ค่านิยมของ “ความประมาท...”



ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนคนส่วนใหญ่ที่ได้ไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด เทศกาลก็มีวันหยุดหลายวัน ส่วนใหญ่ก็พากันกลับบ้านไปหาพ่อหาแม่  หาญาติพี่น้อง ไปทำบุญ ตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้กับญาติ ๆ และได้สรงน้ำพระพุทธปฏิมา  สรงน้ำพระเจ้าพระสงฆ์ และรดน้ำดำหัวพ่อแม่ ผู้หลักผู้ใหญ่

ส่วนใหญ่เวลาเทศกาลปีใหม่ เทศกาลมหาสงกรานต์ ประชาชนจะได้พากันกลับบ้าน เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เทศกาลหนึ่ง ๆ จะมีอุบัติเหตุ คนตายกันตั้งหลายร้อยคน ที่พิกลพิการ  ก็ตั้งหลายร้อยคน

อุบัติเหตุที่เกิดได้ก็เพราะความประมาท เราไม่ประมาทคนอื่นเค้าก็ประมาท

ความประมาทนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ทุก ๆ คนเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่ว่าความประมาทในความคิด ไม่ว่าความประมาทในคำพูด ไม่ว่าความประมาทในการทำการทำงาน

ปกติทุกคนส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่ในความประมาทพอสมควรอยู่แล้ว ยังเพิ่มความประมาทยิ่ง ๆ ขึ้นไป เช่น พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้คนดื่มเหล้าดื่มเบียร์ ส่วนราชการก็ห้ามไม่ให้ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ เพราะทุกวันนี้น่ะโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมันมีมากก็เพราะเราใช้ยานพาหนะกัน  ใช้รถยนต์ ใช้รถจักรยานยนต์ เค้าออกกฎหมายเพื่อจะให้เราได้ป้องกันตนเอง ส่วนใหญ่  ก็ไม่ค่อยจะพากันปฏิบัติตามกฎหมาย หมวกกันน็อคที่เค้าให้ใส่ก็ไม่พากันใส่ ส่วนใหญ่  ก็มอเตอร์ไซด์นี้อุบัติเยอะเพราะมันสะดวกสบาย มันคล่องตัวและประหยัด


ช่วงสงกรานต์นี้ก็ให้ดีที่สุดก็คือไปอยู่วัด ไปถือศีล ไปประพฤติปฏิบัติธรรมนั่นแหละดีที่สุด ปลอดภัยดี

เรามามอง ๆ ดูภาพรวมของประชาชนว่าทำไมเราไม่ทำมาหากินอยู่ที่บ้าน  ในท้องถิ่น ทำไมถึงพากันในอยู่ในย่าน อยู่ในนิคม อยู่ในเมืองหลวง...?

นี้มันเป็นค่านิยมของคนชนบท เป็นค่านิยมของคนต่างจังหวัด ที่พากันทำตาม ๆ กัน คนหนึ่งไปแล้วกลับบ้านก็มีคุยกับเพื่อนกับฝูง คุยกับญาติว่าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้  สนุกอย่างโน้นอย่างนี้ ไปอยู่ไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมหรือโรงงานดู ๆ แล้วมันก็ไม่สะดวก บ้านเช่า ถ้าจะเช่าที่อยู่ดี ๆ เงินเดือนเรามันก็ไม่พอ ถ้าจะอยู่ดีกินดีอย่างนี้เงินเดือน  มันก็ไม่พอนะ

โอวาทของในหลวงท่านเมตตาให้เป็นผู้มีเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ให้เอาตัวเอง  ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่ให้พากันหลงวัตถุ ให้เลี้ยงดูพ่อแม่ ให้พัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด  

คนเราถ้ามันขยันมันรับผิดชอบ เหมือนกับไปเป็นลูกน้องเค้า ไปเป็นลูกจ้างเค้า  ถึงเวลาเช้าก็ตื่น ถึงเวลากลางวันก็ทำงาน ถ้าเราทำงานอย่างนี้ เราพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด พัฒนาอาชีพ ถึงอาจจะไม่รวยเป็นมหาเศรษฐีแต่เราคงจะมีความสุขมีความอบอุ่นที่ได้อยู่  กับพ่อกับแม่ ที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่

บ้านของเรา ถิ่นฐานบ้านเกิดของเรา มันแห้งแล้ง มันยากจน ถ้าเราปลูกต้นไม้ไม่กี่ปีมันก็ร่มรื่นแล้ว ที่อยู่ที่อาศัยเราน่ะ ถ้าเราปรับปรุงให้ดีมันก็ดีขึ้นแล้ว ถ้าเราคิดอย่างนี้เราจะมีความสุขมีความอบอุ่นมากขึ้นนะ ดีกว่าระเหเร่ร่อน ชีวิตถือว่ายังไม่ค่อยมีหลักมีเกณฑ์

ถ้าเราจะคิดให้ดี คนเราต้องพัฒนากายวาจาใจตัวเอง แล้วพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด  มันถึงจะถูกต้อง

สมัยโบราณน่ะ ไม่มียานพาหนะ ไม่มีน้ำประปาไฟฟ้า คนโบราณเค้าก็มีความสุข  ยิ่งมีประปาไฟฟ้ามีอะไรต่าง ๆ คนเราก็ยิ่งมีความทุกข์ เพราะว่าทะเยอทะยานตามวัตถุ  ต้องดิ้นรนหาเงินหาสตางค์เพื่อมาเป็นค่าใช้จ่าย ถ้าเราไม่ประหยัดจริง ๆ ไม่วางแผนในการใช้เงินจริง ๆ ทุก ๆ คนทุกครัวเรือนคงจะเป็นหนี้เป็นสินเค้าหมด

โรคภัยไข้เจ็บก็มีกันขึ้นเยอะเพราะความอยากมันบังคับจิตใจของเรา จิตใจของเรา  มันเครียด จิตใจของเรามันเป็นทุกข์ เป็นโรคสารพัดโรค โรคปวดหัวปวดท้อง โรคกระเพาะ โรคประสาท โรคจิต โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ เป็นโรคมะเร็ง สารพัดโรค เพราะว่าเรา  พากันวิ่งตามความอยากกัน เป็นผู้ไม่มีจิตใจสงบ เป็นผู้ที่ไม่มีเศรษฐกิจพอเพียง  ไม่แก้ไขกายวาจาใจของเรา ไม่พัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด

เราดูคนประเทศที่เค้าเจริญ ประเทศที่เค้ารวย เค้าก็พากันเป็นโรคประสาทมากกว่าเราอีก เพราะโรคต่าง ๆ มันเกิดเพราะเรามีความโลภ ความโกรธ ความหลงกัน จนหมอเฉพาะทางอะไรต่าง ๆ นี้พัฒนาเท่าไหร่ก็ไม่พอ กุลบุตรลูกหลานที่ส่งไปเรียนหมอก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ สาเหตุมันเกิดมาจากที่จิตใจของคนเราไม่สงบ


พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าความสุขของคนเราทุกมันอยู่ที่ใจรู้สงบ ใจรู้จักพอนะ...

ด้วยเหตุนี้ด้วยปัจจัยนี้ ท่านถึงให้เราพากันสร้างความดีสร้างบารมี เข้าถึงพระรัตนตรัย เข้าถึงธรรมะ พากันมารักษาศีล ๕ พากันมารักษาศีล ๘ พากันมาประพฤติปฏิบัติธรรมกัน  ไม่ตามใจตัวเอง ไม่ตามกิเลสตัวเอง

ใจเราทุกคนมันก็จะออกไปข้างนอกทั้งนั้น พระพุทธเจ้าบอกดีสอนดีปฏิบัติตามแล้วก็ได้ดีทุก ๆ คนน่ะ มันก็จะไม่เอา มันจะไม่เชื่อ มันพากันไปดูดดื่มในความสุขความสะดวก  ความสบาย ทางไปนรกทางไปสู่ทุกขคติมันเตียนโล่งเลยนะ ทางไปพระนิพพานคนที่จักษุบอดมันก็มองไม่เห็น ถึงจะมองไม่เห็นก็ให้เราพากันตั้งมั่นในบุญกุศลในพระรัตนตรัยไว้ก่อน

ใจเรามันคึกใจของเรามันคะนองมันเห่อเหิม ก็หยุดใจตัวเองไว้ก่อน  สงบใจตัวเองไว้ก่อน  มันอึดอัดมันไม่ตามใจก็ช่างหัวมัน แล้วอีกหลายวันใจของเรามันจะสงบมันจะเย็นเองนะ 

เราก็รักษาศีลของเราให้ละเอียดขึ้น เคร่งขึ้น เราทำข้อวัตรปฏิบัติให้มันเกิดบุญ  เกิดกุศล มันจะได้เสียสละมันจะได้สร้างความดีสร้างบารมี ดูถนนรอบศาลาเรามันก็กว้างขึ้น มันก็มีที่กวาดมากขึ้น เราก็เอาการเอางานเหล่านี้ส่วนหนึ่งเพื่อให้มันได้เกิดบุญเกิดกุศล เพื่อให้มันได้เสียสละ

มาอยู่วัดก็ให้ฝึกสมาธิ มาฝึกใจปล่อยใจวาง เรื่องดีเรื่องชั่ว เรื่องได้เรื่องเสีย เรื่องอะไรสารพัดเรื่อง พระพุทธเจ้าท่านให้เรามาฝึกปล่อยฝึกวาง วางจนมันเกิดความสงบ  จนมันเข้าสมาธิได้ นี้เรามันเป็นแต่ผู้เอานะ นั่งสมาธิก็จะเอาแล้ว เอาสมาธิ จะเอาความสงบ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราปล่อยเราวาง ผู้ที่วางได้ดีที่สุดจนเข้านิโรธสมาบัติได้คือผู้ที่  ปล่อยวางที่แท้จริง เราปล่อยวางได้ห้านาทีเราก็ได้ทั้งความสุขความดับทุกข์ ได้ทั้งความดีบารมีก็ต้องฝึกปล่อยฝึกวางฝึกเสียสละ อะไรก็ต้องปล่อยวาง ปล่อยวางนี้คือปล่อยวาง  ทางจิตใจนะ กิจวัตรข้อวัตรพวกนี้เป็นการสร้างบารมี เป็นการเจริญสติ เป็นการละ  ความขี้เกียจขี้คร้านเราต้องประพฤติปฏิบัติ เรามาปล่อยวางนี้หมายถึงเราปล่อยวางจิตใจ  ของเราเพราะใจของเรานี้มันมีตัวมีตน ฝึกไปปฏิบัติไป ใครจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ช่างหัวเขา ใครจะโง่ก็โง่ไป ใครจะฉลาดก็ให้เค้าฉลาดไป

การประพฤติปฏิบัติมันเป็นเรื่องเฉพาะตนนะ ไม่มีใครประพฤติปฏิบัติแทนกันได้

คนเรามันนิสัยเก่านิสัยเคยตัว นิสัยเห็นแก่ตัวน่ะ มันเคยเป็นคนอย่างไรก็ปฏิบัติ  อย่างนั้น ไม่ได้...!

พระพุทธเจ้าท่านให้เราปรับปรุงแก้ไขประพฤติปฏิบัติ

เราจะไปว่าคนโน้นเค้าไม่ปฏิบัติ คนนี้เค้าไม่ปฏิบัติ เราจะไปคิดอย่างนั้นไม่ได้  คนในโลกนี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละ เห็นแก่ตัว มันหลงในความสุข ติดขี้เกียจขี้คร้าน  คนสายพันธุ์นี้มันมีมาก สายพันธุ์ขี้เกียจนี้ สายพันธุ์ที่บริโภคปัจจัย ๔ แล้วไม่ตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ

เราคิดให้มันเป็นให้มันฉลาด เมื่อเค้าโง่แล้วเราก็อย่าไปโง่เหมือนเค้านะ...


พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย

เช้าวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๖


หมายเลขบันทึก: 532713เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2013 15:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน 2013 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีปีใหม่ครับ

                   ขอบคุณที่นำสาระมาแบ่งปัน    เห็นความสำคัญของความประมาท

                    แล้วให้หันเข้าหาความสงบ

ขอบพระคุณครับ อาจารย์ ;)...

ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับ...เห็นด้วยเกิดการเรียนรู้ และอยากให้ทุกๆ คนได้มาอ่านด้วยครับ

สวัสดีปีใหม่ไทยครับอาจารย์...

ขอบคุณที่เตือนสติครับ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท