จดหมายถึงครู l ประคอง


จดหมายถึงครู l ประคอง

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

กราบสวัสดีค่ะครู

  วันนี้วันศุกร์ จัดเตรียมเก็บกระเป๋า จะได้กลับวัด วันนี้การมุ่งหน้าเข้าวัดทำให้รู้สึกอบอุ่นใจบอกไม่ถูกเจ้าค่ะ ลึก ๆ รับรู้กับตนเองว่า “ครูกำลังดัดนิสัย”

แม้หลายอย่างปัญญาหนูยังไม่เข้าใจ

ก็ระลึกถึงคำพูดของครูว่า “ก็รักษาข้อวัตรตนเองไป เคยทำยังไงก็ทำอย่างนั้น”

สิ่งที่ทำให้การปฏิบัติข้อวัตรไม่สำเร็จก็คือ กิเลส

การได้อ่านบันทึก เมื่อรู้ค่าของความไร้ค่า จิตก็เคลื่อนสู่อนัตตา

ทำให้นึกย้อนกับตนเอง กับความรู้สึกของคำว่า ไร้ค่า

ตลอดเช้าหนูนั่งทบทวนข้อมูลยาที่ค้าง ได้เห็นว่า ได้รับความเมตตาจากพี่ ๆ ที่ทำงานช่วยเหลือเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ

ทั้งช่วยทำ ช่วยแก้ไข จนเสร็จสิ้นกระบวนการ

สิ่งที่ดีที่สุดของการทำงานคือ เพื่อนร่วมงานที่พร้อมจะเข้าใจ

ไม่ง่ายเลย บนเส้นทางของการได้เกิดมาและมีโอกาสได้สัมผัส

ความเห็นอกเห็นใจ และจิตใจที่พร้อมจะเกื้อกูลกันและกันเสมอ

นั่งนึกย้อนถึงตนเองตั้งแต่ทำงานใหม่ ๆ ใจเต็มไปด้วยการแก่งแย่ง เอาชนะ อยู่ไปนาน ๆ ค่อย ๆ ได้เรียนรู้จากพี่ ๆ รวมถึงการบ่มเพาะหล่อหลอมจากครู ทำให้ความคิดด้านลบของการอยากดีอยากได้ในการงานนั้นหายไป

หนูเปลี่ยนไปชัดเจนในเรื่องนี้ ได้เห็นกับตนเองเจ้าค่ะ

บ่าย ๆ หัวหน้านัดประชุม ใจรู้สึกกังวลอยู่บ้างเรื่องเกรงว่าจะเข้าวัดดึก แต่ก็เป็นงานและหน้าที่ ๆต้องรับโดยตรง

ก่อนประชุมได้มานั่งคุยกับพี่ เหมือนนั่งถอดบทเรียนเรื่องตนเองกับพี่มากกว่าเจ้าค่ะ

กับความเปลี่ยนแปลงและความเปลี่ยนไปของใจที่อยากได้อยากดี ในเรื่องงาน โดยเฉพาะเรื่องความดีความชอบและขอตำแหน่ง

เอาเข้าจริง ๆมาตอนนี้ การของตำแหน่งแทบจะเป็น ยาขม เจ้าค่ะ

พอได้เวลาประชุม ก็เหมือนได้รับฟังแนวทางการแก้ปัญหา และการตั้งรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทั้งในศูนย์และในฝ่าย

เอาเข้าจริง ๆ หนูก็จะอยู่ทำงานถึงเดือนมิถุนายน บ่นกับตนเองว่า “ไม่อยากไปแล้ว”

แต่ก็ได้แค่บ่นเจ้าค่ะ

สอบถามงานที่ยังค้าง ทราบว่าเดี๋ยวพี่ ๆจะเรียกประชุม 21-22 พ.ค. ติดตามความก้าวหน้า ทบทวนและก็ให้งานมาทำกันต่อ เห็นแนวทางกับตนเองก็พอได้เจ้าค่ะ การที่หนูไม่อยู่และไม่ตามมีเอกสารหลายอย่างตกหล่น เพราะความไม่ค่อยเรียบร้อยของหนูเอง

เลิกประชุมก็เลิกงานพอดี หนูเก็บของออกจากสำนักงาน

ตรงดิ่งมาวัดเจ้าค่ะ ไม่ว่ายังก็ก็ต้องมา และมาให้ดีที่สุด

ได้เข้าไปกราบครู

ครูเอ่ยว่า “วันไหนมันอยากกราบมันก็กราบ วันไหนมันอยากไหว้มันก็ไหว้ เหมือนคนบ้า”

หนูทบทวนกับตนเอง หนูกำลังทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมอยู่รึเปล่านะ

การที่ท่านทักท้วงแสดงว่า มีอะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุง

ความตั้งใจตั้งแต่ถูกทักครั้งก่อน ระลึกว่า กราบครูตอนมาเจอที่วัด และตอนลากลับ

หรือว่า ควรจะไหว้ อีกเสียงถามขึ้นมากับตนเองเจ้าค่ะ

การได้เห็นแม่ชีน้อยโกนผม รู้สึกอนุโมทนาสาธุ ช่างมีบุญจริง ๆ

แจ่มใสเบิกบานอิ่มสุข

หลังทำวัตรเย็น ฝนพร่ำ

แม่ครูพาแม่ชีน้อยนอนที่ศาลา 4

หนูแยกกลับเข้ามาข้างใน

เหลียวมองออกไปดูแสงเทียน นึกถึงคำพูดหลวงปู่

ชีวิตเราก็เหมือนเทียน ที่จุดไปเรื่อย ๆ มันก็สั้นลง ๆ

นึกขึ้นได้ก็เหมือนรำพันกับตนเองเจ้าค่ะ

ความแก่ความชรามาเร็ว

โกนผมวันสองวันขึ้นมาอีกละ รวดเร็วมากเจ้าค่ะ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นความรวดเร็วของการเจริญเติบโต

หรืออีกนัยหนึ่งคือ การคุกคามของความแก่ชรา รวมถึงความตาย

ก็ยังไม่แน่ว่าหนูจะมีวาสนาได้อยู่เรียนรู้ ในสภาพนี้ได้แค่ไหน

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาถึงและได้มา ณ ทุกวันนี้

เหตุเพราะได้พบเจอบัณฑิต คือ ได้รู้จักครู

ได้เรียนรู้จากครู ได้รับความเมตตาเคี่ยวเข็ญให้ฝึก ให้ปฏิบัติ ก็ได้เห็นผลตามกำลัง

กุศลใดที่บังเกิดขอน้อมถวายเป็นเครื่องบูชาครูเจ้าค่ะ

หากสิ่งใดพลาดพลั้งไม่เหมาะไม่ควร ศิษย์ก็ขออโหสิกรรม

ด้วยความไม่รู้และจะเพียรพยายามกับตนเองต่อไปเจ้าค่ะ


หมายเลขบันทึก: 534009เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2013 23:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2013 23:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท