บทที่ ๙ การปฎิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษา


ขณะนี้ประเทศของเรากำลังเจ็บป่วยเรื้อรัง จนอาการลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆการแก้ไขเฉพาะหน้าเพื่อรักษาชีวิตนั้น น่าจะต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ ในจุดหลักๆ ก่อนแต่อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดใหญ่ หรือการปฎิรูปนี้ื ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หรือสิ่งวิเศษสามารถแก้ไขทุกอย่างได้ และทำให้ทุกอย่างๆ ดีขึ้น อย่างยั่งยืน ยาวนาน เครื่องมือวินิจฉัยโรค อาการ เพื่อให้การผ่าตัดรักษา ได้ถูกต้อง ถูกจุดมากที่สุด มีสามอย่างคือ ความกล้าหาญ ความซื่อตรง และสติปัญญา จุดหลักๆ ที่เรามองเห็นชัด คือ การเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษา อันดับแรก การเมืองเมื่อใช้เครื่องมือสามอย่าง วินิจฉัยอาการทางการเมือง แล้วเราจะพบว่า ประชาชนทุกคน เป็นผู้เจ้าของประเทศ และเจ้าของอำนาจที่แท้จริงประชาชนทุกคน เป็นผู้เลือก กำหนด สร้างการเมืองขึ้นมาเองหากกล้าหาญ ซื่อตรงต่อใจตนเอง เราจะโทษแต่นักการเมืองไม่ได้เราจะปฎิเสธ ความรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่เราเป็นเจ้าของ และสร้างขึ้นมากับมือเราเองไม่ได้ การเมืองอ่อนแอ เจ็บป่วย เรื้อรัง ลุกลาม รุนแรง เป็นกระจกที่ส่องให้เห็นถึงต้นเหตุคือ  คนในชาติ อ่อนแอ เจ็บป่วย เรื้อรัง ลุกลาม รุนแรง เช่นกันการรักษาก็ต้องรักษาไห้ถูกจุด คือต้องรักษาคนในชาติให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดีความกล้าหาญ ความซื่อตรง และสติปัญญา ย่อมช่วยรักษา และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีได้ ในเบื้องต้น สาเหตุหลักอีกอย่าง คือความอยุติธรรม หรือไม่เท่าเทียมกัน ในชาติของเราเกิดขึ้นจาก ความกล้าหาญ ความซื่อตรง และสติปัญญา ที่หายไปในชาติของเราภายนอกคนเราย่อมอ่อนแอลง เพราะจิตใจภายในอ่อนแอลง เมื่อสามสิ่งนี้หายไปจากจิตใจความอยุติธรรม หรือไม่เท่าเทียมกัน จึงเป็นเหมือนโรคร้าย ที่เกิดขึ้นได้ดี เมื่อจิตใจคนอ่อนแอ สำหรับแต่ละคนในชาตินั้น จงกล้าหาญ จงซื่อตรง จงตรวจตอบทุกสิ่งด้วยสติปัญญาจงช่วยให้คนอื่นในครอบครัว ในสังคม ในชาติของเรา กล้าหาญขึ้น ซื่อตรง และตรวจตอบทุกสิ่งด้วยสติปัญญา สำหรับแต่ละคนในชาตินั้น จงเชิดชูความกล้าหาญ จงเชิดชูความซื่อตรง จงส่งเสริมตรวจตอบทุกสิ่งด้วยสติปัญญา อันดับสอง เศรษฐกิจเมื่อใช้เครื่องมือสามอย่าง วินิจฉัยอาการทางเศรษฐกิจ แล้วเราจะพบว่า ประชาชนทุกคน เป็นผู้เจ้าของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศที่ตนอาศัยอยู่หากกล้าหาญ ซื่อตรงต่อใจตนเอง เราจะโทษแต่ปัจจัยภายนอกไม่ได้เราต้องยืนบนลำแข้งของเราและพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน เพื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดีต่อกระแสความเปลี่ยนแปลง อันเชี่ยวกราก อันเกรี้ยวกราด ดุจน้ำบ่าไหลหลากลองคิดดูถ้าไม่เตรียมพร้อม ไม่สร้างภูมิคุ้มกัน ตัวเรา ครอบครัว สังคมและชาติ จะยังอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ ในระดับชาติก็ต้องยืนบนลำแข้งของเราและพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีเราผลิตน้ำมันเอง ไม่ได้ เราจึงไม่ควรเอาชีวิตของเราไป ผูกกับน้ำมันมากเกินไปเรามีเงินทุนไม่มากพอ เราต้องรู้ประมาณตน และรู้จักอดออม เพื่อสะสมทุนเราไม่ควรเอาชีวิตไปผูกกับหนี้มากเกินไป ไม่ควรเป็นหนี้เกินตัว เกินกว่าจะปลดดอกเบี้ย ปลดหนี้ได้ ฯลฯ เศรษฐกิจ จริงๆแล้วเป็นเรื่องของปากท้อง เป็นเรื่องของปัจจัยพื้นฐานเพื่อการดำรงชีพเช่น ปัจจัยสี่ (อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค) ดังเช่นยุคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมแต่ในยุคปัจจุบันคือยุคสื่อสารข้อมูล ข้อมูลต่างๆ ตกผลึกเป็นความรู้ ความรู้สร้างเทคโนโลยีที่ดีกว่าเดิมขึ้นมา ตลอดเวลา ทำให้สามารถทำทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้เกิดปัจจัย ห้า หก เจ็ด ไปเรื่อยตามความต้องการที่ไม่สิ้นสุด และความสามารถในการตอบสนองด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่าเดิมขึ้นมา ตลอดเวลา สองสิ่งพื้นฐานสำหรับทุกระบบเศรษฐกิจ คือ คุณภาพและความรวดเร็ว (หรือประสิทธิภาพ)ประเทศของเรายังไม่พร้อม ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ประเทศของเราชินกับสังคมเกษตรกรรม เพราะเปลียนแปลงช้าและสงบสุข ยังไม่เข้าใจ ความคิดยุคอุตสาหกรรมได้ประเทศของเราเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม แค่คนหนุ่มสาว ที่ทิ้งสังคมชนบท เข้ามายังเมืองที่มีอุตสาหกรรมส่วนคนสูงวัยและเด็กๆ ซึ่งเป็นผู้คนอีกส่วนใหญ่ ยังโดนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ในชนบทต่างๆ ทั่วทั้งประเทศของเรา แต่คนหนุ่มสาว ส่วนใหญ่ก็ขาดการศึกษาและทักษะที่ดี จึงเป็นได้แค่ผู้ใช้แรงงาน ระบบอุตสาหกรรมมีแค่คนสังคมเมืองที่มีโอกาส ซึ่งเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ที่มีโอกาสได้รับการศึกษาและมีทักษะที่ดีและเป็นผู้ใช้ความรู้ ในระบบอุตสาหกรรมได้ จึงเป็นความไม่เท่าเทียมอย่างหนึ่งในประเทศของเรา ดังนั้นถ้าทุกท่าน ที่ได้อ่านถึงตรงนี้ ย่อมเป็นคนที่มีโอกาสมากพอสมควรขอจงกล้าหาญ ของจงกล้าแบ่งปันโอกาส ความรู้ ความยุติธรรม ความเท่าเทียม ต่างๆ ไปสู่ส่วนที่ยังขาดอยู่อีกมากหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีโอกาสทุกๆคน เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ เป็นคุณมหาศาล แก่ผู้คน แก่ชาติ แก่ตัวเราเองที่อาศัย เิติบใหญ่ ด้วยพระคุณของชาติ ของแผ่นดินแม่ อันมีพระคุณยิ่งของเรา  อันดับสาม การศึกษาเมื่อใช้เครื่องมือสามอย่าง วินิจฉัยอาการทางการศึกษา แล้วเราจะพบว่า เป็นผลต่อเนื่องมาจากเศรฐกิจที่ไม่เท่าเทียม คนส่วนน้อยที่มีโอกาส มีเศรษฐกิจ มีการศึกษาที่ดีแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังขาดโอกาส ยังยากจนและขาดการศึกษาที่ดีลองคิดดูว่า ถ้าประเทศเป็นเหมือนร่างกาย คนส่วนน้อยหรือแค่คนเมือง เป็นส่วนหัวเราเปรียบเหมือนประเทศที่โตแต่หัว แบบผิดปกติ ส่วนอื่นของร่างกาย อ่อนแอ แคระเกร็น ทุกๆคน ในชาติของเรา แผ่นดินแม่ของเรา จะสงบสุข แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดีสำหรับเราทุกคนในยุคนี้ และสำหรับลูกๆ หลานๆ ของเราในยุคหน้าหรือไม่เราอยากจะโดนลูกๆ หลานๆ เชิดชู ยกย่อง สรรเสริญ เราไปในทางใด สิ่งพื้นฐานเป็นแก่นของการศึกษา คือ การสร้างคนไม่ว่าจะเป็นการศึกษาระบบใด ในระบบ นอกระบบ ด้วยตัวเอง ด้วยตัวงาน ด้วยการฝึกฝนในทุกกิจกรรมๆ คือการเรียนรู้ และเราเรียนรู้ก็ เพื่อพัฒนา เพื่อสร้างคน สร้างตัวเราให้สมบรูณ์ขึ้น ให้ดีขึ้นหากไม่แน่ใจ ของจงกล้าหาญ ซื่อตรง และตรวบสอบทุกอย่างด้วยสติปัญญา ดังนั้นถ้าทุกท่าน ยังได้อ่านถึงตรงนี้ ขอจงกล้าหาญ จงสร้างโอกาส ความรู้ ความรู้ ความยุติธรรม ความเท่าเทียม ไปสู่ส่วนที่ยังขาดอยู่อีกมากขอจงกล้าหาญ จงสร้างตนเองขึ้นมา จงสร้างครอบครัว สังคมและประเทศที่แข้มแข็ง ขึ้นมาด้วย สมองและสองมือของเราเองหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีโอกาสทุกๆคน เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ เป็นคุณมหาศาล แก่ผู้คน แก่ชาติ แก่ตัวเราเองที่อาศัย เิติบใหญ่ ด้วยพระคุณของชาติ ของแผ่นดินแม่ อันมีพระคุณยิ่งของเรา ขอจงกล้าหาญ ขอจงโชคดี
หมายเลขบันทึก: 53536เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2006 11:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท