เสียงกระจองอแงบนเครื่องบิน


ใครเคยเดินทางแล้วต้องเจอหรือต้องทนกับเสียงเด็กตัวเล็กร้องเจี๊ยวจ๊าวบ้างไหม โดยเฉพาะเวลาเครื่ืองบินลง


ผมเคยเจอมาแล้ว
ตั้งแต่ก่อนมีลูกเป็นของตัวเอง กระทั่งมีลูกตัวเล็กของตัวเองติดมาบนเครื่องบินด้วย ตราบจนตอนนี้ ที่ลูกเริ่มโต เดินทางด้วยเครื่องบินเก่งแล้ว

แต่ก่อนเมื่อครั้งจะเดินทางไปที่ไหนแล้วเหลือบเห็นเด็กตัวเล็กๆเป็นผู้ร่วมทางด้วย จะรู้สึกเซ็งๆ เซ็งที่พอจะคาดเดาได้ว่าต่อไปจะต้องทนรำคาญกับเสียงร้องกระจองอแง ผมไม่ชอบเด็กร้อง ไม่ชอบดูแลเด็กป่วย ไม่ชอบดูเด็กกรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ยิ่งเวลาเดินทาง บางครั้งอยากนั่งอย่างสงบ อยากชมเส้นทางระหว่างการเดินทางเงียบๆ
และสวรรค์ก็มักผ่านมาทดสอบเราเสมอ เพราะแต่ละครั้งของการเดินทาง เสียงกรีดร้องของเจ้าตัวเล็ก จะต้องกรอกผ่านหูผมบ่อยๆ 

ครั้นเมื่อมีลูก สวรรค์ก็ประทานพรมาให้อย่างเสียมิได้ เพราะเจ้าหล่อนทั้งสองเล่นกรีดร้องได้อย่างเป็นเวล่ำเวลา สม่ำเสมอและเที่ยงตรง เจ้าคนโตจะแหกปากเวลา ๖ โมงเย็นถึง ๒ ทุ่ม คนนี้ร้องไห้พร้อมแม่ เราไม่เคยมีลูก ครั้นลูกมีร้องโคลิก แม่เลยน่วม ส่วนเจ้าคนเล็กจะกรี๊ดๆเวลา ๕ ทุ่มถึงตี ๒ งานนี้เราพ่อแม่รู้สึกเก่งและเข้าใจ (แต่ไม่ชินหรอกครับ) ลูกร้องไห้ไป พ่อแม่อุ้มไป โยกไป มันก็โตไป 

ถึงตอนนี้ ผมเริ่มชินกับเสียงร้องของเด็กๆขึ้นมาบ้างแล้ว

และเมื่อถึงเวลาที่จะพาลูกเที่ยวทางเครื่องบินบ้าง แรกเริ่มก็รู้สึกหวั่นๆ แต่พี่แป้งได้เดินทางหรูๆครั้งแรกก็ปาเข้าไป ๓ ขวบ พูดคุยกันรู้เรื่อง เวลาเครื่องขึ้น พ่อก็ชวนอ่านหนังสือ เล่นเกม แกล้งนู่นแกล้งนี่จนเธอลืมหูอื้อ มาบ่นมากขึ้นก็เวลาเครื่องเริ่มลดระดับลง ก็สอนให้หาวบ้าง อ้าปากโยกกรามบ้าง จนทำให้การเดินทางจากหาดใหญ่ขึ้นเชียงรายครั้งนั้นสนุกที่สุด
พี่แป้งมาสติแตกที่สุดเอาการบินครั้งที่ ๒ เธออยู่ชั้นอนุบาล ๒ ตอนนั้นไม่ใช่ปัญหาหูอื้อ แต่เธอกลับกลัวการเดินเข้างวงโค้งๆ ไม่ยอมเข้าเครื่องบิน ร้องไห้เสียงดังตั้งแต่เขาเรียกขึ้นเครื่อง ร้องไห้ดังๆ สลับเบาๆ ยังดีที่ไม่กรีดร้องออกมาดังๆ คราวนี้หนังสือหรือเกมก็เอาไม่อยู่ เธอร้องต่อไป ร้องไห้ตั้งแต่เข้าเครื่อง take off ตั้งลำ ร่อนลง และ landing ร้องไห้ชนิดลืมหยุด ตอนนั้นทั้งอายคน ทั้งเหนื่อย ทั้งหงุดหงิด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกล่อมไปเรื่อยๆ และเชื่อไหม เมื่อเราออกจากเครื่องมาสูดลมที่ดอนเมือง ย้ายตัวเองมาขึ้นรถบัสเพื่อเข้าสนามบิน เธอหยุดร้องทันที ทั้งๆที่แหกปากมาชั่วโมงครึ่ง เธอหยุดเหมือนคิดได้ ว่านี่กูร้องไปทำไมนักหนาวะ พ่อคงเหนื่อยและเมื่อยหูแล้วนะ มันน่าตบกว่านั้นอีกเมื่อเธอตื่นตาตื่นใจกับเครื่องบินจำนวนมากมายที่จอดอยู่ "โอ้โห พ่อจ๋า เครื่องบินลำใหญ๊ใหญ่ โต๊โต" น่าเอ็นดูไหมครับ พี่น้อง
ยังครับ ยังไม่พอ ในครั้งนั้น เราจะเดินทางกลับใต้ด้วยรถไฟ แป้งเธอยังคงกลัวอะไรที่โค้งๆเหมือนขามา เพราะกิริยาที่ตื่นเต้นกับรถไฟคันใหญ่ กลับกลายเป็นความตื่นกลัวเมื่อย่างก้าวเข้ามาบนขบวนรถ ร้้องห่มร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว "จะลง จะลง แป้งกลัว" ผมก็บอกว่า "งั้นพ่อกับแม่กลับกัน ๒ คนนะ" เธอจึงยอมให้ผมอุ้มขึ้นรถ กอดซะแน่น เธอคงกลัวจริงๆ แต่มันก็เป็นเพียงเท่านี้ เพราะสักพักก็สนุกในห้องโดยสารและวิวข้างทางจนลืมกลัวไป
ยังมีอีกครับ ความกลัวยังไม่สิ้นสุด เพราะครั้งหนึ่งผมต้องขึ้นรถสองแถวไปรับเธอที่โรงเรียนนกฮูกเล็ก ครั้นขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน เธอกลับร้องไห้ไม่ยอมขึ้นรถอีกแล้ว เธอกลัวที่จะเข้ามานั่งรถสองแถว ร้องจนต้องให้เขาหยุดรถ (หลังจากออกวิ่งไปไม่ได้เปลี่ยนเกียร์เลยด้วยซ้ำ) งานนี้พ่อหงุดหงิด เพราะต้องกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลต่อ เลยคาดโทษว่า "งั้นต้องเดิน ไม่อุ้ม" เรา ๒ พ่อลูกจึงเริ่มออกเดินตั้งแต่หน้าโรงเรียนหลวงประธานฯ ผ่านตลาดคลองเรียน ผ่านวัดโคกนาว ข้ามถนนมาโรงพยาบาล เธอเหงื่อออกซ่กแต่ไม่บ่นสักคำ พ่อนั้นแสนจะสงสาร แต่ก็ขำมัน เลยแวะซื้อไอติมให้กินแท่งหนึ่ง และแอบออกปากถามไปว่า เดินเข้าบ้านต่อเลยดีไหม ตอนนั้นบ้านเราอยู่ในม.อ. เธอบอกว่าเอา สงสัยเครื่องติดแล้วและร้อนอยู่ พ่อเลยพาออกเดินทันที ผ่านตึกฟัก ผ่านอ่างน้ำ และถึงบ้านอย่างปลอดภัยและสนุกที่สุด มาถึงตอนนี้ลูกก็ยังจำวันนั้นได้อยู่ คิดถึงทีไร น่องกระตุกทุกครั้งไป

เมื่อเรามีน้องจ้า การออกเดินทางก็ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป เพราะรายนี้เริ่มออกบินพร้อมพ่อแม่และพี่สาวได้ตั้งแต่อายุไม่ครบขวบปี ยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เราก็ไม่กลัว เพราะทันทีที่เครื่องขึ้นหรือลง เราก็ให้เธออมหัวนมแม่เอาไว้ ดูดไปดูดไปหูก็หายอื้ออึง ดังนั้น น้องจ้าจะไม่เคยร้องไห้เมื่ออยู่ในเครื่องบินเลย จะมาน่ารำคาญบ้างก็เพราะรายนี้ ชอบขี้แตกเมื่อเปลี่ยนที่ทางเท่านั้น ประจำ!

เมื่อมีลูก เสียงร้องไห้ของเด็กจึงเป็นมิตรกับโสตประสาทมากขึ้น เด็กร้องจึงเป็นเรื่องธรรมดา 

เสียงร้องไห้บนเครื่องบินก็ธรรมดา มันธรรมดาเสียจนบางทีก็ผ่านหูไปเฉยๆ ผมไม่รู้สึกกลัวเมื่อมีเด็กน้อยร่วมทางเดินเดินทางไปด้วยกัน มีครั้งหนึ่ง เจอเด็กเหมือนพี่แป้ง แต่เป็นเด็กชาย มันกรีดร้องตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง กรีดร้องตลอดไม่ใช่ร้องไห้ธรรมดา ครานั้นผมรู้สึกหงุดหงิดแล้ว ทำไมเอ็งไม่ร้องธรรมดาวะ ตะโกนร้องหากัปตันรึไง แค่คิดในใจนะครับ เพราะยังไงมันก็ร้องไม่หยุดอยู่ดี และทันทีที่เครื่องเปิดประตู มันก็หยุด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่รับผิดชอบต่อจิตใจของผู้ใหญ่ที่ด่ามันในใจอยู่ข้างๆนี่ และคุยจ้อเดินออกไปเฉยเลยท่ามกลางความงุนงงเล็กน้อยของผู้โดยสารท่านอื่นๆ นี่ถ้าการเตะเด็กไม่ผิดกฏหมายนานาชาติล่ะก็ ผมอยากขอสักที 

เมื่อพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ผมต้องเดินทางโดยเครื่องบินอีกครั้ง คิดในใจไปว่า ตนเองนี้เกิดมาโชคดีจริงๆ จะบินไปไหนก็มีกัปตันคอยขับเครื่องบินให้นั่ง ไม่ต้องเหนื่อยขับเอง 

ในเที่ยวบินนี้มีเด็กเล็กหลายคนเดินทางไปด้วยกัน เขาไม่ได้เป็นญาติกันหรอก คนหนึ่งนั่งตอนหน้า คนหนึ่งนั่งตอนกลาง และคนหนึ่งนั่งตอนหาง ในใจก็นึกเฉยๆเสียแล้ว และคิดว่าประเดี๋ยวคงได้นั่งฟังดนตรีประสานเสียงเป็นแน่แท้ และก็เป็นไปตามนั้น ทั้งสามช่วยกันจัดเต็ม เด็กเล็กๆนี่มันคงสื่อสารกันเข้าใจ เพราะขณะที่คนหนึ่งร่ำไห้ปานจะขาดใจ ไอ้คนที่เหลือก็จะแสดงความสงสารเห็นใจอย่างเป็นการเป็นงาน เสียงร้องระงมจากทั้งสามท่านตลอดความยาวเครื่องบิน แต่เชื่อไหมว่าผมไม่สน ร้องได้ร้องไป ลุงแป๊ะชินแล้ว
จนเกือบลืมเพราะเคลิ้มหลับ มาตื่นเอาก็เพราะนึกได้ว่าทำไมมันเหลืออยู่เสียงเดียว ไอ้ตัวเล็กส่วนหัวเครื่องมันยังร้องไม่หยุด รายนี้อายุน่าจะราว ๔ ถึง ๕ เดือน มันร้องแบบขอความสงสาร มีเอื้อนมีสะอึก สลับกับการกรีดร้องเป็นช่วงๆ ผมนั่งอมยิ้มมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดถึงพี่แป้งเมื่อครั้งนั้น แต่นี่มันเด็กเล็กกว่ามาก ร้องจนลืมหยุด ร้องจนเหนื่อยและร้องต่อไปเพราะเหนื่อย บางทีเธออาจจะร้องไปเพราะตกใจเสียงร้องของตัวเองก็ได้ คงตกใจว่าเสียงใครวะ ดังชิ้บหาย ผมคิดถึงน้องจ้า เพราะตอนนั้นคงตัวเท่านี้ แต่จ้าไม่ร้องเลยเพราะดูดนมแม่ตลอดเวลา ในใจก็นึกสงสารพ่อแม่ คงร้อนใจพอดู
เจ้าตัวน้อยยังคงรักษามาตรฐานการร้องได้ดีจนเครื่องลงจอด เมื่อคนเริ่มเดินออกจากเครื่องรวมทั้งผม ผมก็ส่งสายตาไปมองเล็กน้อย เห็นพ่อของเจ้าหนูมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยและคงหงุดหงิด ผมส่งยิ้มให้และนึกในใจ "เรื่องจิ๊บๆน้องเอ๋ย พี่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว เดี๋ยวนายก็คงชิน เดินทางคราวหน้าก็พกเต้านมมาด้วยสิ ลูกจะได้ไม่ร้องเหมือนคุณจ้าของพี่ไง"
คำสำคัญ (Tags): #เด็ก#ร้องไห้
หมายเลขบันทึก: 536915เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2013 21:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม 2013 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ...เด็กร้องเป็นเรื่องปกตินะคะเพราะอาจจะพูดอธิบายความต้องการหรือความรู้สึกของตนเองไม่ได้...แต่ถ้าเด็กร้องนานๆตามที่อ่าน ...นานมากนะคะ...นอกจากไม่ดีต่อตัวเองแล้วยังรบกวนผู้โดยสารอื่นอีกด้วย...แอร์โฮสเตสแต่ละสายการบินจะได้รับการฝึกฯในเรื่องนี่อยู่แล้วได้มาดูแลอย่างไรบ้าง?ค่ะ..เพราะไม่ได้พูดถึง...ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับ ดร.พจนา

สองสิ่งในชีวิตที่ผมไม่กล้าเผชิญ หรือกระอักกระอ่วนใจเสมอคือ เด็กป่วย แต่คนแก่ขอทานหรือถูกทอดทิ้ง

ถึงแม้ว่า การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจจธรรม แต่สองสิ่งข้างบนก็ยังแทงใจ

เด็กบางคนตายเร็วเกินไป 

คนแก่บางคนทำงานหนัก หาเลี้ยงชีพมาตลอดชีวิต ยังถูกทอดทิ้งในบั้นปลาย

เรื่องเด็กร้อง ตอนนี้ชินแล้ว คงเป็นเพราะมีลูกกระมังครับ แต่บนเครื่องบินนี่ลูกคนอื่นร้อง สงสารพ่อแม่และคนข้างๆเขาครับ 


ฮา ฮา อ่านสนุกทุกบรรทัดจริงๆ เลยนะหมอแป๊ะ อ่านไปขำไปอยู่คนเดียว :)

แหม จันครับ

เส้นตื้นไม่เปลี่ยนแปลงเลยนิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท