541. "เจ้าชายเฮนรี่ นักเดินเรือ ผู้ทำให้โปรตุเกสกลายเป็นมหาอำนาจโลก ด้วยการศึกษา"


ระยะนี้อ่านหนังสือเรื่องประวัติศาสตร์โลก ที่เขียนอย่างสนุกน่าติดตาม อ่านมาถึงประวัติศาสตร์ยุโรป ที่เริ่มจากสมัยกรีก มาสมัยโรมัน จนถึงโลกยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ที่เกิดขึ้นในยุโรป เห็นอาณาจักรเล็กๆ ที่คนในเมืองมีความสนใจศิลปะวิทยาการ นักการเมืองพ่อค้าให้การสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน จนทำให้คนกลุ่มนี้มีอิสรภาพในชีวิตที่จะคิดค้นอะไรใหม่ๆ ไม่นานเมืองเวนิส กลายเป็นอาณาจักรทางทะเลขนาดใหญ่ ผูกขาดการค้า เป็นผู้นำเข้าสินค้าจากโลกอิสลาม ที่เป็นตัวกลางนำเข้าเครื่องเทศ และสินค้าแปลกๆ จากเอเชียเข้าอีกที เวนิสรุ่งเรืองอยู่นานหลายร้อยปี

                         

                               Cr: http://www.runawayjane.com/first-impressions-of-venice/

วิเคราะห์กันให้ดีจะเห็นส่วนที่เป็นตัวขับเคลื่อน ที่ทำให้เวนิสกลายเป็นศูนย์กลางของโลก นั่นคือพลังอำนาจของ “ความรู้” 

ในยุคสมัยต่อมาก็มีอาณาจักรเกิดใหม่ คือโปรตุเกส อาณาจักรนี้แยกตัวมาจากสเปน ประเทศนี้เล็กมากๆ ไม่มีทุนทรัพย์มากๆ แถมทำการค้ากับใครลำบาก เพราะมีมหาอำนาจคือเวนิสผูกขาดการค้าในทะเลเมดิเตอเรเนียน  โปรตุเกสติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก  ทำให้ชินกับการเดินเรือในนเขตน้ำลึก ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครสนใจ ต่อมาในรัชกาลที่สอง คือเจ้าชายเฮนรี่ ที่มีสมญาว่า เฮนรี่ นักเดินเรือ (Henry the Navigator) เจ้าชายท่านนี้สนใจเรื่องการเดินเรือมาก และมีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะหาเส้นทางลัดเดินเรือไปอินเดีย เพื่อจะเอาชนะอำนาจผูกขาดการค้าเครื่องเทศ และผ้าไหมของเวนิส

                                              

Cr: http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/82/Henry_the_Navigator.jpg/300px-Henry_the_Navigator.jpg

ท่านสนใจการเดินเรือมาก ถึงขั้นตั้งโรงเรียนสอนการเดินเรือ แล้วเชิญนักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านการเดินเรือมาร่วมกันศึกษา เอาความรู้ที่มีมาแต่โบราณมากางดู แล้วส่งเรือไปสำรวจชายฝั่งอาฟริกา กลับมาก็เอาความรู้จริงมาเทียบ ค้นคว้าต่อไป จนกระทั่งมีการออกแบบเรือใหม่ โดยเอาจุดดีของเรือยุโรป กับเรือของอาหรับมารวมกัน สร้างนวัตกรรมใหม่ เป็นเรือที่ทนทาน เร็วกว่าเดิม และไปได้ไกลกว่าเดิม ท่านจะคอยสอนให้นักเรียนของท่านเชื่อว่าจริงๆแล้วโลกกลม ในรัชสมัยของท่าน มีนักเดินเรือเดินทางถึงปลายสุดของอาฟริกา หากแต่ท่านสิ้นพระชนม์ไปก่อน แต่ไม่นานสิบปีหลังจากนั้นวาสโก ดากาม่าก็สามารถเดินเรือไปถึงอินเดีย แล้วเดินทางย้อนกลับไปยุโรป ครั้งนั้นครั้งเดียวสามารถทำกำไรจากการขนเครื่องเทศกลับไปขายได้ถึง “600 เท่า” ... สร้างผลกำไรมหาศาลให้กับโปรตุเกส

การเดินทางครั้งนั้นทำให้มีการเปิดเส้นทางการค้า มีการตั้งสถานีการค้าตามมา ซึ่งพลิกให้โปรตุเกสกลายเป็นมหาอำนาจโลกทันที ในชั่วข้ามคืน ไม่แปลกครับทำไมถึงร่ำรวยจนเป็นมหาอำนาจ เพราะกำไรตั้ง 600 เท่า...  เวนิสหมดอำนาจลงไม่นานหลังจากนั้น จากนั้นสเปนก็ตามมา (ต่อยอดจากเทคโนโลยีการเดินเรือของโปรตุเกส) จนมีการค้นพบโลกใหม่ ไม่นานหลังจากนั้นประเทศเล็กๆ สองประเทศนี้ ถึงกับต้องทำสัญญาแบ่งโลกเพื่อร่วมกันครองโลก ...

                         

                            Cr: http://wallpapersol.com/wallpaper/caravel-ship-boat-sail-art/

ชัดไหมครับ อาณาจักรเน้นที่ความรู้ เพียงประมาณเพียงหนึ่งชั่วคน ก็กลายเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรือง เป็นมหาอำนาจโลก ไม่ถึงร้อยปี ทั้งๆที่เสียเปรียบทุกอย่าง แต่ขอให้เน้นที่ความรู้ ทำการวิจัย ค้นคว้า ผจญภัยกัน สักพักก็ยกระดับตัวเองเป็นมหาอำนาจ 

อ้อคุณอาจคิดว่า ไม่เห็นยาก ถ้าคุณเป็น Henry the Navigator คุณไม่ต้องทำอะไรเองหรอก แค่จ้างคนจากยุโรป จากเวนิส เอาเทคโนโลยีของเขามาก็ได้... คงได้ครับ แต่เรือของมหาอำนาจคือเวนิสยุคนั้น ซึ่งก็สุดยอดที่สุดของโลกในขณะนั้น ต้องใช้ฝีพายกว่า 140 คนครับ จินตนาการสิครับ จะแบกคนขนาดนี้ พร้อมอาหารและที่พักไปข้ามมหาสมุทรได้ไง จะไปจ้างคนเวนิสให้คิดเหรอครับ เขาจะไปคิดให้คุณทำไม เขาอยู่ของเขาดีๆก็รวยเอารวยเอาอยู่แล้ว จะว่าไปแล้วคุณพึ่งมหาอำนาจที่กำลังรวยติดลมบนไม่ได้หรอกครับ ไม่ว่ายุคไหน

Henry คิดถูกครับ ท่านไม่สนใจเทคโนโลยีของมหาอำนาจที่เป็นที่สุดของโลกขณะนั้น ไม่ได้ “นำเข้า” มาใช้อย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เอามาต่อยอด เอาผสมกับเทคโนโลยีของมหาอำนาจที่เป็นโลกอาหรับ นี่ก็สุดยอด ... ในที่สุดจึงได้แบบเรือ ที่เป็นต้นแบบให้มหาอำนาจอื่นๆ เช่นสเปน อังกฤษ และดัชต์... ส่วนเวนิสเอง ไม่เคยคิดทำอะไรให้ดีกว่าเดิม ยังคงใช้เทคโนโลยีเดิมต่อไป ที่สุดปรับตัวไม่ทัน กลับกลายเป็นล้าหลังไปทันที 

น่าตื่นเต้นและเห็นความเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าเราเน้นที่ความรู้ ลงทุนกันเข้าไป (จะว่าไปโปรตุเกส ก็ลงทุนได้อย่างจำกัดจำเขี่ย แต่เนื่องจากเน้นที่การเดินเรือ ถึงแม้จะทุนน้อย แต่ก็มีทิศทางชัดเจน) ไม่เกินชั่วคนครับ จะกลายเป็นมหาอำนาจแน่นอน

มีการวิจัยในอเมริกาว่าการลงทุนด้านการศึกษาของอเมริกานั้น ทำให้คนมีการศึกษาสูงขึ้น เมื่อมีการศึกษาสูงขึ้น ก็มีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้มากขึ้นก็ทำให้เสียภาษีได้มากขึ้น คิดแล้วอเมริกาได้ผลตอบแทนจากการลงทุนด้านการศึกษาไปกว่า 10% ดีกว่าฝากธนาคารเยอะเลยจริงไหมครับ ดอกเบี้ยไม่ถึง 3% จริงไหมครับ แถมคนหนึ่ง กว่าจะเกษียณตัวเอง ก็จ่ายภาษีทั้งทางตรงทางอ้อมไปไม่ต่ำกว่า 20 ปี คุ้มไหมครับ...

ผมว่าเรายังไม่สายเกินไปที่จะลงทุนด้านการศึกษาให้มากกว่าเดิม หรือไม่ต้องมากก็ได้ แต่มีทิศทาง เข้มข้น ผจญภัยมากกว่าเดิม ยังไม่สายที่เราจะเดินตามรอย Henry the Navigator ครับ ตอนนี้ยังทันครับ...

วันนี้พอเท่านี้ครับ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาพิจารณาดูเอาเองนะครับ


หมายเลขบันทึก: 535694เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2013 11:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2013 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เห็นรัฐบาลทุ่มงบประมาณไปเยอะทีเดียวนะครับอาจารย์

แต่จะคุ้มหรือไม่ เมื่อไหร่ หรือ จะลงทุนถูกวิธีหรือเปล่า และ จะมีการสานต่อกันยังไงต่อไป 

ก็ต้องติดตามดูกันไปกับการศึกษาไทย

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ชอบอ่านครับ...

เห็นด้วยครับอาจารย์ที่ว่ายังไม่สายเกินไป วิธีที่ gtk ทำแล้วมีผู้รู้อย่างท่านอ.และอีกหลายๆท่านมาให้ความรู้ ข้อมูล แนวคิด ความเห็น ล้วนเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ลงทุนน่าจะไม่มาก นับถือในความลงแรงของทุกท่านครับ

จะตามเป้นกำลังใจให้ และจะนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้สมเจตนาครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท