็มี

     และอีกลักษณะหนึ่งก็คือ สิ่งที่คิดฝันผ่านสมอง แม้เพียงอาจจะแว๊บๆ แต่ก็ต้องรีบบันทึกไว้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันลืมง่ายเสียเหลือเกิน หลายครั้งเคยอ่านมา แล้วมาสังเคราะห์ออกเป็นความคิดตน หลายครั้งเป็นการไปบรรยายหรือเตรียมไปบรรยาย ก็ต้องมาตั้งสติ ทำตัวให้เข้ากับ theme ของงานประชุมและเรื่องที่จะพูด เมื่ออารมณ์ได้ที่ก็จะร่างบทขึ้นมา และเมื่อร่างบทเสร็จก็นำมาเขียนให้สวยงาม อาจจะเอามาแค่โครง หรือแต่งเติมขึ้นมาใหม่ให้สมบูรณ์ คนที่ไม่ได้ฟังฉันบรรยายก็อาจจะได้บรรยากาศไปบ้างอย่างไรเล่า 

     การเขียนมันดีตรงนี้ ดีตรงที่ได้นึกคิดและไตร่ตรองก่อน บางทีรู้ดีรู้ชั่วก็เพราะเขียน

     นานมาแล้ว ฉันเคยโกรธเพื่อนร่วมงานแผนกหนึ่ง ชนิดที่เรียกว่า ชาตินี้คงไม่มีทางร่วมหอลงโลงกันได้ โกรธเขาอยู่นานหลายปี โกรธเขาโดยที่เขาไม่ได้รับรู้เรื่องที่เราโกรธเขาเลย ในช่วงที่ได้เขียนบทความต่างๆ เขียนไปเขียนมา อ่านไปอ่านมาจึงได้เริ่มเข้าใจตัว ความขุ่นมัวก็เริ่มจางลงไป ท้ายที่สุดฉันก็ได้อภัยให้เขา (เอ๊ะ เขาทำผิดอะไรรึ) และที่ดีไปกว่านั้น คือการอภัยให้ตนเองบ้าง 

     ดังนั้น อาจจะต้องอดรนทนอ่านกันต่อไป
คำสำคัญ (Tags): #เขียน#บันทึก
หมายเลขบันทึก: 540531เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2013 23:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน 2013 23:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

หลายๆ คน (ทั้งที่เป็นสมาชิก GotoKnow และเป็นเพียงแค่ผู้อ่าน) มักจะอีเมลมาถามว่าอยากเขียนแต่ไม่รู้จะเขียนอะไรให้ช่วยแนะแนวทางหน่อย 

จันก็บอกเขาไปว่า อย่างแรกอยากให้เห็นคุณค่าของการเขียนก่อนค่ะ ไม่ใช่ KPI ที่ใครสั่งมาให้เขียน เพราะการเขียนจากใจเราเองคือ การที่เราสัมผัสจับต้องความคิดเราได้นะ ​:)

แล้วก็เริ่มเขียน โดยเขียนง่ายๆ เหมือนเล่าให้เพื่อนให้พ่อแม่พี่น้องฟังว่า วันนี้เราทำงานหรือใช้ชีวิตไปอย่างไร ได้อะไร ไม่ได้อะไร มีความสุขหรือไม่อย่างไร 

อาจจะเขียนเป็นโน้ตส่วนตัวไว้ก่อน เขียนเป็น bullet points เมื่อพร้อมก็มาเกลาให้เป็นประโยค แล้วค่อยปล่อยเป็นบันทึกลงบล็อกออกไป

เอ! อธิบายยากไปเปล่านี่ อ่านที่หมอแป๊ะเขียน ง่ายกว่าไหม ฮา ฮา :) 

ฟังคุณหมอกับอาจารย์จัน ... แลกเปลี่ยนกันครับ อิ อิ

จัน

อ่านที่ผมเขียน ก็แค่ได้อ่านที่ผมเขียน

แต่เขียนเอง ได้เอง และคนอื่นได้ด้วย

หลังๆนี้ เวลามีประเด็นอะไรน่าสนใจ ก็ลงแบบ bullet point ง่ายและเร็ว ไม่ต้องแคร์สำบัดสำนวนมากนัก ลองดูตอนไปบรรยายเรื่องทำแท้งที่โคราชกับขอนแก่น เร็วทันใจ นั่งพิมพ์ในรถ บนเครื่องบิน ลง net ทันทีที่ลงได้

สนุกไปอีกแบบ

ปล. รู้สึกว่า g2k เริ่มปรับตัวให้ลงบันทึกได้ง่ายขึ้นแล้วนะ ดีจริง (หลังจากที่เบื่อไปพักหนึ่ง)

เรียนคุณ หมอ ผมเป็นคนหนึ่งที่แวะมาอ่านบันทึกของหมอประจำ บางครั้งอ่านแล้ว มอบดอกไม้แล้วจากไป 

บางครั้งจากไปโดยไร้ร่องรอย แต่เก็บเกี่ยวจากการอ่านบันทึกเอาไป 

เขียนเพราะอยากเขียน เป็นแรงผลัดดัน   เห็นคุณค่าของการเขียน เหมือนอาจารย์ว่ามา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท