ผมขอพูดถึง "สังคมพอเพียง " เพื่อไม่เสี่ยงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ของคำบางคำ
ทราบกันทั่วไปแล้วกระมังครับว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ ของประชาชนชาวไทย มันโยงถึงกันหมดด้วยระบบการเงินของประเทศ
ถ้ายังไม่ทราบทั่วกันจงเรียกร้องให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และครูอาจารย์เศรษฐศาสตร์ ทั้งประเทศ ทำKM ให้รู้ทั่วๆกันด้วย
โดยเฉพาะเศรษฐี/มหาเศรษฐี ที่ชอบอ้างว่าฉันมีเงิน พันล้าน/ หมื่นล้าน ฉันจะซื้อรถ เฟอร์ฟารี ราคาคันละ ห้าสิบลัานมาให้ลูกฉันขับ
ชนคนตายบ้าง ชนต้นไม้ตัวเองตายบ้าง มันสมเหตุสมผลกับฐานะ การเงินของฉัน นี่ คุณจนก็อย่ากินเนื้อสเต็กโลละ พันบาทซิ
การใช้ตรรกะดังกล่าวข้างต้นเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และหลักวิชาการเศรษฐศาสตร์
เมื่อเศรษฐีกินใช้ ของนอกราคาแพงมากๆ สะสมเพ็ชรพลอย( ต้องซื้อจากต่างประเทศ ) ขนเงินบาทไทยไปถลุงกับอบายมุข
ที่มาเก๊า ลาสเวกัส ไปเท่ียว ชมหิมะ ซัปโปโร ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ไม่บันยะบันยัง ฯลฯ แล้วทำให้เกิดภาวะ" ฟองสะบู่แตก "
ต้องลดค่าเงินบาท เหมือนเมื่อปี ๒๕๔๐ แล้วไซร้ เงินทุกบาทที่เด็กหญิงชาวสวน เด็กชายชาวนา อดออมไว้ในกระปุกออมสิน ด้วย
ความประหยัดการกินการใช้ ก็พลอยถูกลากตกต่ำด้อยค่าไปด้วย
ผมจึงว่า พอเพียงเพียงบางอย่างมันยังไม่พอครับ ต้อง พอเพียงทางสังคมด้วยครับ " สังคมพอเพียง " กันนะครับจะได้อยู่ทำ
KM กันได้สบายนานๆหน่อย
เรียนท่านอาจารย์ครับ "พอเพียงในสังคม" คงต้องฝึก ฅ ฅน ให้ พอดี และ พอประมาณ สังคมจึงจะพอเพียง กระมังครับ