เมื่อเด็กเจ็บป่วยทุกโรงพยาบาลไม่กล้ารับรักษา
เมื่อเย็นวันที่ 20 มีนาคม 2555 ครูไพโรจน์ จันทะวงศ์ ครูประจำศูนย์เด็กก่อสร้าง ที่ซอยอุดมสุข หลังห้างเซ็นทรัสบางนา เพิ่งย้ายเข้ามาได้เพียง 1 เดือน โรงเรียนที่ย้ายมาจึงยังไม่เสร็จ สภาพพื้นดินที่เป็นฝุ่น และเมื่อมีรถกะบะหรือรถสองแคววิ่งเข้ามาฝุ่นก็จะฟุ้งกระจาย ทางบริษัทจึงใช้แผ่นเหล็กมาวางไว้เป็นทางเดินและที่นั่งทำกิจกรรมสำหรับเด็ก ที่หน้าตู้คอนเทรนเนอร์ สิ่งที่กลัวมากคือแผ่นเหล็กทับเท้าเด็กที่วิ่งไป-วิ่งมา ระหว่างบ้านพักของพ่อแม่เด็ก กับโรงเรียน สุดท้ายสิ่งที่ก็เกิดกับเด็กน้อยจนได้
เวลาประมาณ สี่โมงเย็นมีเสียงตระโกนเรียกครูกันลั่นบ้านพักกรรมกรก่อสร้าง ว่าแผ่นเหล็กทับหัวนิ้วเท้าเด็กเล็บหลุดเลย ครูไพโรจน์ มาถึงก็วิ่งพาเด็กหนึ่งคนที่เจ็บ กับพี่น้องของเด็กอีก สามคน หอบหิ้วกันไปที่คลีนิค ทางคลีนิคก็ใจดีมากว่าขอทำแผลให้เด็ก แผลลักษณะนี้ต้องไปโรงพยาบาลให้เขาเย็บแผลอย่างเดียวค่ะ ผู้ช่วยพยบาลที่คลินิกเป็นคนแนะนำสุดท้ายครูก็ล่าถอยกันมา
ครูไพโรจน์ก็ให้คนในบ้านพักกรรมกรก่อสร้างไปตามแม่เด็กมา ซึ่งแม่เด็กไปทำงานในไซด์งานก่อสร้างที่อยู่ห่างไปประมาณสัก 1 กิโลเมตร มีคนที่เดินผ่านมาแนะนำครูให้พาเด็กไปที่ศูนย์สาธารณสุข ที่เปิดบริการตอนเย็นที่ บางนา พากันไปอีก แต่คนที่ดูแลบอกทันที่ที่เห็นเด็กเป็นชาวกัมพูชาว่า ที่นี้ไม่พร้อมให้พาเด็กไปที่โรงพยาบาล เป็นการให้คำแนะนำที่ดี(ปฏิเสธในการรักษา มองให้แง่ดี ให้คำแนะนำอย่างสุภาพค่ะ)
รอประมาณ 20 นาที่ เด็กก็เริ่มปวด ร้องไห้ รอจนแม่เด็กมาก็ชาวกัมพูชา ที่มาอย่างหน้าตาตื่นมาก สุดท้ายก็พากันนั่งรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลสมุทรปราการ ไปถึงใช้เวลานานมากกว่าจะให้บริการ แล้วก็ตอบว่าทำไมคนไข้วันนี้มีมากมายเหลือ กลุ่มแรงงานข้ามชาติทั้งหลายไปนั่งรอก่อน เด็กก็ร้องว่าปวด ไปตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม กว่าจะได้เย็บแผล ทำแผลอีกครั้งเกือบ 3 ทุ่ม และเรียกเงินค่ารักษาพยาบาลก่อน ด้วย(ค่าเย็บแผล ค่ายา รวมประมาณ 700 บาท ทางครูต้องช่วยกันกับแม่เด็ก )
เคยห่วงใยในเรื่องการบริการของระบบสาธารณสุข และระบบการศึกษา ในเรื่องการดูแลเด็กลูกกรรมก่อสร้างหรือกลุ่มด้อยโอกาส ที่ประเทศไทยจะเปิดอาเซียนในเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกัน ดูแลเด็กทุกคนที่มาอยู่ในเมืองไทยแบบเท่าเทียมกัน
สภาพแผ่นเหล็กที่วางไว้หน้าโรงเรียน ซึ่งกลัวอย่างมากในแผ่นเหล็กนั้นจะทับเท้าเด็ก ที่มาเรียนที่โรงเรียน แล้วก็เกิดอุบัติเหตุได้จริง.....
น่าสนใจมากเลยครับ
รออ่านอีกครับ