วันนี้ได้อ่าน ข้อธรรมะ ของท่าน ปภังกร วงศ์... ในบันทึกเรื่อง หายพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ... รู้สึกคล้อยตามและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ที่กล่าวว่าคล้อยตามด้วยได้พบมากับตนเองที่สังคมรอบข้างเป็นแบบนี้
..........ถ้าเราเป็นคนมีความรู้มากก็ยิ่งมีอัตตาตัวตนมาก หรือเราบวชมาหลายพรรษา เราก็ยิ่งมีอัตตาตัวตนมาก หรือว่าเรามีการคลุกคลีกันเป็นหมู่เป็นคณะ เราก็พากันลืมตัว ขาดการเคารพ ขาดการคารวะ พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราตั้งไว้ในการเคารพ การคารวะ
หากทุกคนตั้งอยู่ในความเคารพซึ่งกันและกัน ลดอัตตาในตัวตนได้มาก ย่อมเป็นผลจากการเรียนรู้มาก ให้ความเคารพกัน ไม่มองข้ามความสำคัญขอบงกันและกัน และที่สำคัญไม่ดึงแต่พวกตัวเองแต่ดันต่างพวกทิ้งไป
ครูอ้อยเข้าใจดีต่อความรู้สึกที่ได้เข้าไปอยู่ในแวดวงของกลุ่มเลือกพวก นำผลประโยชน์มาสู่กลุ่มตัวเองอย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้องและเหมาะสม อย่างที่ครูอ้อยกำลังพบในเหตุการณ์ของการทำงาน ที่มีกลุ่มพวกไม่ได้มุ่งหวังในเป้าประสงค์ใหญ่ พวกเขายังแอบแฝงกับความรู้สึกเห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้องของตน ชุมชนกลุ่มน้อยของเราจึงมีความหมองหม่นและไม่มีความสุขในการทำงาน ทำงานกันอย่างลำบากในขณะเดียวกันที่พวกเขาสบายเรียกร้องได้ทุกเรื่องที่ต้องการ
อย่างเช่น ครูสอนในกลุ่มเรา ต้องปรับไปสอนในกลุ่มอื่น
ครูสอนในกลุ่มเรา ต้องไปทำงานอื่นๆ
ให้กลุ่มอื่น
ครูสอนในกลุ่มเรา
ไม่ได้ทำงานให้กลุ่มเราอย่างจริงจัง
หากคนทุกคนเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ให้ความเคารพกัน ให้ความสำคัญกันและกัน ย่อมไม่เกิดเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมา
..........ถ้าเราเป็นคนมีความรู้มากก็ยิ่งมีอัตตาตัวตนมาก หรือเราบวชมาหลายพรรษา เราก็ยิ่งมีอัตตาตัวตนมาก หรือว่าเรามีการคลุกคลีกันเป็นหมู่เป็นคณะ เราก็พากันลืมตัว ขาดการเคารพ ขาดการคารวะ พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราตั้งไว้ในการเคารพ การคารวะ
หรือว่า...เรามีการคลุกคลีกันเป็นหมู่เป็นคณะ เราก็พากันลืมตัว ขาดการเคารพ ขาดการคารวะ พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราตั้งไว้ในการเคารพ การคารวะ
นี่ล่ะค่ะ จึงมีความคล้อยตามและศรัทธาต่อคำสอน ในบันทึกของท่านมากๆค่ะ เกิดการเรียนรู้ชีวิตกับข้อธรรมะกับบันทึกของบล็อกเกอร์ผู้รู้ ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
ไม่มีความเห็น