Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

เพื่อนสนิทที่ชื่อว่า "มาร"


ก่อนไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม  ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมได้ฟัง ได้อ่านธรรมไปก่อน จะช่วยให้เข้าใจธรรมที่ได้จากการปฏิบัติธรรมมากขึ้น เข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้นจากการปฏิบัติ  แพรฟังเรื่องนี้ก่อนไปปฏิบัติธรรม ก็ยังไม่เข้าใจมากนักค่ะ  (ปัญญายังไม่ถึงค่ะ)  พอกลับมาฟังใหม่  ฟังซ้ำไปซ้ำมา  แล้วทบทวนประสบการณ์ก็เข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้น  ยิ่งไปปฏิบัติธรรมมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้นค่ะ

แพรขอแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักเพื่อนสนิทในตัวของเราทุกคน 5 ตัวค่ะ เรามีเค้าอยู่ แต่เราอาจจะไม่รู้จักเค้าหรืออาจจะไม่สนใจเค้า ทั้งๆที่เค้าเป็นคนสนิทของเรามากๆ เราละเลยเค้าไม่ได้เลย มารทั้ง 5

อ่านแล้วจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในการอ่านเรื่องเล่าของแพรได้ดีค่ะ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรนะคะ เวลาอยู่วัดปฏิบัติธรรม จะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นค่ะ 

อย่างที่ครูบาอาจารย์และหลวงพ่อหลายๆท่านที่ได้บอก ได้สอนไว้นะคะ  ธรรมที่ได้จากการคิด การฟังเฉยๆ จะไม่ลึกซึ้งเท่าธรรมที่ได้จากการปฏิบัติ  ต้องพากเพียร ต้องสู้ แพรขอเอาธรรมที่ครูบาอาจารย์สอนกับธรรมที่ได้จากการปกิบัติจริงมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ

เวลานั่งสมาธิ เดินจงกรม ขยันเจริญภาวนานะคะ ในเวลาที่ใจจะข้ามภพข้ามชาติ  จากที่มีความสุขล้วนๆ นั่งสมาธิแล้วมันเบา สบาย มีความสุข สงบ แต่พอปัญญาแก่กล้าแล้ว มันจะพลิกให้ดูเลยว่ามันจะกลายเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ มีแต่ทุกข์มากขึ้นๆ  ทุกข์เหมือนร่างกายจะแตกสลาย ปวดขา ปวดบ่า ปวดตัวมากๆ ปวดเหมือนกระดูจะแตกสลาย

มันทุกข์ มันทรมาน มันขมขื่น ฝืนจะทน

มันปวด จิตใจมันจะระเบิด มีแต่ทุกข์ล้วนๆเลย  หยั่งลงไปทางไหนก็มีแต่ทุกข์มากขึ้น มากขึ้น

ตรงนี้แหละค่ะ มารทั้ง 5 เริ่มทำงานแล้ว  ดูกันให้เห็นชัดๆเลยนะคะ

มารตัวหนึ่งเรียกว่า

๑.  เทวปุตตมาร คือ หัวใจของเรานี่เอง ที่มันจะท้อถอยกลับกลอก ไม่กล้าสู้ บอกเราว่าถอยออกมาเถอะ มันปวดจะตายอยู่แล้ว อย่าทนเลน ออกมาก่อน ออกเถอะๆ ถ้าไม่ถอย ไม่ตายก็บ้านะ  ทำให้เรากลัว ทำให้เราท้อถอย

๒.  กิเลสมาร คือ กิเลสทั้งหลาย  โทสะ โมหะ ความกลัว มันเล่นเราตรงนี้เลยนะ กลัวปวด กลัวเจ็บ กลัวตาย มันไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน

๓.  อภิสังขารมาร คือ ตัวความคิดที่กลับกลอกหลอกลวง  บางทีมันก็หลอกเราว่าให้ถอยออกไปเถอะ  เหมือนกับที่มันมาหลอกพระโพธิสัตว์  ว่าไปอยู่กับโลกแล้วจะมีความสุขที่สุด  ถ้าไม่ข้ามมรรคผลนิพพาน เข้าถึงขีดสุด  เรากลับมาจะอยู่กับโลกอย่างมีความสุขที่สุดเลย  เพราะอะไรๆในโลกไม่กระเทือนเข้าถึงใจแล้ว  ใจมันเป็นดวงรู้เด่นอยู่อย่างนั้น มีแต่ความสุขล้วนๆเลย  จิตใจมันจะถูกความคิด  คอยปลอบ คอยหลอกให้เลิก

๔.  มัจจุมาร  คือ  ความรู้สึกที่ว่าความตายมารออยู่ต่อหน้า  ถ้ายังทนนั่งอยู่ต่อไป ไม่ถอยนะ ต้องตายแน่นอนไม่ก็บ้าเลย  มันมีแต่ความทรมานมากมาย

๕.  ขันธมาร คือ ขันธ์ทั้ง 5  กายกับใจ  เป็นตัวทุกข์ล้วนๆ เพราะมันบีบคั้น ทำให้คนที่ไปยึดมั่นถือมั่น เป็นตัวทุกข์

ตรงนี้ถ้าบุญบารมีเราไม่พอ  สั่งสมมายังไม่พอ  คือยังไม่ค่อยเจริญภาวนา ยังไม่พากเพียร เราจะถอยแล้ว  สู้ไม่ได้ ถอยดีกว่า  ไม่เอาดีกว่า  อยู่กับโลกก็มีความสุข  แต่พระโพธิ์สัตว์ไม่ได้เป็นอย่างนั้น  พระโพธิ์สัตว์ที่จะข้ามภพข้ามชาติ ท่านอาศัยบารมี หรือผู้ปฏิบัติที่ต้องการข้ามภพข้ามชาตินั้น ต้องอาศัยบารมี เช่น

ทานบารมีกล้าจะเสียสละชีวิตเพื่อธรรมไหม  ต้องกล้านะ  ตายเป็นตาย  ในนาทีนั้นจะต้องไม่ถอย  ถ้าถอยคือ อยู่สบายกับโลกแต่เป็นทาสของมารเรื่อยๆไป  เพราะฉะนั้นต้องกล้าหาญ  จะกล้าสละชีวิตได้  จะต้องกล้าสละของเล็กๆน้อยๆก่อน  สละอันโน้น สละอันนี้ไปเรื่อยๆ  ไม่ห่วงหน้า ห่วงหลัง  สละความผูกพันในใจ 

อย่างพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธิถัตธะ  สละพระนางพิมพา พระราหุล

รักไหมลูกเมีย  รักนะ  แต่กล้าสละเพื่อธรรม 

นี่คือ ทานบารมีที่มันเต็มใจแล้ว เต็มเปี่ยม 

พอถึงนาทีสุดท้าย  กล้าสละชีวิตเพื่อธรรมนะ

อย่างที่หลวงพ่อวีระนนท์ เคนสอน เคยบอกว่า

สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

สละชีวิตเพื่อรักษาธรรม

(แรกๆอาจจะ ยอมเสียธรรมเพื่อรักษาชีวิต แต่หลังๆเราฝึกมากๆ มันจะกล้าสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมค่ะ)

กล้าตายในสมาธิ แล้วจะได้ของดีกลับไปค่ะ

ส่วนอธิษฐานบารมี  ในขณะที่ความตายมารออยู่ต่อหน้า  จะถอยไหม  ถ้าตั้งใจไม่ถอย  ครั้งนี้จะสู้ตายแล้ว  แต่ถ้าบารมีนี้ไม่ถึงก็ถอยนะ  มันจะทรมาน  กิเลสมันจะหลอกกับเราว่า  ถอยไปก่อนน่ะ  เดี๋ยวรวมกำลังมาสู้กับมันใหม่  นั่นแน่ หลอกได้สารพัดนะ แพรโดนหลอกมาแล้ว เราก็ดันเชื่อง่าย หลอกแล้ว หลอกอีก

สัจจะบารมี มีไหม  ยอมตายเพื่อให้ได้เห็นความจริงไหม  ความจริงที่เราจะตามดูมันไปเรื่อยๆมี ดูสิให้สุดสายของการปฏิบัติสิ  มันจะเกิดอะไรขึ้น  ตายก็ตายนะ  จะดู  จะเอาความจริงให้ได้  กล้าพอไหม ใจถึงไหม

ศีลบารมี เรามีไหม  จิตใจเราจะเป็นปกติมั่นคงได้ไหม ท่ามกลางความบีบคั้นอย่างนั้น  หรือจะโมโหโทโสขึ้นมา  จิตใจเรามีศีล มีความเป็นปกติหรือเปล่า 

ปัญญาบารมี  เรามีไหม  ที่จะรู้ทุกอย่างตามที่เค้าเป็น  รู้แล้ววาง ๆ  รู้แล้วไม่เข้าไปข้องแวะด้วย นี่คือ ตัวอย่างของบารมี 10 ตัว เอาย่อๆนะ เนี่ยพวกนี้จะมาช่วยเราในการสู้กับมาร 5 ตัว 

เอาเข้าจริงพระพุทธเจ้าท่านใช้โพธิปักสยธรรม....37 ประการ ไปสู้กับมาร 1 กองทัพ ๆ คือ มาร 5 ตัว

สู้ยากนะ  มารตัวเดียวก็สู้ยากแล้ว  ต้องต่อสู้ก่อนที่ใจจะเข้มแข็งไปสู้กับมารจนข้ามภพ ข้ามชาติ

ต้องสะสมความแข็งแกร่งในใจมามากมาย  กล้าสละความสุข ความสบาย ความเพลิดเพลินอย่างโลกๆ ต้องกล้าหาญ  ต้องใจถึงด้วย

พระพุทธเจ้าเวลาสอนธรรม ท่านจึงสอนเป็นลำดับๆนะ  เรียกว่า  อนุปุพิกถา

รู้จัก ทาน ไว้นะคะ ทำไว้นะคะ ทำบ่อยๆ ให้บ่อย

 ทานไม่ใช่แค่ควักกระเป๋ามาจ่ายนะ 

แต่มากกว่าทาน คือ ความเสียสละค่ะ สละอะไรบ้าง

กล้าเสียสละไหม 

ล้าสละความสุขส่วนตัวไหม  เพื่อประโยชน์ของคนอื่น  กล้าไหม

กล้าสละความอาฆาตแค้นไหม 

กล้าให้ความรู้ ความเข้าใจกับคนอื่นที่เค้าไม่รู้  ไม่เข้าใจไหม หรือตระหนี่ถี่เหนียว 

ใจถึงๆ ไว้ กล้าสละทุกสิ่งทุกอย่าง  ทีละเล็ก ทีละน้อย  ค่อยๆสะสมไป

พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องศีล ทาน  เห็นไหมค่ะ  ท่านสอนให้เรามีกำลังที่จะข้ามภพข้ามชาติทั้งนั้น

ต้องรักษาศีลนะ  ถ้าไม่มีศีลใจจะไม่มีสัมมาสมาธิ ใจจะตั้งมั่นไม่ได้  ใจจะกลับกลอก กวัดแกว่งตลอดเวลา  ต้องมีศีลเอาไว้ ไปอยู่ที่นี่ศีล 8 ข้อ รักษาไว้ให้ดีนะคะ

เวลาสมาธิตั้งมั่น มารเกิด นำศีลบารมีมาใช้ค่ะ ระลึกถึงศีลที่เรามี ที่เราพยายามรักษาไว้ได้

เอามาเป็นบารมีช่วยให้เราได้เห็น "ธรรมวิเศษ" ในบัลลังค์นั้นๆได้ค่ะ

พอมีทาน มีศีล  เราจะมีความสุข  เรียกว่าสวรรค์ 

ชีวิตจะมีแต่ความสุขความสบาย  ร่างกายอาจจะลำบากบ้าง  เจ็บไข้ได้ป่วย  แต่ใจมันจะสบาย 

ใจสบายจะเพลิดเพลินไป  คราวนี้เพลินไปในความสุขอีกแล้ว  เรียกว่ากาม  เพลิดเพลินในความสุข 

เสร็จแล้วท่านก็ชี้ให้เห็นโทษของกาม  อย่ามัวแต่ประมาทอย่าหลงกับความสุขที่เรากำลังได้รับอยู่ทุกวันนี้นะ  ความสุขที่เราได้รับอยู่ทุกวันนี้เป็นของชั่วคราว  ประมาทไม่ได้นะ 

โทษของกาม  เรียกว่า  กามาทีนพ

เสร็จแล้วถ้าไม่ประมาทจะทำอย่างไร  ถ้าไม่ประมาทแล้วมาคอยเรียนรู้อริยสัจ

ให้มารู้ทุกข์  มาคอยรู้กาย  มาคอยรู้ใจไป  ให้รู้ไปเรื่อยๆ  รู้จนแจ่งแจ้ง

กายและใจเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ  จะปล่อยวางความยึดถือกาย ความยึดถือใจ

ตัณหาจะเกิดขึ้นไม่ได้อีก  สมุทัยจะไม่เกิดอีก 

ถ้ารู้ทุกข์แจ่มแจ้ง  สมุทัยจะถูกละอัตโนมัติ 

สมุทัย คือ ความอยากให้กายให้ใจ มีความสุข  อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ 

ถ้าไม่ยึดกาย  ยึดใจ  แล้วจะไปอยากทำไม

ทันทีที่ตัณหาดับสนิทลงนะ  ความไม่มีตัณหา 

คือ  นิพพานก็จะปรากฏขึ้นมา  ต่อหน้าต่อตานั่นเอง

การรู้ทุกข์  จนละสมุทัย  แจ้งนิโรธ  แจ้งนิพพาน  นี่แหละ เรียกว่า มรรค

ท่านสอนแบบนี้นะ อนุปุพพิกถา  ท่านสอนตั้งแต่ธรรมขั้นต้นมา

ตั้งแต่รู้จักทาน  รู้จักศีลนะ 

ทำทาน  ทำศีลไป  แล้วชีวิตมีความสงบสุขขึ้นมา

อย่าเพลิดเพลินในความสงบสุขทั้งหลาย

ในชีวิตเราเป็นของชั่วคราวเหมือนกัน  วันนึงอาจจะเดือดร้อนขึ้นมาได้

งั้นต้องเร่งศึกษากาย  ศึกษาใจของตัวเอง

เอาพวกเราฟังหลายเรื่องแล้ว รู้สึกไหม  ฟังอนุปุพพิกถาจบแล้ว

ใครได้โสดาบันแล้วยกมือขึ้น

555 แถวนี้มีแต่โสดาเดา กับโสดาดันค่ะ หลวงพ่อ


ของเราฟังแล้วยังไม่ได้โสดาบัน  เราต้องฟังแล้วฟังอีก ทำแล้วทำอีกค่ะ

จำไว้นะคะ  ขนาดพระอัสสชิ  ท่านมีบารมีเยอะกว่าพวกเรา  ท่านยังต้องฟังธรรมตั้ง 5 ครั้ง  ถึงได้โสดาบัน 

แถมพระอัสสชิ ท่านฟังจากพระพุทธเจ้าด้วยนะ ไม่ใช่ฟังจากพระธรรมดานะคะ

พวกเราบารมีไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ  ต้องอดทนไว้  ต้องพากเพียร  อย่าท้อถอย 

ต้องสู้น่ะคะ คอยรู้ลงไปรู้ลงในกายนะ  รู้ลงในใจ 

ยังทำไม่ได้ ไม่เป็นไร

พยายามถือศีลไว้  เอาให้อยู่ รักษาศีลไว้ให้ได้

อย่าไปตบยุง อย่าคุยมาก อย่าเล่นเฟส เล่นไลน์มาก ปิดวาจาไปเลยค่ะ

จะได้มีศีล จะได้ไม่ฟุ้งซ่านมากค่ะ

แล้วคอยรู้กาย  คอยรู้ใจไปเรื่อยๆ  ถึงวันหนึ่งมันก็ต้องฝ่าไปได้แหละ 55 

ก่อนที่ครูบาอาจารย์ ทั้งหลายจะผ่านด่านมาได้ทุกองค์ๆ นะ  ท่านก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น  แบบที่เราเจอนี่ล่ะค่ะ

เบื้องต้นนะคะ เบสิคๆ ใครๆเค้าก็เจอ ธรรมดามากๆ ปวดจะตายแบบนี้น่ะ ของธรรมดาเลย

ลูกฟลุ๊ค ไม่มีนะ  ของฟลุ๊คไม่มี  มีแต่ต้องลงทุนลงแรงทั้งนั้น

ของฟรีไม่มีในโลกนะคะ จำไว้แล้ว ให้ฮึดสู้ต่อไปค่ะ


เราสู้เอาเองทั้งนั้น  ขัดเกลากิเลสในใจเรา 

คอยรู้ลงไป สู้ด้วยทาน  สู้ด้วยศีล  สู้ด้วยสมาธิ  สู้ด้วยปัญญา 

เครื่องมือในการต่อสู้มีหลายตัว  คอยรู้ลงไปด้วยนะคะ (แพรจะแนะนำเทคนิคและธรรมง่ายไว้สู้ค่ะ)

สู้ด้วยอะไรไม่ได้ก็รักษาศีลไว้ เช่น  อยากตบมันเต็มที่แล้ว  อ้าวไม่ได้ อย่าตบนะเดี๋ยวผิดศีล  อย่างเนี่ย

สู้ไป  ถึงวันหนึ่งแล้วจะเข้าใจ ชีวิตจะมีอิสรภาพ  เราจะเข้าถึงอิสระที่แท้จริง อิสระจริงๆ

ใจเราจะมีแต่ความปลอดโปร่งโล่งตลอดวันตลอดคืนเลย 

ใจจะไม่มีขอบเขต  ไม่มีจุด  ไม่มีดวง  กว้างขวางไร้ขอบเขต 

มีความสุขล้วนๆเลย  ไม่มีอะไรเป็นเครื่องขีดกั้นจำกัดอีกต่อไป 

ทางร่างกายก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามธรรมชาติ 

แต่ทางใจนะสดใส ซาบซ่าอยู่อย่างนั้นแหละ

ฝึกเอาเองนะ  ฝึกเอา..............


นี่เห็นไหม หลวงพ่อเทศน์ หลวงพ่อสอน

ท่านฝึก ท่านสู้ ท่านพากเพียร ท่านผ่านมาหมดแล้ว

เราโชคดีแล้วได้เจอครูบาอาจารย์ที่ดีและเก่งขนาดนี้

เราอย่าดื้อกับครูบาอาจารย์ ท่านให้ทำอะไรก็ทำ

ท่านบอกอะไรก็เชื่อ ท่านให้ทำอะไรก็ทำ

อย่าดื้อ อย่าเถียง อย่าต่อรอง อย่างอแง อย่างอน

 

ถ้าหลวงพ่อเชื่อว่าเราทำได้ แสดงว่าเราทำได้ 555

 

ตั้งใจทำไป พากเพียรไว้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองค่ะ


สู้ๆนะคะ แล้วเราจะได้สนุกกับกรรมฐานไปด้วยกัน


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ


คำสำคัญ (Tags): #มาร 5#ภาวนา
หมายเลขบันทึก: 535782เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2013 11:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2013 08:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ทั้งชุด (3ตอน) จัดกระเป๋าเข้าวัดป่า พาเพื่อนไปเข้าคอร์ส และ เพื่อนสนิทที่ชื่อว่า "มาร" ไปเผยแพร่ใน www.thaiihdc.org 

ยินดีค่ะ แพรตั้งใจว่าเขียนเสร็จแล้วจะรวบรวมพิมพ์เป็นหนังสือธรรมแจกเป็นธรรมทานอยู่แล้วค่ะ

ยินดีมาก ถ้าเรื่องที่เขียนไปเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ ได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมค่ะ

ขอบคุณ ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท มากนะคะ ที่ช่วยนำไปเผยแพร่ต่อ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท