ผมปิ๊งแว้บเรื่องในบันทึกนี้ จากการอ่านและตีความหนังสือ Teaching Kids to Be Good People : Progressive Parenting for the 21st Century เขียนโดย Annie Fox, M.Ed. บทที่ ๔ How About Letting It Go Already? Releasing Shame, Regret and Contemp ที่เป็นเรื่องการฝึกลูก/ศิษย์ ให้รู้จักให้อภัย ทั้งให้อภัยตนเอง และให้อภัยผู้อื่น ไม่ถือเอาความผิดพลาดมาเป็นอารมณ์ที่กัดกร่อนจิตใจ แต่ถือเป็นการเรียนรู้
ผู้เขียนแนะนำว่าเมื่อเกิดความรู้สึกคับข้องใจ ที่มีคนสร้างความไม่พอใจแก่ตน ให้หายใจลึกๆ หลายๆ ครั้ง แล้วถามตัวเองด้วยสี่คำถาม
· เกิดอะไรขึ้น ตอบด้วยข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่มีการตีความ
· การตอบสนองของเรา ก่อผลอะไรต่อสถานการณ์นั้น
· ฉันจะพูด หรือเขียน เพื่อสื่อสารกับบุคคลผู้นั้น ว่าอย่างไร (ที่สะท้อนวุฒิภาวะ และจริยธรรม)
· หากเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันอีก ฉันจะประพฤติตนแตกต่างจากที่เกิดขึ้นแล้วอย่างไรบ้าง
ข้อความในย่อหน้าบน ทำให้ผมนึกถึงกระบวนการ AAR หรือ self-reflection และได้ตระหนักว่า AAR ช่วยเปลี่ยนเรื่องร้าย (ความรู้สึกผิด ที่เกาะกินใจ) ให้กลายเป็นดี (การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง) ได้
นี่คือการใช้ KM สำหรับลดความเครียด เปลี่ยนเหตุการณ์ที่สร้างความเครียดแก่ชีวิต ให้กลายเป็นการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรียนรู้วิธีจัดการอารมณ์ของตนเอง เป็น KM ส่วนบุคคล (personal KM) สำหรับเรียนรู้จากชีวิตจริง การปฏิบัติจริงในชีวิต
วิจารณ์ พานิช
๒๗ มี.ค. ๕๖
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส..เอาเพลงนี้มาฝากอาจารย์ครับ