บันทึกนี้แด่น้องๆทุกท่าน ที่กำลังก้าวเดินบนเส้นทางสู่ PhD


เป็นกำลังใจให้ และ ขอบคุณน้องๆที่ Perth, Western Australia เป็นพิเศษค่ะ

ระบบการเรียนเพื่อ PhD ของออสเตรเลียจะไม่เหมือนกับที่สหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษตรงที่เราจะต้องรอผลการตรวจวิทยานิพนธ์หลังจาก submit thesis ไปแล้วเป็นเวลาประมาณ 5-6 เดือน หลังจากนั้นถ้ามีการแก้ไขก็จะยืดเยื้อไปอีกจนอาจจะเป็นเกือบปี

ปริญญายังมาไม่ถึงเมืองไทย แต่กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วโดยสมบูรณ์ ตัวเองใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบ 1 ปีทั้งๆที่ thesis มีการแก้ไขเพียงตัวพิมพ์ผิด 2 ที่เท่านั้น เวลาที่ใช้ส่วนใหญ่คือการติดต่อเรื่องเอกสาร การเซ็นเอกสารกลับไปกลับมา สำหรับสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเรียนปริญญาเอกที่ The University of Western Australia คงจะได้นำมาเล่า วิเคราะห์วิจารณ์ในโอกาสข้างหน้านะคะ

แต่สิ่งสำคัญที่จะเน้นในบันทึกนี้ก็คือ เป็นการขอบคุณน้องๆพี่ๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น เราให้กำลังใจกันและกันอยู่เสมอ ถือได้ว่าทุกคนมีส่วนในการที่ทำให้ได้มาถึงวันนี้ จึงขอนำบทกลอนจากคุณ Ann Davies มาฝากค่ะ

We all have to lose sometimes
          before we can win,
We have to cry sometimes
          before we can smile,
We have to hurt
          before we can be strong,

But if you keep on working
          and believing,
you'll have victory
          in the end.

ขอยืนยันว่า เป็นจริงทุกประการค่ะ

หมายเลขบันทึก: 53010เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2006 20:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
ชอบๆ....ประโยคนี้คะ

But if you keep on working
          and believing,
you'll have victory
          in the end.

จะพยายามค่ะ

สำหรับผมเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสได้เรียน PhD ก็ไม่รู้นะครับ...แต่ก็มีโอกาสดีที่ได้เรียนรู้ร่วมกัย นศ.PhD หลายๆท่านใน Gotoknow ก็ถือว่าโชคดี

ชอบบทนี้เช่นเดียวกันครับ

           But if you keep on working
           and believing,
           you'll have victory
           in the end.

...........................................

 

  • ผมไม่รู้เป็นไง มักชอบอยู่ฝ่ายค้านเรื่อยเลย
  • ถ้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินแล้่ว พอรู้ตัวอีกที เราอาจจะอยู่ไกลจากจุดหมายเพิ่มขึ่นเรื่อยๆ ก็ได้นะพี่โอ๋
  • เหะ เหะ
  • แวะมาทักทายท่ามกลางงานยุงๆครับ
  • เคยมีอาจารย์ฝรั่งชื่อ Dr. John Stella อยู่ที่พี่โอ๋เรียนครับ

คุณไมโตฯ อ่าน working เป็น walking หรือเปล่าคะ

ทำไม่ยอมหยุด เชื่อมั่นว่าทำได้ จะไปไหนก็ถึงค่ะ จริงไหมเอ่ย

วันนี้ สองสาวน้อย น้องฝน น้องฟ้ามาตีแบดอยู่หน้าแฟลตพี่ เจ้าตัวเล็กเก่งมากเลย ตีลูกถูกตลอด แต่รับไม่ได้ เจ้าตัวโตก็น่ารัก คอยเสิร์ฟให้น้อง ทำไปบ่นไป หัวเราะไป มีพี่หยีกับพี่หยกและป้ามาเป็นโคชค่ะ (ขอเล่าส่งข่าวในบันทึกพี่เอง ให้คุณพ่อหายคิดถึงหน่อยนะคะ)

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวให้อ่านคะ  เขียนมาอีกนะคะ  นิวจะได้รู้เป็นประสบการณ์ไว้ด้วยคะ  ขอบพระคุณคะ

สวัสดีค่ะคุณโอ๋-อโณ

  • การเล่าประสบการณ์ที่มีมาก่อนแล่งปันให้ผู้ที่ตามมานับว่ามีคุณค่ายิ่ง 
  • ขอบคุณสำหรับสิ่งที่แบ่งปันและกำลังใจค่ะ 
  • ซึ่งครูอ้อยกำลังสับสนค่ะ
  • ใช่เลยครับพี่ ผมก็เลยว่าทำไมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่มองใครบ้าง
  • ถ้างั้นผมเปลี่ยนใจมาอยู่ฝ่ายเดียวกับพี่แล้ว (แบบเป็นคนเปลี่ยนใจง่าย)
  • ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยส่งข่าวให้ฟัง รู้ไหมว่าจะฝนพูดว่าไง

  • พ่อ: วันนี้่หนูมีความภาคภูมิใจอะไรที่จะมาเล่าให้พ่อฟังบ้าง
  • ฝน: หนูเป็นแชมแบดมินตันตั้ง 4 สมัยแน่ะ
  • พ่อ : โอ้โห้ เก่งจัง แล้วหนูเล่นกับใครบ้างล่ะ
  • ฝน : น้ำฟ้า(แล้วก็หายเงียบไป)
  • พ่อ : (อึ้ง พูดไม่ออก ก็เจ้าฟ้านั่นแค่เด็ก 5 ขวบ)
  • ฝน : พี่หยก พี่หยี
  • พ่อ : เอ้อ ! ใช้ได้ค่ะ แล้วมีอะไรอีกคะ
  • ฝน: หนูได้ออกกำลังกายโดยการขี่จักรยานค่ะ
  • พ่อ: ดีจังเลย แล้วขี่นานมั้ยล่ะ
  • ฝน: 50 วินาที
  • พ่อ: (อึ้ง พูดไม่ออก)
  • ฝน: ก็ขี่จากบ้านเราไปบ้านพี่หยกกับพี่หยี แล้วขี่กลับมา
  • พ่อ: วันหลังขี่ให้นานกว่านั้นก็ได้ แล้วทำอะไรอีกบ้างค่ะ
  • ฝน: ทำคาราโอเกะ (เจ้าฝนเป็นเด็กที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เกิด)
  • พ่อ : ร้องเพลง ?
  • ฝน : ไม่ใช่ ทำเพลงให้เป็น คาราโอเกะ ก็ใช้โปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่หนูไปเรียนมา แล้วใส่ตัวหนังสือเข้าไปค่ะ
  • พ่อ: เก่งมากค่ะ

พอไหว มั้ย วีรกรรมเจ้าฝน ปกติเวลาคุยกับเจ้าฝน แล้วถ้าไม่ซักลงไปในรายละเอียด ก็มักจะเข้าใจกันไปคนละเรื่อง

ระบบการ submit thesis และรอผลการตรวจของที่ออสเตรเลียนานจริงๆ ค่ะ มีเพื่อนทั้งที่กลับบ้านไปเลยหลังจาก submit และมีบางคนที่ทำงานรอ และรอด้วยความลุ้นระทึกว่าผลจะเป็นอย่างไร

นึกถึงคราวตัวเองมั้งแล้ว คงสยอง

อ่านมาถึงค.ห. คุณ Mitochondria แล้วขำกลิ้งดีจัง ไม่ได้ขำน้องฝน ขำคุณพ่อ ที่อึ้งไปหลายครั้ง ฮ่าฮ่า ^__^  ชอบใจๆ

มาอ่านแล้วนะจ๊ะพี่โอ๋ ถูกต้องและโดนใจทุกประโยคเลย...ชอบที่พี่โอ๋เขียนเรื่องนี้มาก ๆ เพราะส่วนใหญ่คนที่เรียนออสเตรเลีย เวลากลับไปรายงานตัวทำงานมักจะถูกถามว่าเป็น ดร. สมบูรณ์แบบแล้วใช่ไหม คนส่วนใหญ่เค้าจะไม่ค่อยรู้ระบบการเรียนของออสเตรเลีย(คณะที่สังกัดอยู่ส่วนใหญ่จบจาก อเมริกา ไม่ก็ อังกฤษ)  เขาถึงได้คิดว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เรากลับ หมายถึงมันต้องเป็น ดร.แล้วแน่ ๆ เลย เท่าที่ฟังมาจะต้องเจอคำถามแบบนี้ตลอด จากไม่เครียดก็กลายเป็นเครียด ยังคิดอยู่ว่ากลับไป จะสกรีนเสื้อว่า ``รอผลอยู่ ไม่รู้ได้เมื่อไหร่ อย่าถามนะ ขอร้อง`` แล้วจะใส่เสื้อตัวนี้ทุกวัน พี่โอ๋ว่าเข้าท่าไหม....คิดถึงพี่โอ๋และครอบครัวเสมอจ้า  
วันนี้เป็นอีกวันที่เจอเรื่องหนัก เล็กๆ (งง?) ทำให้นึกถึงบันทึกนี้ อ่านแล้วเมื่อวานโดนใจไปแล้ว พอเจอเรื่อง ยิ่งซึ้งหนักเลยค่ะว่าต้องท่องและทำอย่างประโยคที่ว่านี้ "... keep on working and believing, you'll have victory in the end." ขอบคุณคุณโอ๋ค่ะ กับข้อคิดดีๆ ที่นำมาฝากเสมอๆ

อ่านบันทึกนี้แล้วรู้สึกดีค่ะ ขอเสริมนิดนึงจากพี่มัยนะคะ อย่าว่าแต่คนไทยที่เครียดเลยฝรั่งก็เครียดเหมือนกันเมื่อโดนถามบ่อยๆ จนเค้าทำเสื้อออกมาเหมือนกันเขียนว่า Don't ask me about my thesis. เค้าทำส่งมาให้ตัวนึงเหมือนกัน ยังไม่ได้ใส่เลย ถ้าพี่ทำเสื้อ screen ออกมาน่าจะดีนะใส่ตอนที่คนชอบถามกันจัง จะได้ไม่ต้องตอบหลายรอบ :D

สวัสดีค่ะคุณโอ๋-อโณ

เข้าใจแล้วค่ะว่ากว่าจะได้ส่งเล่ม และ Approved ลำบากขนาดไหน แต่มาขำตรงเสื้อDon't ask me about my thesis ค่ะ อยากได้สักตัวจัง ^_^

ดีใจด้วยกับอ.อ้อม อาจารย์ อ้อม ฐิติรัตน์ สุวรรณสม นะคะ นี่แสดงว่าได้กลับบ้านเราแล้วใช่ไหมคะ มิน่าเห็นในอนุทินด้วย ส่งเสร็จแล้ว โอกาสที่จะเรียบร้อยก็ใกล้ๆ 100% นั่นแหละค่ะ น้องๆที่ตามมาทุกคนก็ได้รับปริญญากันเรียบร้อยค่ะ ช้าเร็วเท่านั้นเอง สบายใจได้ค่ะ เรื่องเสื้อก็...พอผ่านไปแล้วก็เป็นเรื่องขำจริงๆ คนละความรู้สึกกับตอนรอเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท