ตอนผมเรียนอยู่ปี ๑ ปริญญาตรี (นานมากแล้ว) พวกพี่ๆ เขาก็พาไปรับน้อง จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน พอตกกลางคืนเขาก็เล่นไพ่กัน แต่ไม่ได้เล่นพนันนะครับ เล่นเป็นเกมส์
พวกพี่ปี ๒ มีทั้งหญิงทั้งชายตั้งวงประมาณ ๕ คน ผมก็เข้าไปร่วมแจมด้วยเป็น ๖ คน ไพ่ ๑ สำรับมี ๕๒ ใบ (13x4=52) เขาแจกหมดวงเลย ได้คนละ 8 หรือ 9 ใบ
ผมจำชื่อเกมส์ไม่ได้ แต่เวลาเล่น เมื่อแจกไพ่หมดกองแล้วก็ เริ่มที่คนใดคนหนึ่ง สมมุติว่าเริ่มที่ นายเอ....
เมื่อผมเข้าไปเล่นครั้งแรกนี่ ผมไม่เคยเล่นเกมส์แบบนี้มาเลยในชีวิต...พอพวกพี่ๆ เขาทายไม่ถูกกัน เวียนมาถึงผมเป็นคนที่ ๓ คราวนี้ผมก็จะเริ่มทาย
แล้วผมก็เล่นต่อไปอีก 6 รอบของ "หน้าไพ่" ที่อยู่ในมือ......ปรากฏว่าผมทายถูกทุกใบ ว่าใครถือไพ่อะไรอยู่ในมือ โดยที่ใช้ความจำน้อยที่สุด.....
ทุกคนในวงก็งง..ว่าผมทายถูกได้อย่างไร...ทายถูกได้ในการเล่นเกมส์ 2 ครั้งแรก (คือเล่นได้ 2 รอบใหญ่)....ชนะ 2 เกมส์แรก
...หลังจากนั้นไม่เคยชนะอีกเลยครับ
ที่ผมเล่ามานี่อยากเล่าประสบการณ์ของ "จิต" มันเหมือนมีตาทิพย์ อย่าง "พระใบ้หวย"
จิตนี่เป็นพลังงานรูปหนึ่ง ถ้าสำรวมจิตให้บริสุทธิ์ (ชั่วขณะหนึ่ง) เรียกว่าจิตเป็นสมาธิ (ขณิกสมาธิ) จะเกิดอาการคล้ายมีตาทิพย์ มองเห็นไพ่ในมือของทุกคนเลย...
ตอนทาย 2 เกมส์แรก จิตไม่ได้คิดอะไร..บริสุทธิ์..เพียงเล่นสนุกๆ...แค่อยากรู้ว่าเล่นอย่างไร
พอเล่นเกมส์ที่ 3...4...5 (แจกไพ่ใหม่ครั้งต่อไป) คราวนี้ทายไม่ถูก...เพราะมีกิเลส (ความอยากชนะ) เข้ามาครอบงำ ทำให้ทายไม่ค่อยจะถูกเลย...เพราะใช้ความจำอย่างเดียว
เหมือนพระใบ้หวย....พระได้รับการฝึกจิตมาดีแล้ว ก็สามารถมองเห็นตัวเลขที่หวยจะออกในงวดหน้าได้....พอบอกเลขหวย..ให้ญาติโยม..ที่เรียกว่าเลขเด็ด ก็จะถูกครับ...อย่างเก่งไม่เกิน 5 งวด (ส่วนมาก 2 งวด)...แต่ต่อไปจะทายไม่ถูก..เพราะมีกิเลสมาครอบงำ (พระใบ้หวย ถือเป็นมิจฉาทิฏฐิ อยู่แล้ว เป็น เดรัชฉานวิชา)
คนที่เขียนบันทึก....ถ้าเขียนด้วยจิตบริสุทธิ์..เขียนด้วยจิตที่อยากให้..เขียนด้วยจิตอิสระ...มักจะสามารถที่จะเค้น "ความรู้ฝังลึก" หรือ Tacit Knowledge ของตัวเองออกมาได้ดี (depend on ประสบการณ์ด้วย)
บ่อยครั้ง...การที่เรามาต่อยอดความคิด...เขียนบันทึกสดๆ...บ่อยครั้งก็จะงง..ว่าเขียนออกมาได้อย่างไร...เขียนได้เพราะจิตว่าง จิตเป็นสมาธิ...จิตอิสระนั่นเอง..ครับ
ไม่มีความเห็น