นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 4


99.99 %ของคนทั่วไปเรียกชื่อนกแอ่นกินรังผิดๆ

นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 4

ต้องขอขอบคุณbeeman ที่หาบทความเกี่ยวกับนกแอ่นจากข้างนอกมาเขียนถึง

      เราจึงขอยืมข้อความบางตอนมาใช้ และฟันธงโดยยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่า 99.99 % ของคนทั่วไปเรียกชื่อนกแอ่นกินรังผิดๆ

อ้างถึงข้อความบางตอนดังนี้

"ทุกค่ำคืนเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนที่นางแอ่นตัวน้อยกำลังสร้างรังที่ค่อยๆ สั่งสมมาจากน้ำลายและเศษใบไม้ใบหญ้า เมื่อแห้งและแข็งตัวจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับวุ้นเส้นที่อัดตัวกันแน่น โดยตัวรังจะตรึงติดอยู่กับผนังถ้ำ"

เอาแค่ชื่อที่เรียกนก ก็อาจทำให้นกเสียใจแล้ว*

      เพราะว่านกชนิดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "นกแอ่นกินรัง" ชื่อเรียกทั่วไปในหมู่ชาวใต้คนเก็บรังนกว่า "นกอีแอ่น" เรียกนกอีแอ่นหมดไม่ว่าจะเพศผู้หรือเมีย เวลาเรียกสัมปทานเก็บรังนกก็ว่า "สัมปทานเก็บรังนกอีแอ่น" ...เอ แล้วน้ำตกวังนกแอ่น ของพิษณุโลกเนี่ย มาเกี่ยวดอง หมายถึงนกตัวไหนกันนะ..เก็บไว้ก่อนละกัน

       ที่จริงคนจัดนกอีแอ่นไว้ในวงศ์(แฟมิลี) Apodidae ซึ่งมันมีเพื่อนสมาชิกที่มีจุดเด่นเรื่องการบินเร็วมาก และบางชนิดบินเร็วแบบ  non stop เสียด้วย  คนจึงจัดไว้เป็นกลุ่มนกแอ่นบินเร็ว (swifts) นกพวกนี้ได้แก่นกแอ่นขนาดเล็ก (swiftlets: นกอีแอ่น หรือนกแอ่นกินรังทั้งรังขาวรังดำ นกแอ่นท้องขาว และนกแอ่นพันธุ์หิมาลัย นกแอ่นตาล นกแอ่นเล็กหางหนามตะโพกขาว)

มีขนาดเล็กก็ต้องมีขนาดกลางและใหญ่

       นกแอ่นขนาดกลาง (typical swifts ได้แก่ นกแอ่นบ้าน; House swift etc.) กับนกแอ่นขนาดใหญ่ (needletails) อีกหลายชนิดพันธุ์

       ต้นกำเนิดชื่อเรียกที่เอามาสับกับนกอีแอ่นนั้น มีถึงสองพันธุ์ คือ นกแอ่นบ้าน กับนกนางแอ่นบ้าน

       นกนางแอ่นบ้าน (Barn swallow)  เป็นนกที่คนจัดเข้าแฟมิลี Hirundinidae ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรนั่นแหละ ต่างจากแฟมิลีของนกอีแอ่นกับนกแอ่นบ้าน

.......เราคิดว่าคนเอาชื่อนกนางแอ่นบ้าน มาเรียกแทนนกอีแอ่นนะ

      ขอให้คุณกลับไปดูโฆษณาขายเครื่องดื่มรังนกยี่ห้อหนึ่งที่มีรูปนกติดข้างกล่องด้วย ประกอบกับป้ายโฆษณาขายซุบรังนกที่เยาวราชเถอะ เขาใช้รูปนกนางแอ่นบ้านเป็นแบรนด์เนม เพราะใช้สัญญาลักษณ์เป็นรูปวาดนกกำลังบินกลางอากาศ มีหางแหลมเป็นแฉกเชียวเป็นลักษณะของนกนางแอ่นบ้านจ้ะ

       ส่วนนกแอ่นบ้านนั้นมีหางทู่เชียว คลี่เท่าไรก็ไม่เป็นแฉกเท่านกนางแอ่นบ้าน

......เราจึงคิดว่าคู่กรณีเรื่องชื่อสับสนนี้ คือ นกอีแอ่น-นกนางแอ่นบ้าน

.....ดูรูปนกทั้งสองได้จาก net หรือหนังสือ a guide to the birds of Thailand ของคุณหมอบุญส่งจากห้องสมุดนะคะ หาดูไม่ได้จริงๆ ไปดูโปสเตอร์เรื่องนกแอ่นกินรัง: นกที่สร้างรังแพงที่สุดในโลก ซึ่งติดไว้ที่ชั้น 1 ภาคชีววิทยา

     เหล่านกเองไม่สับสน  ยังคงดำรงชีวิตของพวกเขาไป แต่คนนี่แหละสับสน แล้วถามว่าทำไมต้องเรียกให้ถูก ก็ชื่อนั้นสำคัญไฉน นกมีชื่อวิทยาศาสตร์เดียวและมีพฤติกรรมเป็นเอกลักษณ์ ของเผ่าพันธุ์ของมัน

      นกแอ่นกินรังในบ้านของเรา (หมายถึงประเทศไทยที่รัก) มีอยู่สองพันธุ์คือนกแอ่นรังขาว และนกแอ่นรังดำ

      นกแอ่นรังขาวนั้นสร้างรังที่แพงที่สุดในโลก ที่เป็นต้นกำเนิด hot issue ตลอดกาล นั่นแหละ  

     ส่วนนกแอ่นรังดำก็สร้างรังที่แพงเหมือนกัน (ก็กิโลกรัมละเป็นหมื่นขึ้นนี่ จัดว่าแพงได้ไหม?)

     ทั้งสองอาศัยในเกาะเดียวกันและถูกสัปทานไปด้วยกันแหละ  นกรังดำนั้นมีจำนวนน้อยกว่า และมักจะถูกเก็บเกี่ยวรังปีละครั้ง พวกเราจะสนใจนกรังขาวมากกว่า เพราะราคาแพงกว่าหลายสิบเท่าและนกถูกเก็บรังอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง

        ทำไมราคารังขาวถึงแพงกว่า เพราะว่านกรังขาวสร้างรังด้วยน้ำลายของตนเองล้วนๆ ไม่ได้ยืมน้ำลายในรัฐสภามาสร้างเล้ย  และก็ไม่ได้เอาเศษใบไม้ใบหญ้ามาปลอมปนเพิ่มปริมาณด้วย แต่นกนางแอ่นบ้านน่ะ สร้างรังจากโคลนผสมน้ำลายของมัน 

        นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนกแต่ละพันธุ์  ยังมีอีกหลายเรื่องราวเช่นเรื่องถิ่นอาศัยของนกทั้งสองพันธุ์จำกัดในพื้นที่ต่างกัน นกอีแอ่นอาศัยเฉพาะภาคใต้ ส่วนนกนางแอ่นบ้านอาศัยทั่วไป และบางตัวอพยพหนีหนาวมาจากเขตหนาวของโลก

       ถ้าจะเทียบเกรดของนกจากเม็ดเงินที่ได้จากนก คนก็ต้องยกย่องให้นกแอ่นกินรังเป็นนกอันดับหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ส่วนนกนางแอ่นบ้านน่ะก็คงไม่ติดฝุ่นตำแหน่งนี้-- เพราะคนไม่เก็บรังของนกนางแอ่นบ้าน-- นกตัวไหนควรจะร้องไห้เนี่ย คงไม่ได้ร้องไห้เพราะถูกเรียกชื่อผิดหรอกนะ

     *เรามักใช้คำที่แสดงอารมณ์และพฤติกรรมของคนมาใช้กับสัตว์บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วขอชี้แจงว่าเราเขียนแบบนั้นเพื่อเป็นสีสันเท่านั้น อย่างหนังการ์ตูนหรือหนังหลายเรื่องที่นำความรู้สึก หรือพฤติกรรมของคนมาใส่ในตัวละครสัตว์ของเขา แล้วคนทั่วไปอย่างเราก็ดูอย่างสนุกสนานมาก ก็เหมือนมันจะเข้าใจและเป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง จึงสนุกและติดใจ แต่เรารู้ว่าสัตว์อื่นๆ ไม่มีความคิดอย่างคนหรอกนะคะ

หมายเลขบันทึก: 5289เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2005 14:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 23:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
สมลักษณ์ วงศ์สมาโนดน์

ยังไงก็ยังอยากดูรูป ความแตกต่างของ

นกนางแอ่นบ้าน, นกแอ่นบ้านและนกแอ่นกินรัง58

เสาร์และอาทิตย์อย่างลืมเขียนต่อครับ

ครั้งก่อนเลข 58 ไม่มีความหมายครับ

ขอชม ครูเล็กมีความตั้งใจจริงครับในการศึกษาเรื่อง "นกอีแอ่น" ผมก็ใช้เวลาเรียนและอบรมด้านนี้มานานพอสมควรดูรายละเอียดเกี่ยวกับ นกอีแอ่น และธุรกิจรังนกนางแอ่นได้ที่

www.Actsthai.com

แล้วจะเข้ามาเยี่ยมใหม่นะครับ

ถ้าผมจำไม่ผิด อาจารย์คือทีมที่ไปวิจัยที่วัดช่องลม ผมเคยการงานวิจัยของอาจารย์  ชื่นชมครับ ตอนนี้ผมทดลองทำบ้านนกอยู่ บางเรื่องก็ลองผิดลองถูกมาเกือบปีแล้วครับ ดีใจครับที่มีเวปให้แลกเปลี่ยนความรู้วิชาการ เพื่อพัฒนาการเลี้ยงที่ถูกต้องและเป็นผลดีของประเทศไทยครับ

ฟอร์เวิรด์เมล ระบาด
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของ อาหารเชิงยาที่เรียกว่า "รังนกนางแอ่น" เป็นที่รู้กันดีว่านกนางแอ่นนั้น เป็นนกเล็กตัวเท่านกกระจอก มีความน่ารักตรงที่เมื่อจะวางไข่จะจับคู่สร้างรัง และมีความน่าอัศจรรย์ คือ........จะสร้างรัง โดยการถุยน้ำลาย หรือขากเสลดออกมา ลองนึกภาพว่าถ้าเราต้องถุยน้ำลาย และขากเสลดจนเป็นห้องให้เราเข้าไปพักได้ มันเหงือกแห้ง และเจ็บคอแค่ไหน แต่แล้วมนุษย์ตัวใหญ่สมองดี ก็ได้ไปแคะทำลายรังมัน ออกมาเอามาต้มกิน กล่าวคือกินคราบน้ำลาย เสลดแห้งๆ ของนกเพื่อสุขภาพดี สวย และไม่แก่ (ดังโคตรสะนาที่เราเห็นกัน) แต่จะมีกี่คนที่ทราบว่า รังที่ดี (เพื่อการกิน) คือ รังที่ทำเสร็จใหม่ๆ เพราะนกยังไม่เข้าไปออกไข่และกกไข่ ดังนั้นจะสะอาด ไม่มีเศษขนเศษมูล และจะมีซักกี่คนที่จะรู้ว่าในหมู่ผู้นิยมกินรังนก นั่นยังไม่ใช่รังนกที่ดีที่สุด…..รังนกที่ดีที่สุดคือรังนกเกรดเลือด รังนกเกรดเลือด จะมีราคาแพงมาก เพราะรังนกนั้นจะเจือสีแดงของเลือดนก ถามว่าทำไมและคืออะไร เรื่องโหดได้เริ่มที่…..เมื่อนกพ่อแม่ รู้ว่าตัวแม่กำลังจะวางไข่ นกจะขากถุย ออกมาทำรังจนได้รังมา เรียกว่าเมื่อเมียท้องก็รีบสร้างบ้านเพื่อครอบครัว แต่แล้วก็มีคนมาขโมยรังมันไปหน้าด้านๆ นกเหล่านี้ไม่อาจจะไปเรียกร้อง ตำรวจมาจับขโมยได้ ได้แต่ก้มหน้าขากถุย ใหม่ทำรังต่อไป แต่แล้ว...........ชีวิตเศร้ายิ่งกว่าละครหลังข่าวก็เริ่มขึ้น เมื่อโดนคนมาขโมย บ้านไปอีก ทีนี้...ตัวเมียจะเข้าใกล้กำหนดคลอดขึ้นทุกที สิ่งเดียวที่พวกนกทำคือ เริ่มต้นถุยน้ำลายสร้างรังใหม่ และมันก็ถูกขโมยรัง เมื่อทำเสร็จ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนแม่นกต้องออกไข่ เวลานี้ครอบครัวนกต้องเร่งคายเสลดออกมาเพื่อทำรัง ลองนึกแทนว่าถ้า เราต้องขากถุยทั้งวันตลอดสัปดาห์อะไรจะเกิดขึ้น.....นั่นคือเหตุที่ทำให้ เลือดปนออกมากับน้ำลายจนรังกลายเป็นสีแดง ครอบครัวนก หวังเพียงว่าจะมีรังให้ไข่ที่กำลังจะเกิดอยู่รอมร่อ ได้ฟักเป็นตัว โดยไม่รู้เลยว่านี่คือรังที่ราคาแพงที่สุด ที่ต้องโดนเก็บเป็นแน่ เมื่อเสร็จสิ้นทั้งพ่อนกแม่นกจะเสียเลือดมาก และเมื่อรังที่แลกด้วยเลือด นี้โดนเก็บ สิ่งที่ตามมาเสมอ คือ การที่พ่อแม่นก และไข่ในท้องแม่นก นอนตายอยู่ที่พื้นถ้ำ ละครหลังข่าวเรื่องนี้ จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง โดยมนุษย์ที่เป็นตัวเอก หน้าอ่อนกว่าวัย ส่วนตัวประกอบตายตอนจบ ลองนึกภาพพ่อแม่ของเราสร้างบ้านให้ครอบครัว ขณะที่แม่กำลังท้องแก่ จะคลอดเรา และมีคนมายึดบ้านเรา พ่อแม่เราต้องไปสร้างบ้านใหม่ แล้วโดนยึดอีก ต้องสร้างใหม่อีก ครั้งแล้วครั้งเล่า จนพ่อกับแม่ที่ท้องแก่ กระอักเลือด แล้วสุดท้ายโดนยึดบ้านอีก จนสุดท้ายตายทั้งครอบครัว ยังหาละครหลังข่าวเรื่องไหนจะโหดร้ายเท่านี้ไม่ได้เลย ---------------------------------------------------------- from mail forward
่ขอเสริมนิดหน่อยครับจากประสบการณ์ บ้านๆ
ปัจจุบันรังนกแอ่น ราคากิโลละ ประมาณ 800000 บาทครับ(รังคัด)
ส่วนรังแตกหรือรังมุม ราคาจะอยู่ที่ 600000 ครับ
ปัจจุบันในภาคใต้ มีการทำบ้านนกมากมายเลยครับ
สัมประทานรังนก ตามเกาะแก่ง ต่างๆ ก็มีครับ

รังนกแอ่นสีขาวที่ว่าแพง
แต่ถ้ารังมีสีแดง  จะแพงกว่าครับ
สีแดง เป็นสีของเลือดของนกแอ่นครับ 
เมื่อมันทำรังครั้งแรก ยังไม่ทันวางไข่  คนจะไปเก็บรังนี้มาก่อนครับเรียกว่ารังแรกครับ
เมื่อรังโดนเอาไปมันก็ต้องทำรังอีกรอบครับ เรียกว่ารังสอง
คนก็จะเก็บไปอีกครับ   นกก็ต้องทำรังอีกรอบครับเรียกว่ารังสาม จะเริ่มมีสีแดงครับ  จากเลือดของมันนั่นเอง  รังสุดท้ายนี้เค้าจะปล่อยให้นกไข่  ครับ จนลูกนกโต  และจากรัง เค้าถึงเก็บรังสามนี้มาขายครับ


แล้วเราจะมาหาคำตอบกันว่า "รังนกสีแดง" เป็นอย่างไร

จากบันทึกหน้าต่อไปในอนาคตนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมและฝากอะไรไว้บ้าง

ถ้าหากว่ารังเลือดเป็นรังที่มีราคาแพงที่สุด และ เป็นรังที่นกจะต้องทำรังจนมีเลือดปนออกมากับน้ำลายของนก ผมคิดว่าความคิดนี้ไม่ถูกต้องเลยนะครับ เราลองมาดูแนวความคิดนี้ดีไหมครับ

ผมมีข้อสงเกตุที่ท้าทายความคิดของท่านดังนี้ครับ

1.ท่านเคยสังเกตุหรือไม่ว่า รังเลือดที่ว่ามีเป็นสีแดงเรื่อๆอย่างสมำเสมอ ไม่เป็นสีขาวบางช่วง แดงเรื่อบางช่วง แต่จะเป็นสีแดงเรื่อ ตลอดทั้งรัง

ข้อสังเกตุมีดังนี้ครับ หากว่าเป็นเลือดจริง ขอให้ท่านนึกถึงการไหลของเลือดนะครับ เลือดจะต้องมีการหยุดไหล ซึ่งในช่วงที่เลือดหยุดไหลนำลายที่ทำรังจะต้องเป็นสีขาว และ ช่วงที่มีเลือดรังก็จะต้องเป็นสีแดง ถูกต้องไม่ครับ

2.หากว่ารังเลือดเป็นรังที่มาจากเลือดปนน้ำลายนก เนื่องจากเจ้าของบ้านนก หรือ คนที่ทำสัมประทานควรจะเก็นรังขาวให้หมด 2 รอบแล้ว แล้วก็รอให้นกทำรังรอบที่ 3 ซึ่งเป็นรังเลือดหากว่าสมมุติฐานของท่านถูกต้องรังที่เก็บในรอบที่ 3 นี้จะต้องเป็นรังสีแดง ที่มาจากเลือดทั้งหมดทุกๆรังใช่ไหมครับ

ซึ่งในข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นที่ท่านคิดครับ รังเลือดจะรังที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งมีข้อสันนิฐานเนื่องมากจาก

1.รังเลือดเกิดจากอาหารที่นกกินมา หรือ อาจจะมาจากแร่ธาตุที่มีอยู่ในผนังถ้ำ

2.รังเลือดอาจจะเกิดมาจากการผสมพันธุ์ ข้าม species ของนกแอ่นกินรังขาว กับ นกแอ่นกินรังดำ

3.ข้อสมมุติที่ 3นี้ อาจจะเป็นเรื่องของจุลินทรีย์บางชนิดที่ไม่เป็นพิษภัยกับมุนษย์ที่ให้สีแดงในน้ำลายของนก ครับผม

    ซึ่งเรื่องรังนกเลือดนี้ กลุ่มอินโดนิเซีย และ มาเลเซีย กำลังทำการวิจัยอยู่ครับว่าสาเหตุที่มาของรังเลือดเป็นอย่างไรบ้าง

              ขอบพระคุณ ที่ให้แสดงความดิด - สราวุธ

เรื่องรังเลือด

ขอทำความเข้าใจนะครับ จากเหตุผลของหลายๆท่านทำให้มีความเชื่อหลากหลาย

ขออนุญาติ อธิบายดังนี้ครับ เรื่องนี้ต้องเริ่มต้นจากการทราบก่อนว่า

-นกแอ่นเริ่มจะทำรังช่วงเดือนไหน? คำตอบคือประมาณ ปลายเดือนกุมภา-ต้นมีนา รังชุดนี้เรียกว่ารักแรกครับ

-แล้วทราบไหมครับว่านกจะทำรังประมาณกี่วัน? คำตอบคือประมาณ 20 วันครับ

**ทีนี้พอนกสร้างรังแรกเสร็จก็จะมีการเก็บรังชุดนี้ไปครับ

จากนั้นนกก็จะเริ่มสร้างรังชุดที่สอง ประมาณ 20 วัน ก็แล้วเสร็จประมาณปลายเดือนเมษายนครับ

**รังที่สองก็จะมีการเก็บไปเช่นกันครับ

-มาถึงรังที่สามแล้วครับ รังที่สามนี้จะมีการสร้างอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม

-**แล้วเกี่ยวข้องกันยังไง??

ตามสถิติพบว่ารังเลือดมักจะพบมากในรังที่สามนี่ละครับ

-**แล้วเกิดรังเลือดได้อย่างไร

***ก็ในรังที่สามนี้ผู้ได้รับสัมทานจะทิ้งรังนี้ไว้จนแม่นก วางไข่ และรอจนลูกนกบินได้ก่อน จึงจะมีการเก็บครับ ช่วงนี้กินเวลามากว่าสองเดือนครับ

-สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ช่วงที่ว่านี้ยาวนาน และเข้าหน้าฝนแล้วครับ ทีนี้พอฝนตกลงมา พวก อ็อกไซด์ หรือสีของหินตามพนังถ่ำซึ่งเป็นที่อยู่ของนกชนิดนี้ก็จะซึมเข้ามาที่รังพร้อมๆกับน้ำฝนที่ซึมเข้ามาครับ

ฝากข้อความไว้ได้ครับ

ยินดีที่ได้คุยกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท