คำแถลงการณ์ของเด็กหญิงน้อยต่อศาลโลก กรณีเขาพระวิหาร



 สองวันผ่านไป ฝุ่นควันจากคดีพระวิหารที่ศาลโลกคงจะจางลงบ้างแล้ว  ผมควรจะต้องพูดในสิ่งที่ควรพูดที่ครุ่นคิดมานาน  ว่าพูดแล้วได้ประโยชน์อะไรบ้างไหม ..เอ้าเป็นไงเป็นกันฟะ .... อะแมน’ve กอททูดู วอท อะแมน’ve got to do

คติประจำตัวของผมคือ ไม่ซ้าย ไม่ขวา และไม่กลางด้วย

 คนไทยส่วนใหญ่ คะเนว่าร้อยละ ๘๙ เป็นอย่างน้อย (ขาดไปตั้ง ๑๐ ปซ. แน่ะ) ชื่นชมกับคณะทนายไทย โดยเฉพาะท่านหัวหน้าคณะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นส. มิรอง ที่นำเสนอข้อมูลว่าอาจมีการปลอมแปลงแผนที่ของฝ่ายเขมร 

 แต่สำหรับผม ทนายต่างชาติเหล่านี้ก็เป็นเพียงทนายรับจ้าง ทำหน้าที่รับจ้างเนื่องจากค่าจ้างงามมาก ไม่ว่าใครจ้างด้วยราคางาม เขาก็รับทำหน้าทีทั้งสิ้น หาใช่ว่าเขารักชาติที่จ้างเขาแต่อย่างใด 

  

ผมไปค้นดูประวัติทนายเหล่านี้ บางคน ปีหนึ่งว่าความให้ประเทศ A ที่ฟ้องประเทศ B แต่อีกสองปีต่อมากลับว่าความให้ประเทศ B ที่ฟ้องประเทศ A เฉยเลย ..... ดังนั้นอย่าประหลาดใจอะไร ถ้าหนึ่งในทีมทนายฝรั่งของเราสักวันหนึ่งจะไปว่าความให้เขมร 

 ทนายเหล่านี้ ยกเว้น นส.มิรอง ล้วนเป็น ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ แต่กลายเป็นมือปืนรับจ้างว่าความคดีโลกเป็นว่าเล่น แบบว่ารับงานทุกๆ สองปี ก็ว่าได้ แล้วแต่ละงาน งานใหญ่ ๆ ต้องอ่านศึกษาข้อมูลเป็นพันๆ หน้า (แต่เงินมหาศาลก็คุ้มนะ) แล้วถามว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปสอนหนังสือให้สมกับความเป็น ศ.   

  ...หรือว่า ทำงานสอนพอผ่าน ๆ  เพื่อให้ได้เป็น ศ. อยู่ต่อไป แล้วเอาความเป็น ศ. กฎหมาย มาหากินบนเวทีโลก  เพราะใครๆ  ก็อยากจ้างว่าความให้ เนื่องจาก ดูน่าเชื่อถือ  ก็โห เป็นถึง ศ. ดร. กฎหมาย จากม.ดังๆ  

  

ผมอยากให้เผยข้อมูลด้วยว่า ทีมทนาย ศ.ดร.ฝรั่ง ของเรานั้น ถูกว่าจ้างด้วยเงินภาษีของเราเท่าไหร่ (รู้แล้วจะตก ใจ ผมเอาว่าไม่น่าต่ำกว่า ๒๐๐ ล้านบาท) และมีโบนัสอะไรบ้างไหม เช่น ถ้าชนะคดีจะมีโบนัสพิเศษ 

..... เป็นผมนะ  ผมจะให้ค่าจ้างน้อยๆ พออยู่ได้ พอมีเงินไปจ้างลูกน้องมาช่วยงาน (เช่น ๒๐ ล้านบาท แทนที่จะเป็น ๒๐๐ ) แต่ผมจะกำหนดว่า ถ้าว่าความจนชนะคดี เอาโบนัสไปเลย สองจุดสองล้านๆ บาท (ถ้าไม่มีจะเอาข้าวที่รับจำนำเอาไปประกันเพื่อกู้เงินมาให้) แต่ถ้าแพ้ก็บ๋ายบายนะ ก็ยกข้าวที่รับจำนำไว้ให้เป็นรางวัลปลอบใจไปก็แล้วกัน อิอิ

  

สำหรับท่านหัวหน้าคณะ วีรชัย (ชื่อเป็นมงคลดีนะครับ) ผมว่า ก็งั้นๆ นะ ถ้าผมให้เกรด อาจ C+ (ผ่านเล็กน้อย) ซึ่งผมได้วิจารณ์ท่านไว้พอควรแล้วในบทความก่อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ท่านไม่จิกเรื่องประเทศไทยเป็นเหยื่อของระบบอาณานิคม ฝรั่งเศส และเรื่องกฎหมายปิดปากที่ศาลโลกเอามาใช้กับเราอย่างไม่เป็นธรรม (เอาวัฒนธรรมฝรั่งมาครอบเราทั้งที่เราไม่มีวัฒนธรรมนี้ ..ก็ผลพวงของอาณานิคมอีกนั่นแหละ) 

อีกทั้งท่านอ่านตามสคริปต์ที่ไม่รู้ว่าท่านเขียนเองหรือทีมงานเขียนให้ (ผมเดาว่าทีมงานเขียนให้ โดยท่านอาจโมเล็กน้อย) ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ผมเอาเด็กหญิงเก่งอังกฤษจาก อ. กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ ไปอ่านยังจะดีกว่า โดยก่อนอ่าน มีการแนะนำตัวโดยโฆษกว่า ..

ผู้ที่จะอ่านคำแถลงการณ์ปิดท้ายของฝ่ายไทย คือ เด็กหญิง รักไทย ลูกหลานพระวิหาร ผู้ซึ่งบรรพชนของเธอได้สร้างปราสาทพระวิหาร ดังที่เห็นได้ว่าบันไดปราสาทก็หันไปยังทิศทางบ้านของเธอในวันนี้ 

 (เอ้า...อีหนู อ่าน ..อ่านไปทำหน้าร้องไห้ไปด้วยก็ดี แสดงละครบนเวทีโลกให้เนียน...พออ่านจบ เสี้ยมอีหนูน้อยหน่อยว่า) 

 ...คุณปู่ตุลาการศาลโลกเจ้าขา วันนี้หลานน้อยจากตายแลนด์แดนสยาม มาอ้างสิทธิในการรับมรดกโลก คืนกลับมาเป็นของปู่ยาตาทวดของหนูผู้สร้างปราสาทพระวิหารตัวจริง หาใช่พวกเขมรแอบอ้างในวันนี้ไม่ หนูกราบแทบเท้าขอคุณปู่ท่านได้โปรดล้างบาปที่ได้ตัดสินคดีเมื่อพศ. ๒๕๐๕ ด้วยนะคะ เพราะท่านตัดสินผิด ที่ไปยกปราสาทให้แก่เขมรผู้มิได้สร้างปราสาท แต่มาชุบมือเปิบตามคำบงการจากเจ้าอาณานิคมเก่า ซึ่งหนูถือว่เป็นการลบหลู่ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษของหนูด้วย ...รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ ท่านปู่ศาลโลกทั้งหลาย .. จุ๊บๆ 

...คนถางทาง (๒๒ เมษายน ๒๕๕๖)


หมายเลขบันทึก: 533614เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2013 19:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน 2013 19:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท