โรงเรียนบ้านพุตะแบกเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เด็กนักเรียนลดลงเรื่อย ๆ ปีการศึกษาที่ผ่านมา มีนักเรียน 100 คนพอดี มาปีนี้ เด็กเหลือเพียง 86 คน แต่โรงเรียนวัดนาล้อมเล็กยิ่งกว่า คือมีนักเรียนเพียง 46 คน ไม่มีผู้บริหาร จะยุบอยู่หลายปีแล้ว ก็ไม่ได้ยุบ เนื่องจากชุมชนไม่ยอม
หน่วยเหนือจึงมีนโยบายให้โรงเรียนพี่อย่าง พุตะแบก โอบอุ้ม น้อง คือนาล้อม โดยเฉพาะเรื่องของ ผลโอเน็ตในปีการศึกษา 2554 ที่นาล้อมอยู่อันดับท้าย ๆ ของเขตฯ ดังนั้นช่วงเดือน มกราคม ก่อนสอบโอเน็ต นาล้อมจึงต้องนำนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5-6 มาเรียน มาติวร่วมกันกับพุตะแบก ผลโอเน็ตออกมาเป็นที่น่าพอใจ พุตะแบกอยู่อันดับที่ 8 ของเขตฯ ส่วนนาล้อมก็เลื่อนอันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ 20 กว่า ๆ ดังนั้น ปีการศึกษานี้ สองโรงเรียนเล็ก ๆ จึงผนึกกำลัง นำนักเรียนมาเรียนร่วมกัน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีครูจากนาล้อมมาร่วมด้วย 1 คน
วันนี้เด็ก ๆ จึงรู้สึกคึกคักเป็นพิเศษที่จะได้เจอเพื่อนใหม่ต่างโรงเรียน ก่อนเข้าห้องเรียน ผู้บริหารโรงเรียนได้ให้โอวาทแก่นักเรียน เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ ให้ยึดกฏระเบียบของโรงเรียนบ้านพุตะแบกเป็นสำคัญ ไม่คิดแบ่งแยก ถือว่า ทุกคนอยู่โรงเรียนเดียวกัน และแนะนำให้เด็ก ๆ รู้จักกับคุณครูที่สอนประจำวิชาต่าง ๆ ของทั้งสองโรงเรียนให้เด็กได้รู้จัก
เมื่อถึงชั่วโมงเรียนวิชาภาษาไทย ครูอิงจึงจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกัน พูดคุยกัน แรก ๆ เด็ก ๆ ก็เหนียมอาย ไม่กล้าพูดคุย จนครูอิงค์ต้องกำหนดหัวข้อให้นักเรียนไปสัมภาษณ์เื่พื่อน ๆ โดยกำหนดว่า
ขอชื่นชม แนวทาง จิตสำนึก
หลอมรวมตรึง ตรองทาง การศึกษา
รวมพลัง สรรค์สร้าง พร้อมนำพา
หวังใจว่า ศึกษาไทย นั่นก้าวไกล
ขอชื่นชม คุณครูไทย ใจเมตตา
สื่อนำพา สิ่งดีดี สู่เป้าหมาย
รับผิดชอบ ร่วมสรรค์สร้าง มีเมตตา
หวังใจว่า การศึกษาไทย นั่นก้าวไกล
ขอบคุณค่ะท่าน ผอ.วิเชียน
ชุมชนเข้มแข็ง โรงเรียนก็อยู่ได้นะคะ
มาให้กำลังใจการขับเคลื่อนทางการศึกษาดีๆเช่นนี้ค่ะ...
การทำงานกับเด็กเราต้องคิดเหมือนเขาเราถึงจะสามารถเข้าใจเขาใด้ถ้าเราคิดต่างกันมันสนุกแต่ชม.แรกต่อมาก็เบื่อ
อยากให้กำลังใจนะครับทำงานกับเด็กนี้เนื่อยสุดๆแน่นอน