สืบเนื่องจากการไปนั่งดูภาพยนตร์ไทยเรื่อง พี่มาก..พระโขนง ดูไปแล้วบทภาพยนตร์คล้ายเรื่อง ห้าแพร่ง ตอน คนกลาง คือ สรุปไม่ได้ว่า ใครตายบ้าง เรื่องนี้ ผู้กำกับคนเดิมจากห้าแพร่งก็นำมาใส่ในบท ทำให้หนังสนุก แต่นึกถึงห้าแพร่ง เพราะดูแล้ว คงเป็นทางที่เขาถนัด แต่จุดที่ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจและพยายามจะทำแบบหนังเร้นลับแบบญี่ปุ่นก็คงเป็นโคนัน ถ้าแบบฮอลลีวูดก็คงเป็นแนวลึกลับแบบมาเฉลยตอนกลางหรือตอนท้ายเรื่อง เรื่องนี้ก็เช่นกัน ทำได้เนียนและสนุกดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเฉลยตอนที่เอกไปขโมยแหวนทับทิมหรือฉากที่มากไปหาศพนากและดึงมากอดเนื้อตัวมอมแมม
ส่วนมุขตลกนั้น ผมว่า ขั้นเทพ เป็นมุขปัญญาชน สนุกแต่แฝงแนวคิดและเชื่อยมโยงเรื่องราวได้สนิทแนบนั้น ไม่ใช่การปล่อยมุขตลกอย่างไร้แก่นสาร
- มุขปลุกใจที่ค่ายทหาร : เป็นมุขเล่าเรื่องที่มีความขัดแย้งในตนเอง สนุกสนาน และส่งผลให้ 4
เกลอกะพี่มากออกไปรบจนโดนไล่ยิงเกือบตาย ดังประโยคที่เผือกพูดว่า "ลืมไป...พวกมันมีปืน..."
เป็นการทิ้งประเด็นเอาไว้ให้คิดว่าบางที "มากอาจจะตายในสมรภูมิรบนั้นไปแล้ว" ก็เป็นได้
-
มุขเต๋อมองลอดหว่างขานาก : เป็นการ "กั๊ก" มุข และเป็นมุขบริสุทธิ์ของผู้ไม่รู้ แต่อยากสัมผัสวิญญาณ อีกนัยยะหนึ่ง เพื่อปิดปังไม่ให้เราได้เห็นว่า นากเป็นผี
เพื่อทิ้งปมสงสัย มีจุดหักเหหลอกๆว่า บางทีนากอาจจะยังไม่ตาย
และศพที่หลังบ้านเป็นศพคนอื่น
-
มุขเดจาวูของชิน : เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกว่า นี่คือ ภาพยนตร์ผีอย่างแท้จริง และหักมุมง่ายๆที่คาดไม่ถึงคือ การฝันและโยงไปสู่เดจาวู หรือการเห็นอนาคตที่ตนเองเคยทำมาแล้ว หากแต่ภาพยนตร์กำลังบอกถึงความสงสัยของเพื่อนๆว่า แท้จริงแล้วนากนั้นตายไปแล้ว และเป็นฉากแรกที่ทำให้เราเห็นว่า บ้านของนากนั้นบ้านรกร้าง รวมถึงฉากเก็บมะนาวที่มิใช่ภาพลักษณ์เดิมๆที่เราเคยดู เคยเห็นมาผนวกเข้าไปได้อย่างแนบเนียน
-
มุขเต๋อโดนผึ้งต่อย : เป็นมุขของการนำเอาทฤษฎีการสื่อสารของแชรมที่ชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของการสื่อสารอันเกิดจากสิ่งรบกวน ส่งผลให้การสื่อสารไม่เป็นผล นับเป็นมุขที่สร้างความสนุก แต่แฝงไปด้วยการรักเพื่อนและความต้องการบอกความจริงให้มากได้รู้ เพียงแต่ไม่สามารถสื่อสารได้รู้เรื่อง รวมถึงมุข "นากเป็นฝี" ด้วย
-
มุขกินข้าว : มุขนี้เป็นการสร้างอารมณ์สนุกให้ผู้ชมได้ลุ้นว่า ใครจะกินหนอน และแน่นอนว่า ชิน หนุ่มผมจุกที่กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ เป็นผู้ได้รับประทาน ความสนุกอยู่ที่การเกี่ยวกันของเพื่อน แต่เป็นฉากที่โยงไปท้ายเรื่อง เพื่อขยายความถึงความรักของมากที่มีต่อนาก เนียนจริงๆ
-
มุขใบ้คำ : นำเอามุขง่าย และความไร้เดียงสาของชินมาสร้างบรรยากาศ และเป็นฉากที่เพื่อนๆเฉลยว่า นากนั้นเป็นผีเท่านั้นเอง
- มุขพายเรือวนไปมา: ผมว่า เขาเล่นมุขง่ายๆแต่สนุก เพราะมุขที่คนตกใจกลัวแล้วไร้สตินี่ ยังไงก็สนุก เหมือนตำรวจจับวงการพนัน แต่ฉากนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ นากน่ากลัว เพราะสื่อความหมายว่า จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น
-
มุขพี่มากพากย์เสียงซ้อน :
เป็นมุขหักมุมที่ทำให้เราสงสัย และหัวเราะได้เมื่อเฉลย พร้อมกับสื่อความหมายว่า แม่นากอาจจะถูกใส่ร้ายก็เป็นได้
-
มุขบ้านผีสิง : ช่วงนี้จะเป็นการ "หลอก"
คนดูที่ชอบจับผิดจุดหักมุมเต็มๆเลยครับ
เพราะในบ้านผีสิงนี้แม่นาคไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อะไรเลย(ตอนห้อยหัวก็เป็นลุง
ในบ้านผีสิง ตอนมือยาวก็เป็นแค่มือปลอม)
ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่ได้สังเกตและมัวแต่ขำ 4 เกลอ
แต่นักจับผิดหนังจะเริ่มคิดแล้วว่า "ตั้งแต่เริ่มเรื่องมา
ยังไม่มีฉากที่ยืนยันว่านากเป็นผีเลยสักครั้งเดียว"
-
มุข "ตัวเงินตัวทอง" กับ "นาค" : ไม่มีผลอะไร แต่สนุกแบบวัยรุ่นกวนอารมณ์ ง่ายๆไม่ต้องมาก
- และมุขสุดท้ายที่ผมพยายามนั่งดู คือ แล้วตกลงไอ้แดงนี่ยังจำเป็นอยู่มั้ย? มุขง่ายๆที่จะต้องโยนสิ่งของทิ้ง แต่แฝงไปด้วยคำถามให้คิดว่า แดง ทำอะไร แดงเป็นอย่างไรประวัติศาสตร์ ไม่มีการกล่าวถึงในภาพยนตร์ใดๆๆ ดังนั้น เป็นมุขตลกที่โปรยมาเพื่อให้คิดลึกซึ้งว่า มุมคิดของผู้นำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ คงอยากนำเสนอในมุมมองใหม่ของผีแม่นากให้มากกว่า แม่นากพระโขนง
มันก็เป็นด้วยประการละฉะนี้แล