ปิยมหาราชการุณย์
เมื่อวันอังคารที่ 4 มิถุนายน 25556 ผู้เขียนได้เดินทางไป “ตรวจโรคตา” ตึกผู้ป่วยนอน ที่โรงพยาบาลศิริราช พบว่ามีผู้มารับบริการมากมาย ..... ซึ่งตอบโจทย์ได้ว่า ประเทศไทยเป็น “สังคมผู้สูงอายุ” ซึ่งประเทศไทย มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 12.59 คือ ราว ๆ 8 ล้านคนเศษ.... หากนับที่อายุ 65 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 9.5 คือ 6 ล้านคนเศษ ..... อนาคตของไทยอีก 10 ปีข้างหน้า จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์ .... รวมทั้งอีก 20 ปีข้างหน้า.... จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างที่สุด ...ไม่ทราบว่าจะถือว่าเป็นวิกฤตหรือไม่นะคะ
ข้อมูลจาก นพ.ธีระพล โตพันธุ์พานนท์
ในปัจจัยการมีผู้สูงอายุมากสัดส่วนประชากรทั้งหมดมาจาก..... อัตราการเกิดน้อยลง
คือ ร้อยละ 1.7 หากนำไปเทียบกับอัตราการตาย.... อยู่ที่
ร้อยละ 1.1 รวมทั้งพบว่า ประชาชนมีอายุยืนมากขึ้น ... วิธีรับมือในเรื่องนี้
คือ การเตรียมการให้พร้อม เพื่อให้ประชากรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยใช้ 3 ยุทธศาสตร์ คือ
1. ผู้สูงอายุสุขภาพดี ไม่มีโรค
2. บริการในภาครัฐ เเละเอกชน ที่ตอบสนองผู้สูงอายุ
3. เตรียมชุมชน พร้อมรองรับผู้สูงอายุที่ต้องมีระบบดูเเล
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในชุมชนเเละสังคมนั้น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น .... ต้องเตรียมพร้อมรองรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น .... การสร้างความตื่นตัวในเรื่องนี้
..... เป็นผลมาจากการที่สังคม ... มองว่าผู้สูงอายุต้องไม่เป็นภาระ
ดังนั้นหาก ปรับวิธีคิดใหม่ เช่น ถ้าผู้สูงอายุ มีสุขภาพดี....ด้วยการลงทุนด้านวิทยาการ โดยนำคนวัย 65 - 70 ปี ที่มีประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนความรู้ การปลูกฝัง ความรู้ในเรื่องที่เป็นความรู้ฝังแน่น (Tacit Knowledge) ในด้านต่างๆ ทั้ง มิติสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ คุณค่าทางวัฒนธรรมในสังคม ... ขณะเดียวกันภาครัฐ ได้มีการการเตรียม ด้านนโยบายเเละการปฏิบัติ ... อันจะส่งผลดีต่อสังคมและเศรษฐกิจของคนสูงอายุอนาคตไทยในอนาคตนะคะ .....
ขณะเดียวกันผู้เขียนได้พบว่า ... มีผู้รับบริการ “ตรวจโรคตา” จำนวนมากมายเลยค่ะ ..... แสดงถึง สังคมไทยเราเป็น สังคมผู้สูงอายุจริงๆ ดังนั้นการเจ็บป่วยก็จะเพิ่มขึ้น ในทุกๆมิติ ทั้งทางร่างกาย ด้านจิตใจ ครอบครัวเลย นะคะ
ก่อนกลับบ้านผู้เขียนได้เดินผ่าน “ตึกปิยมหาราชการุณย์” โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ .... อาคารโครงการ พัฒนาศิริราช .... สู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ณ บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี ... เขตบางกอกน้อย .... ใน วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2551 และพระราชทานนาม อาคารโรงพยาบาลว่า อาคารปิยมหาราชการุณย์ (Piyamaharajkarun Building) …. ต่อมาคณะกรรมการประจำคณะแพทยศาสตร์ได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2553 ให้จัดตั้งเป็น “โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (Siriraj Piyamaharajkarun Hospital) ชื่อย่อ “SiPH” …. ผู้เขียนได้เห็นอาคารและประวัติความเป็นมาและ.... วัตถุประสงค์ของการดำเนิน .... แล้วชื่นใจ ..... รพ. ศิริราช มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง .... เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ผู้ป่วย และ ผู้มารับบริการ นะคะ เป็นไปตามพระราชดำรัสของพระบรมราชชนก ที่ว่า
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” .....
ขอบคุณมากที่ให้เกียรติอ่านบทความนะคะ
ความเห็น (9)
สวัสดีค่ะ แวะมาให้กำลังใจ
ไม่ได้เข้ามาทักทายเลยค่ะ
ช่วงนี้ไปสอนผู้ที่ลืมหนังสือค่ะ
วันศุกร์นี้ไปอีกครั้งค่ะ
หวัดดีจ้ะพี่หมอเปิ้น มาอ่านบันทึกดี ๆจ้ะ คิดถึงนะจ๊ะ
ตามมาอ่านก่อนนะครับพี่เปิ้น ตอนนี้งานยุ่งมากๆ
ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นที่หนึ่ง
ประโยชน์ตนเป็นที่สอง อันนี้เยี่ยมครับ
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า.. ผู้สูงอายุจะล้นเมือง..
งานสาธารณสุข คงต้องเตรียมตัวให้พร้อม.. พร้อมให้บริการค่ะ
การเตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ต้องเตรียมตัวเราก่อนครับ ถ้าเราอยู่ในวัยที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วย เราต้องเข้าใจ และให้เวลาดูแลเขาอย่างพอดี และพอวัย... แต่ถ้าใครกำลังก้าวเข้าสู่วัย หรือเป็นผู้สุงอายุแล้ว ก็ต้องปรับตัว ปรับใจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ครับ... แค่นี้ก็ทำให้ครอบครัวมีความสุข ส่งผลถึงสังคม และส่วนรวมครับ
ขอบคุณมากค่ะ
..... ขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ มากนะคะ ให้กำลังใจ นะค่ะ ....
เป็นกำลังใจให้ค่ะ...ผู้สูงวัยใส่ใจดูแลตนเองมากขึ้น..และหลายๆครอบครัวยังต้องพึ่งพาผู้สูงวัยเป็นหลัก..ขอบคุณที่ให้ความสำคัญของพวกเขาค่ะ