ชีวิตประจำวัน เราต้องเผชิญกับภาวะความอดทนต่อคนและสิ่งแวดล้อมทุกวัน เขาสรุปกันมาแล้วว่าคนเราจะพบกับความทุกข์ ความไม่พอใจถึงสามร้อยหกสิบห้าวันในหนึ่งปี..
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องทำตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับทุกข์หรือไม่ก็แทรกตัวอยู่กับมันอย่างสงบให้ได้ การตีโพยตีพายไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด หากแต่ต้องอาศัยความอดทนเป็นพื้นฐานรองรับความหงุดหงิดรำคาญใจที่จะเกิดขึ้นในจิตเรานั่นเอง
แต่บางคนก็อาจจะมองว่า คนที่อดทนคือ คนที่มักคิดว่า ไม่เป็นไร ขอกันกินมากกว่านี้แล้วไม่มีประโยชน์ แต่เรายึดหลักของพระพุทธองค์ที่ให้คิดเสียว่า หากเรามีความเมตตา กรุณา มุทิตาให้แก่เขาแล้ว เขาก็ยังไม่สำเหนียกก็จงใช้ "อุเบกขา"เป็นกลยุทธ์ต่อไป ดีกว่าจะไปโวยวายหรือโทรหา เพราะเขาจะมองว่าเราไปกดดันเขาเสียอีก ทั้งๆที่เหตุผลหาใช่แบบที่เขาคิดไม่
และสำหรับคนที่คิดถึงแต่ "อัตตา"ของตัวเอง หรือผลประโยชน์ตัวเองเป็นศูนย์กลาง เขาก็ยิ่งจะไม่คิดถึงคำว่า อกเขาอกเราแน่นอน ฉะนั้น การใช้ "ความนิ่งเฉย"ต่อบุคคลเช่นนั้นจึงเป็นทางเลือกที่เราเลือกใช้กับเขา เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกขึ้นมาเองว่าทำไมไม่ทำเหมือนเขาที่กระตือรือร้นเหลือเกินที่จะเรียกร้องผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง...
ขอบคุณข้อคิดดีๆเช่นนี้ค่ะ....
เห็นด้วยค่ะท่าน