เรียนรู้ทักษะพื้นฐานดนตรีไทย
โดย เข็มป่า
เมื่อวันที่ 25 - 29 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้เข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง
“ทักษะพื้นฐานการบรรเลงดนตรีไทยเพื่อการปรับวงในการประกวด” จัดโดยศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ มีท่านอาจารย์นัฐพงศ์ โสวัตร , อาจารย์จีรพล เพชรสม, อาจารย์ มัณฑนา อยู่ยั่งยืน และ อาจารย์ไพฑูรย์ บุญพึ่ง มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ โดยมีครูในภาคใต้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 30 คน เพลงที่ใช้ประกอบการฝึกปฏิบัติคือเพลงคลื่นกระทบฝั่ง 2 ชั้น และเพลงการเวกเล็ก(เถา) ก็น่าจะเป็นเพลงที่ใช้ประกวดกันในปีนี้ สำหรับครูท่านอื่นที่เข้าฝึกอบรมก็คงจะนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อให้กับลูกศิษย์เพื่อเข้าสู่เวทีการแข่งขันต่อไป แต่สำหรับข้าพเจ้าต้องการใช้เวลาว่างที่มีอยู่เก็บเกี่ยวความรู้เรื่องดนตรีไทยให้เพิ่มขึ้นเนื่องจากห่างหายจากวงการนี้ไปนานด้วยภาระงานหลักที่ต้องรับผิดชอบจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ฝึกฝนฝีมือ(ซึ่งมีอยู่ค่อนข้างน้อย) แต่ด้วยหัวใจที่ยังผูกพันอยู่กับดนตรีไทยก็อดไม่ได้ที่จะแวะเวียนเข้ามาถึงตอนนี้จะไม่มีโอกาสได้ใช้ให้เกิดประโยชน์กับผู้อื่นสักเท่าไรนัก
ในการมาร่วมสัมมนาแต่ละครั้งก็ได้ความรู้และข้อคิดดีๆ จากครูไปทุกครั้ง หลังจากพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ครูเฉียบ (ครูนัฐพงศ์)ก็ได้พูดถึงประเด็นสำคัญของการบรรเลงดนตรีไทยก็คือทักษะพื้นฐานแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือจรรยาบรรณของนักดนตรีไทยนักดนตรีถึงแม้มีฝีมือมากแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าขาดคุณสมบัติของการมีคุณธรรมจริยธรรม ก็ไม่สมควรต่อการเคารพยกย่อง คุณครูนัฐพงศ์ เป็นครูที่มีความรู้ความสามารถ มากมายเป็นที่เคารพยกย่องในแวดวงของคนดนตรี ท่านบอกว่าจากอดีตที่เคยเป็นศิลปินแต่ด้วยภาระหน้าที่ในปัจจุบันทำให้บทบาทของศิลปินลดลงมาเป็นนักพูด(สอน) แต่ถ้าคนที่เป็นนักพูดไม่ได้พูดจากประสบการณ์ หรือความรู้ความสามารถของตนเอง ก็จะเป็นนักพูด(ถึง) ผลงานและประสบการณ์ของคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นสิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้คือการให้เกียรติบุคคล ต่าง ๆ โดยการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของความรู้และผลงานนั้น ๆอย่าทำเป็นลืมแล้วให้คนฟังเข้าใจว่าเป็นผลงานของตนเอง ก็เท่ากับว่าหลอกลวงประชาชนหรือผู้ฟัง เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะเป็นนักพูดก็ควรเป็นนักอ่านและนักปฏิบัติไปด้วยเพราะมีความสำคัญพอๆ กัน ท่านย้ำให้คุณครูทั้งหลายที่สร้างนักดนตรีไทยอย่าได้ละเลยเรื่องการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับเด็ก ๆ รุ่นใหม่ไว้ด้วย
นอกจากทักษะพื้นฐานในการปฏิบัติเครื่องมือแล้วการปรับวงให้ได้มาตรฐานก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ครูต้องเข้าใจ
ครูก็เลยจัดให้มีการบรรเลงรวมกันเพื่อเรียนรู้การปรับวง โดยเรียกผู้เข้าสัมมนาขึ้นมาบนเวทีที่ผู้จัดได้เตรียมเครื่องดนตรีไว้แล้วแต่ละคนที่ถูกเรียกขึ้นไปก็ลงตำแหน่งเครื่องที่ตนเองถนัดคนที่ขึ้นไปทีหลังจะต้องเลือกบรรเลงเครื่องดนตรีที่เหลือ(ถึงไม่ถนัดสักเท่าไรก็ตาม) จนครบทุกเครื่อง โดยครูกำหนดเพลงลาวดวงเดือน ซึ่งคิดว่า คงไม่มีใครเล่นไม่ได้ คนที่เหลือก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟัง
เพลง ลาวดวงเดือน
ข้าพเจ้าฟังไปก็แอบเก็บข้อมูลไปพลาง ถึงแม้ว่าจะบรรเลงได้ไม่เรียบนัก เมื่อนักร้อง ร้องจบจะต้องมีการสวมร้องสงสัยระนาดเอกคงจะตื่นเต้นไปหน่อย เลยทำให้การสวมร้องช้าไป เนื่องจากผู้บรรเลงมาจากคนละที่กัน
บางคนอาจจะยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่ทุกคนมีดนตรีอยู่ในหัวใจเหมือนกันเลยช่วยพากันจนจบเพลงลงได้
เมื่อจบเพลงท่านวิทยากรทั้ง 4 ก็ช่วยกันแนะนำ เริ่มที่ครูนัฐพงศ์ให้ความรู้เพิ่มเติมดังนี้
- เมื่อนักร้องเริ่มร้อง หน้าทับ และฉิ่งต้องเข้าให้ทันหน้าทับแรก (โจ๊ะ ฉิ่ง ติง ฉับ)
- โทน – รำมะนา ไม่ควรตีพลิกแพลง เวลาที่มีการร้อง
ครูไก่ (ครูไพฑูรย์) เสริมว่า
- การกรอเครื่องตีให้ลงมือซ้ายก่อนมือขวาเพลงบังคับทางต้องแบ่งมือให้ถูกต้อง (ไม่ควรใช้คู่แปดมากเกินไป)
ครูจีรพล แนะนำทางด้านเครื่องสาย
- เครื่องสี (ซออู้ , ซอด้วง) น้ำหนักอยู่ที่คันชัก การวางนิ้วอย่าให้เพี้ยน
- ระนาดเอกและซอด้วงต้องไปด้วยกัน (ทางเดียวกัน)
- จะเข้ การดีดเข้า – ออก ให้เท่ากัน การกรอให้ละเอียด
ครูมัณฑนา เสริม ทางร้อง
- การร้องเพลงลาวดวงเดือนเป็นเพลงหวานก็ต้องร้องให้หวานชัดถ้อยชัดคำ
- การเอื้อนต้องจบลงที่การสะกดด้วย – ย ก่อนจะว่ากลอนต่อไป
นึกถึงเมื่อเด็ก ๆ ที่คุณครูแต่ละท่านส่งขึ้นเวทีแต่ละวงบรรเลงได้ดีกันทุกวง เนื่องจากถูกฝึกซ้อมมาอย่างดี แต่เมื่อเป็นการแข่งขันก็ต้องมีวงที่ชนะและวงที่แพ้แต่ถึงจะมีใครแพ้ ชนะ แน่นอนว่าต้องมีนักดนตรีไทยเพิ่มขึ้นทุกปี
บ่อยครั้งที่เจอลูกศิษย์ที่เคยเล่นดนตรีมาเมื่อไปเรียนในระดับอุดมศึกษา หรือ เริ่มทำงาน หลายคนก็บอกว่า ไม่ค่อยได้เล่นบางคนก็เลิกเล่น เลิกฝึกซ้อมไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่ ดนตรีไม่สามารถซึมลึกลงไปในจิตวิญญาณของเด็กเหล่านั้นได้หรือว่าผู้ใหญ่สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการอนุรักษ์ดนตรีไทยไว้น้อยเกินไป เด็ก ๆ
คงจะไม่รู้ว่ากว่าที่ครูแต่ละท่านจะสร้างนักดนตรีได้สักคนนั้นมันเป็นเรื่องยากเย็นแค่ไหนอีกนานแค่ไหนนะที่เด็กไทย จะหันมาเห็นความสำคัญของเอกลักษณ์ของชนชาติโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่อาเซียน ถ้าไม่ใช้วัฒนธรรมเป็นตัวบ่งบอก
ก็คงจะแยกยากว่าอะไรคือความเป็นคนไทย ครูไม่ได้หวังว่าลูกศิษย์ทุกคนจะเป็นศิลปิน แต่คาดหวังว่าให้ทุกคนมีใจที่จะอนุรักษ์มรดกของชาติสืบไป เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย
แต่อย่างน้อยวันนี้ก็ดีใจ ที่เจอลูกศิษย์ที่มาเป็นครูสอนดนตรีไทยอยู่อีกคน
ผู้เขียนกับ ลูกศิษย์(พร) : 26 มีนาคม 2556
ในช่วงบ่ายก็มีการแยกปฏิบัติเฉพาะเครื่องมือ ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้ลงปฏิบัติซอด้วง
โดยมีครูจีรพล เป็นผู้ดูแลกลุ่มเครื่องสาย (จะเข้, ซออู้ , ซอด้วง)
บรรยากาศการฝึกซ้อม
ผู้เขียนกับ ครูจีรพล เพชรสม : 28 มีนาคม 2556
เสียดายที่วันสุดท้ายของการรวมวงและสาธิตการปรับวงนั้นไม่สามารถอยู่ร่วมกิจกรรมได้ แต่ 4 วันที่ได้ร่วมฝึกซ้อมก็รู้สึกมีความสุขและประทับใจกับการได้พบเจอสมาชิกเก่าและรู้จักกับสมาชิกใหม่ ๆ หลายท่าน โอกาสหน้าคงจะได้เจอะเจอกันอีกนะคะ
ขอบพระคุณ คุณครูท่านวิทยากรที่เสียสละเวลามาให้ความรู้มากมาย ขอบคุณศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มอ.
ที่จัดโครงการดี ๆ และคงมีอีกในปีต่อ ๆ ไป
เป็นบทความที่ดีมากครับ