ในหนังสือ "How to think like Leonardo Davinci" ที่ว่าด้วย Dimostrazione หลักปฏิบัติ ข้อที่ 2 ของ Leonardo Davinci นั้น ได้กล่าวถึงการใช้หลัก Dimostrazione สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง และคุณครู โดยเขาได้ตั้งคำถามให้คิดว่า
- คุณจะเลี้ยงดูลูก หรือสอนศิษย์ให้เป็นคนที่รู้จักคิดด้วยตัวเขาเอง ให้เขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาด และความพยายามในการเผชิญกับความยากลำบากได้อย่างไร ?
- สิ่งสำคัญหนึ่งในการอบรมเลี้ยงดูลูกหรือสอนศิษย์ของคุณ คือ การเสริมสร้างความไว้วางใจในตนเองและความสามารถของตน
- คุณสามารถเสริมสร้างให้ลูกหรือศิษย์ของคุณมีความเชื่อมั่นโดยแนะนำให้เขาประสบความสำเร็จในการเรียนรู้
- แบ่งงานหนักๆ ยากๆ ให้ออกเป็นงานเล็กๆ ง่ายๆ เพื่อให้ลูกหรือศิษย์ได้พบกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ หลายๆ ครั้ง (เป็น series) ดีกว่าที่จะให้เขาประสบความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่เพียงครั้งเดียว
- ไม่มีอะไรที่จะสร้างความเชื่อมั่นในตนเองของลูกหรือศิษย์ได้ดีเท่ากับการให้ความรักโดยไม่มีเงื่อนไข
- ให้ลูกหรือศิษย์ของคุณได้รู้ว่า “คุณรักเขาในสิ่งที่เขาเป็นอยู่มากกว่าที่เขากระทำ”
- เพิ่มเติมความรักที่ไม่มีเงื่อนไขพร้อมกับสนับสนุนเขาอย่างกระตือรือร้น
- ปลอบประโลมลูกหรือศิษย์ของคุณด้วยวลี เช่น “ลูก/นักเรียนสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ลูกตั้งใจไว้ได้” “พ่อแม่/ครูเชื่อมั่นในตัวลูก/นักเรียน” และ “พ่อแม่/ครูรู้ว่า ลูกสามารถทำมันได้”
- นำความผิดพลาดมาเป็นโอกาสในการเรียนรู้ เมื่อลูกหรือศิษย์ของคุณทำอะไรล้มเหลว
- ให้ feedback กับลูกหรือศิษย์ของคุณด้วยความนุ่มนวล ตามความเป็นจริง และให้กำลังใจหรือสนับสนุนเขาอย่างกระตือรือร้น
- ปัญหาอย่างหนึ่งในการศึกษาเกี่ยวกับ “การยอมรับนับถือตัวเอง” (self-esteem) คือ มันทำให้เกิดความสับสนระหว่างความรักแบบไม่มีเงื่อนไขกับการให้ feedback กับลูกหรือศิษย์ของคุณด้วยความไม่ตรงกับความเป็นจริง
- ให้บอกลูกหรือศิษย์ของคุณถึงการกระทำที่เป็นผลดีหรือถูกต้อง ถ้ามันไม่ทำให้การยอมรับนับถือตัวเองของลูกหรือศิษย์ลดน้อยลงหรือด้อยค่าลงไป
- การให้ feedback กับลูกหรือศิษย์ของคุณตามความเป็นจริง จะทำให้ลูกหรือศิษย์ของคุณอยู่ในสภาพความเป็นจริงและสื่อสารให้เห็นถึงการเอาใจใส่ของคุณที่มีต่อความสามารถในการเรียนรู้ของเขา
พ่อแม่ผู้ปกครองและคุณครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้นะคะ
เล่านิทานกันดีกว่า อย่าปล่อยให้ลูกติดทีวี
สวัสดีครับ กระท่อมน้อยชวนคุย พอดีได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เห็นว่าน่าสนใจสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังหนักอกหนักใจกับลูกที่ติดทีวีหรือไม่มีเวลาให้กับลูก ชื่อเรื่อง “10 เรื่อง เลี้ยงลูกยอดฮิตพิชิตได้”ของโครงการพัฒนาคลินิคสุขภาพเด็กดี หน่วย PCU กทม. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพ พัฒนาการ และพฤติกรรมของเด็กวัย 0-5 ปี จึงขออนุญาตินำเรื่อดีๆมาลงให้อ่านสักหนึ่งเรื่อง คือ“เล่านิทานกันดีกว่า อย่าปล่อยให้ลูกติดทีวี” โดย พ.ญ.สุดา เย็นบำรุง
เด็กเล็ก...
- สมองกำลังเจริญเติบโตอย่างมากที่สุด
- กำลังเรียนรู้ภาษ..กำลังจำ...กำลังหัดพูด..
- กำลังอยากรูอยากเห็น
- เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบมาก
เด็กเล็กต้องการอะไร...
- ความรัก ความผูกพัน เวลาใกล้ชิดเอาใจใส่กับพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู
- ต้องการคนเป็นแม่แบบพูดคุย ถ่ายทอดภาษาแนวคิด กระตุ้นจินตนาการผ่านการเล่นด้วยกัน เล่านิทาน อ่านหนังสือให้ฟัง
- ต้องการเวลาเล่นเคลื่อนไหวออกกำลังกาย
เล่านิทานดีกว่า.....
ถ่ายทอดภาษาแนวคิด จริยธรรม การเรียนรู้ ส่งเสริมจินตนาการ สร้างความรักความผูกพัน ปูพื้นฐานการเรียนรู้... นิทานหนึ่งเล่มทำได้ตั้งหลายอย่างเชียวนะ...เล่านิทาน…
- ที่ไหนก็ได้...บนตักก็ดี
- เมื่อไหร่ก็ได้...เท่าไหร่ก็ได้...ดูภาพคุยกันก็ได้...ชีวิตวัยเด็กของพ่อก็ได้...เล่าเรื่องหมาที่บ้านก็ได้... อย่างสนุกสนาน...รู้จัก...รู้ใจ...ไปตามวัย...ไปตามลูก
โลกยุคใหม่....ทีวี คอมพิวเตอร์ เต็มไปหมด
ทีวีมีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวคิดและพฤติกรรมเด็ก ทีวีแย่งเวลา ความสนใจที่เด็กจะ...- สร้างความผูกพันกับครอบครัวและเพื่อน
- เรียนรู้ภาษา อ่านหนังสือ
- ออกกำลังกาย
ทีวี...มีความรุนแรง ยิงกัน ฆ่ากัน โฆษณาขายของ ขายอาหาร ขนมมาก...ลูกเป็นโรคอ้วน...ลูกก้าวร้าวได้ทำอย่างไรดี... เวลาอยู่กับลูกก็มีน้อย...ฉลาดดู...รู้ทัน...
- จำกัดเวลาในการดูทีวี เด็กอายุน้อยกว่าสองขวบพึงหลีกเลี่ยงทีวี เด็กอายุมากกว่าสองขวบไม่ควรดูทีวีเกินกว่าสองชั่วโมง/วัน
- คัดกรอง เลือกรายการที่ลูกจะดู รายการดีๆ ก็มี
- ดูทีวีกับลูก ใช้รายการทีวีเป็นตัวนำคุย...เรียนรู้ด้วยกัน...
พยายามให้ทีวีอยู่บริเวณที่พ่อแม่ติดตามได้ หลีกเลี่ยงทีวีในห้องนอนลูก ปิดทีวีกันบ้าง พ่อแม่เล่นกับลูกกันดีกว่า
ครอบครัว พ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู...ดีที่สุดเสมอ... สำหรับลูกอย่าฝึกให้ลูกติดทีวีตั้งแต่เด็ก ดูทีวี...ไม่เพิ่มสมาธิ
อ่านนิทานให้ลูกฟังวันละห้านาที ลูกสมองดีตลอดชีวิต เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย...ยิ่งเล็ก ยิ่งดี
สวัสดีค่ะได้อ่านบทความนี้ก็ขอร่วมแสงความคิดเห็นด้วย
ปัญหาเด็กในปัจจุบันไม่เพียงสื่อทางทีวี เกมทคอมฯเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มอมเมาเด็กมาก ผู้เขียนมีลูกศิษย์ที่เกมมาก ทั้งที่เป็นเด็กฉลาดก่อผต่อเด็ก...
* ผลการเรียนไม่ดี
* ก้าวร้าว
* ลักขโมย (พ่อแม่ยากจนไม่มีเงินเพียงพอกับต้องการของเด็ก)
ฯลฯ