โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

2 บันทึกการเดินทางสู่สิงคโปร์









ตอน 2

ผู้โดยสารทั้งหมดทยอยขึ้นเครื่องประจำที่นั่ง รัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว เครื่องบินค่อยๆ คลานออกจากที่เข้าสู่รันเวย์ แล้วเร่งอัตราความเร็วขึ้นจนลอยตัวขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว หลายคนนำพระที่คล้องคอมาใส่มือพนมอาราธนาคุณพระคุณเจ้าให้ปกป้องคุ้มครองอันตราย คงมิใช่หมายความว่า ไม่ไว้ใจเครื่องบิน หรือนักบิน แต่เพื่อความมั่นใจขอพระช่วยอีกแรง เพื่อความไม่ประมาท ส่วนผมถูกความง่วงครอบงำปิดสวิตส์ไปชั่วขณะสำคัญนั้น ตื่นอีกทีเครื่องบินอยู่ในระดับสูงหมื่นกว่าฟิตแล้ว รู้ใช่ไหมว่าผมตื่นตอนนี้เพราะเหตุใด

  จากประสบการณ์ทำให้รู้ทันทีว่าได้เวลาอาหาร กลิ่นอาหารโชยมาแม้เล็กน้อยแต่จมูกรับกลิ่นของผมทำงานได้ดีมากในวาระนี้ หรือว่าผมหิว แอร์โฮสเตสและสจ๊วตเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็ว จริงดั่งว่า รอไม่นานอาหารเครื่องดื่มน้ำใส่รถล้อเลื่อนส่งให้ผู้โดยสารแต่ละรายตามลำดับ คราวนี้ผมแอบได้ยินเสียงแนะนำเป็นภาคภาษาอังกฤษว่า อาหารมีสองเมนูให้เลือก ไก่ Spicy Chicken และปลา คิดในใจว่าควรเลือกปลา (พาสต้า) อาหารอิตาเลี่ยน เพื่อนข้างๆ เลือกไก่รสเผ็ด เครื่องดื่มผมเลือกน้ำแอ็บเปิ้ล แอบเห็นมีขวดไวน์ติดตามบนรถเข็นด้วย โชคดีที่ผมไม่มีอุปนิสัยในการดื่มเครื่องอัลกอฮอลจึงไม่ได้ให้ความสนใจ แอบสังเกตุเห็นว่าไม่มีแต่ไม่เห็นคนเลือกสักราย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด

  รับประทานอาหารเสร็จยังไม่ทันได้ชมวีดีโอหนัง หรือฟังเสียงเพลงใดเลย เครื่องค่อยร่อนต่ำลง มองนาฬิกาเห็นว่าผ่านไปแล้วราวสองชั่วโมง เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลงการให้บริการบนเครื่องบิน ป้ายหน้าห้องบอกว่า Occupied แปลว่าไม่ว่าง ต้องรอสักครู่ป้ายปรับเปลี่ยนมาทางคำว่า Vacant แปลว่าว่างแล้ว เข้าได้ เสร็จกิจในห้องน้ำต้อง Flush คือกดปุ่มล้างเสียก่อน ที่สำคัญตอนเข้าอย่าลืมใส่กลอน ถ้าลืมป้ายข้างนอกจะบอกว่า ว่าง คนก็จะผลักเข้ามาโดยไม่รู้ว่ามีเราอยู่ข้างใน เคยเห็นผู้สูงอายุบางรายลืมล็อคกลอนบ่อยๆ

  ไม่นานเครื่องร่อนลงล้อแตะพื้นรันเวย์เสียงดังนิดหน่อย กระทบกระเทือนนิดเดียว แล้วค่อยๆ คลานเข้าสู่ที่จอดพวกเราถอดสายรัดออกลุกขึ้นหยิบกระเป๋าหิ้วบนล็อคเหนือศรีษะเตรียมพร้อมเพื่อเดินออกจากเครื่องสู่สนามบินชางไง (Changi) อ่านอย่างนี้ก็น่าจะพอได้ สนามบินอันดับหนึ่งของสิงคโปร์ พากันเดินผ่านด่านศุลกร บางรายไม่ต้องตรวจ บางรายเจ้าหน้าที่ตรวจอย่างละเอียดโดยให้ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ รอบสองรอบ เห็นทหารถือปืนสามคนเดินตรวจตราอย่างเข้มงวด ผ่านออกมาด้านนอก เอ ร้อนเหมือนบ้านเปี๊ยบเชียว

  ชายวัยกลางคนถือป้ายเขียนคำว่า “ราชมงคล” ชูอยู่ด้านหน้า พวกเรารวมตัวกันนำกระเป๋าไปขึ้นรถบรรทุก นับรวมได้ สามสิบสามใบ สักครู่รถบันคันใหญ่ขนาดสี่สิบที่นั่งแล่นเข้าเทียบชานชาลา เราเดินทางต่อไปกลางเมืองสิงคโปร์ ย่านเศรษฐกิจออร์ชาร์ด ถึงที่พักที่เรียนซึ่งเป็นที่เดียวกันที่ RELC Regional Language Centre หรือเรียกภาษาเราว่า ศูนย์เรียนภาษาแห่งภูมิภาค

  เห็นภาพของลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งยงของสิงคโปร์ว่าเป็นผู้มาเปิดศูนย์แห่งนี้ด้วยตนเอง ด้วยมีแนวคิดว่า ต้องการให้ศูนย์แห่งนี้พัฒนาด้านภาษาอังกฤษให้แก่คนในประเทศสิงคโปร์และบุคคลภายนอกในภูมิภาคนี้ เพื่อส่งเสริมให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาค

  อีกอย่างหนึ่งสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคนหลายเชื้อชาติ หลายภาษา หลายวัฒนธรรมความแตกต่างกันมีมาก ทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นได้มีจุดร่วมกัน ลีกวนยูเห็นว่า “ภาษาอังกฤษ” ต้องเป็นจุดศูนย์รวมของคนในชาติ ดังนั้นจึงต้องเร่งส่งเสริมอย่างเร่งด่วน และก็ได้ผลตามมุ่งหมาย คนต่างเชื้อชาติต่างภาษาหันมาใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารถึงกันและกัน การพูดภาษาอังกฤษจึงมีสำเนียงต่างกันไปตามภาษาแม่ของตน แต่ต่างใช้ภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์มีเอกลักษณ์เฉพาะเรียกกันว่า Senglish คือมาจากคำว่า Singapore+English มีคำอ่านว่า ซิงลิช

  เรามีกำหนดการเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นมื้อแรกในสิงคโปร์ที่ย่านธุรกิจแถวออร์ชาร์ดโรด แต่พอถึงเวลาเข้าจริงกลับฝนตก รอกันไปรอกันมาหลายคนเดินไปเอง หลายคนขอซื้ออาหารที่ร้านของโรงแรม ผมเองไม่อยากออกไปตากฝน เกรงว่าจะต้องใช้บริการประกันภัยเร็วเกินไป จึงเข้ากลุ่มรับประทานที่โรงแรมเพื่อตรวจสอบดูว่าราคาเท่าไร วิธีการเลือกอาหารคือให้เพื่อนสั่งไปก่อนเราคอยดูว่าหน้าตารสชาติเป็นอย่างไร แล้วค่อยสั่งตาม ปรากฏว่าได้ข้าวผัดเราดีนี่เอง แต่มันและจืดจนเลี่ยน ราคา แปดเหรียญเอง ราวสองร้อยบาท อยากเพิ่งตกใจเพราะเป็นราคาโรงแรม

  เรากลับขึ้นไปที่ห้องพักผ่อนนอนอืดเพราะมื้อเย็นจานใหญ่เกินไปหน่อย จะสั่งจานเล็ก หรืออาหารอะไรเบาๆ แบบบ้านเราก็ไม่เห็นมี คิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับมื้อเย็นดี เพราะหากขืนเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยี่สิบกว่าวันน้ำหนักคงขึ้นหลายกิโลกรัมแน่ อีกทั้งราคาก็แพงเกินรับประทานในมื้อเย็น

  เช้าวันที่สิบเอ็ดมีพิธีการเปิดอย่างเป็นทางการด้วยการแนะนำให้รู้จักคณาจารย์ของศูนย์สอนภาษาอังกฤษแห่งนี้ หลายคนด้วยกัน มี ดร มารีย์ ยิว เป็นพิธีกร แนะนำวิทยากร อาจารย์มารีย์พูดภาษาอังกฤษได้ชัดและฟังง่าย เชิญ ดร เค็น ฝรั่งสูงวัยกล่าวเปิดงาน ด้วยคำคมหลายคำ จำได้ว่า ท่านกล่าวถึงคำของบิลเกตว่า ถ้าคุณเกิดมาจนนั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ถ้าคุณตายไปกับความยากจนคุณไม่อาจปฏิเสธได้.....(โปรดติดตาม)


<p></p>

หมายเลขบันทึก: 531974เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2013 17:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2014 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ภาพงดงามมากค่ะ  การเรียบเรียงตัวอักษรก็อ่านแล้วเห็นภาพชัดเจน

ทำให้นึกถึง งานเขียนของ โสภาค  สุวรรณ  สมัยเรียนชอบอ่านมาก ๆ ค่ะ

เข้ามาติดตาม มาเรียนรู้ และรอตอนต่อไป ครับ อาจารย์

จะรอติดตามค่ะท่าน

อิงจันทร์
ขอบคุณครับครู

เพิ่งกลับจากสิงคโปร์วันก่อน

ไทยเราร้อนตับแลบเลยนะ

-สวัสดีครับอาจารย์..

-แวะมาเยี่ยม/ตามไปเที่ยวสิงคโปร์..

-ขอติดตาม...ตามติด..ด้วยคนนะครับ..

-อาคารสูงจริง ๆ ..

-ขอบคุณครับ

ตามไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยคนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท