กิจกรรมประสบการณ์ :
กิจกรรมบริจาคเลือด
สถานที่ : ตึกแปดเหลี่ยม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ความประทับใจในการเข้าร่วมบริจาคเลือด
จากกิจกรรมประสบการณ์ในครั้งนี้
เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้บริจาคเลือด
ก่อนที่จะบริจาคเลือดฉันก็ต้องมาสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมด้านร่างกายหรือไม่ คือ
1. อายุครบ 17 ปี 2. น้ำหนัก 45 กิโลกรัม ขึ้นไป 3. ไม่มีโรคประจำตัว 4. รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินเข้าไปในศูนย์รับบริจาคเลือด ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกแปดเหลี่ยม คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ม.เก่า
ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก
เพื่อนๆที่มาด้วยก็ตื่นเต้นเช่นกัน
เริ่มต้นจากการส่งแบบสอบถามเกี่ยวกับสุภาพที่โต๊ะให้บริการมีเจ้าหน้าที่สอบถาม ลงลายมือชื่อ
และรับ บัตรประจำตัวผู้บริจาคโลหิตพร้อมเข็มกลัด
ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นเมื่อมองไปเห็นถุงเลือดที่ห้อยอยู่ข้างเตียง
และเข็มที่ปักอยู่ที่แขนของผู้ที่มาบริจาคเลือด แต่เมื่อพอขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว
มีเจ้าหน้าที่สูงอายุคนหนึ่งที่มากับหน่วยรับบริจาคเลือดเดินมาพูดคุยกับฉันด้วยสีหน้าวาจาที่โอนโยนและเป็นมิตร
ทำให้ฉันคลายความตื่นเต้นและความกังวลลงได้บ้าง
จากนั้นป้าคนนั้นก็บอกให้ฉันกำลูกยางพลาสติกแล้วคลายออกทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตอนเข็มทิ่มลงไปที่แขนฉันรู้สึกว่ามันไม่เจ็บมากอย่างที่คิด แต่พอมองเลือดตัวเองที่ไหลผ่านสายยางใสๆ
ไปที่ถุงเก็บเลือดทำให้ฉันเกิดปิติ
ที่เลือดของตัวเองเหล่านั้นจะได้นำไปช่วยชีวิตผู้อื่นต่อไป
คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
2. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 70 ปีบริบูรณ์
- ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี
- ถ้าอายุ 17 ปี ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง
- ถ้าอายุ 60-70 ปี ต้องมีหนังสือรับรองจากแพทย์
3. มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบายหรือรับประทานยาใดๆ
4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด
5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา
การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
- นอนหลับให้เพียงพอ ในเวลาปกติคืนก่อนวันบริจาค
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กเพิ่ม
- รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้
- ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณ โลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต
- ไม่มีอาการมึนเมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ หรืออื่นๆ
ขณะบริจาคโลหิต
- สวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว
- เลือกแขนข้างที่เส้นโลหิตดำใหญ่ชัดเจน ที่สามารถให้โลหิตไหลลงถุงได้ดี ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะ ไม่มีผื่นคัน หรือรอยเขียวช้ำ ถ้าแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้แจ้ง เจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า
- ทำตัวตามสบาย อย่ากลัว หรือวิตกกังวล
- ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมขณะบริจาคโลหิต
- ขณะบริจาคควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โลหิตไหลได้สะดวก หากมีอาการ ผิดปกติ เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ต้องรีบแจ้งให้พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้นทราบทันที
- หลังบริจาคโลหิตเสร็จเรียบร้อย ห้ามลุกทันที ให้นอนพักสักครู่จนกระทั่งรู้สึกสบายดี จึงลุกไปดื่มน้ำ และรับประทานอาหารว่างที่จัดไว้รับรอง
หลังบริจาคโลหิต
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากๆ งดใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ รวมถึงการหิ้วของหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังการบริจาคโลหิต
- ถ้ามีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม หรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบนั่งก้มศีรษะต่ำระหว่างเข่า หรือนอนราบยกเท้าสูงจนกระทั่งมีอาการปกติจึงลุกขึ้น และเดินทางกลับ ป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม
- ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล อย่าตกใจ ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อส กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคโลหิตเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
- ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละอย่างน้อย 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก (อ้างอิง : http://www.redcross.or.th สภากาชาดไทย)
|
|
ขอชื่นชมในการทำความดีครับ
ขออนุโมทนาบุญใหญ่ในครั้งครานี้ด้วยครับ