วันนี่นอนวันหลับ ตื่นตั้งแต่ตี 3 ความจริงตื่นตี 3 ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่ว่า5 ทุ่มก็ย้งไม่ยอมหลับน้่นละซิ ในสมองครุ่นคิดแต่งานในโรงเรียน จะพาโรงเรียนให้ไปรอดได้อย่างไร สำหรับปีการศึกษาหน้า วิกฤตการบริหารงานบุคคลที่รอให้เราจัดการ นักเรียนวันนี้มีจำนวน 74 คน กับครูตาม จ.18 มีอยู่ 3 คน โรงเรียนต้องตัดสินใจจ้างครู 2 คน 1 ปีการศึกษาต้องใช้เงินเพื่อการจ้างไม่น้อยกว่า 144,000. บาท ในขณะที่งบประมาณรายหัวๆละ 1,900 บาท คูณ 74 คน คิดดูซิว่าโรงเรียนมีงบประมาณเท่าไหร่ โรงเรียนใช้งบประมาณเพื่อการนี้มากกว่าร้อยละ 85 อีร้อยละ15 ค้องใช้ดำเนินงานใหนจะค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกเดือนๆละไม่น้อยกว่า 1,300 บาท ยังมีจิปาถะที่ต้องจ่าย
ปัญหาการบริหารงานบุคคลระดับประถมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เราติดกับอยู่กับกรอบมากจำนวนครูไหนว่า 20 : ๅ ของโรงเรียนวัดศิลาราย นักเรียน 74 คน ตามกรอบต้องให้ครู 4 คน แล้วปีการศึกษาหน้า หลังสิ้นกันยายน ครูจะเกษียณอีก 1 คน โรงเรียนจะอยู่อย่างไร นั่นหมายถึงว่าโรงเรียนจะมีครูตาม จ.เพียง 2 คน ในขณะเดียวกัน ปีหน้ามีแนวโน้มนักเรียนจะเพิ่มอีกเล๋กน้อย หากโชคดีมีนักเรียนถึง 80 คน ขึ้นไป นั่นหมายถึงดรงเรียนมีสิทธิ์มีครูได้ 5 คน จำนวนห้องต้องเปิดเต็ม คือ 6 ห้อง เข้านะว่าระดับคุมนโยบายถูกคุมด้วยกรอบ กพร. บวกอาการความรุรแรงของความขาดแคลน บางโรงเรียนขาดแคลนมากกว่า
สำหรับวิธีคิดของโรงเรียน
1.ถ้าไม่ให้คน ก็ต้องให้เงินตามกรอบที่โรงเรียนพึงได้ เรียกว่าให้โรงเรียนจ้างครูชั่วคราวปีต่อปีไปก่อน เมื่อไหร่นักเรียนลดต่ำกว่ากรอบ หรือสัดส่วน ก็ตัดงบนี้ไป ต้องอย่าลืมว่า กระจายอำนาจทางการศึกษา กระทรวจคุมหลักเกณฑ์ไว้ คนที่กำกับแทนกระทรวจคือสำนักงานเขตพื้นที่ฯ หากโรงเรียนต้องการงบนี้ไว้ก็ต้องพยายามรักษาจำนวนนี้ไว้หรือพยายามเพิ่มให้มากยิ่งขึัน เพราะนั่นคือ การเติบโต
2.การพิจารณาให้งบประมาณจ้างครูก็ต้องเอาเกณฑ์ว่าโรงเรียนใดมีรายได้สถานศึกษามากน้อยแค่ใหน หลายๆโรงเรียนก็ไม่มีรายได้สถานศึกษาเลย แต่หลายๆโรงเรียนก็มีรายได้สถานศึกษามากมาย บางแห่งเรียกได้ว่าเหลือเฟื้อ จนกลายเป็นแหล่งแวงหาผลประโยชน์เลยก็มี ข้อเท็จจริง ในระดับพื้นที่ หน่วยงานบังคับบัญชาสำนักงานงานเขตพื้นที่สามารถรู้ได้ เรียกว่าบางโรงเรียนสามารถเอาเงินส่วนนี้จุนเจือตัวเองไอ้ แต่บางโรงเรียน จะไม่มีโอกาสอย่างนั้น การพิจารณาจึงต้อง case by case
3. การทำงานของบุคลากร คงไม่ใช่ ต้องการเพียง 2 ขั้น เสมอไป ทุกคน แต่เหนือไปกว่านั่นคือ การที่โรงเรียนเติบโตและมีคุณภาพอยู่คู่ชุมชน สิ่งที่เขาเหล่าต้องการคิอ ขวัญกำลังใจ เขาจะมีความรู้สึกว่า เขาไม่ได้โดดเดี่ยว เดินลุยอยู่แต่ผู้เดียว หน่วยเหนือเห็น และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาให้โรงเรียน อยากเห็นมิติการทำงานที่เชิงสร้างสรรค์ กับบทบาท ที่พอถึงเวลา ก็มาประเมินนั่นประเมินนี้ ฟังรายงานสะท้อนความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคแล้วก็ทุกอย่างก็เหมือนเดิม อย่าให้โรงเรียนบางโรงเขาว่า มาโรงเรียน ฟังรายงาน กินกาแฟ เซ้นต์บันทึก ฯ ไปปัสสาวะ(ไปเยี่ยว) แล้วก็กลับ
4. หลักการบริหาร หากมี Inputs (เติม s เสียด้วยนะ) ที่เพียงพอ โรงเรียนหลายๆโรงเขาบริหารได้ คนที่ตั้งใจทุ่มเทนั้นมีอยู่ แล้วไปกำกับตัว Process และ ตัว Results ไปดู ทั้งOutputs และ Outcomes ดูให้ถึง Impacts เอามิติ BSC มาจับก็ได้ อย่างนี้เป็นไอเดียที่ดีหรือไม่
ผู้เขียนๆสิ่งเหล่านี้ในมุมมองวิชาการ ไม่มีเจตนาว่าใคร แม้ภาษาเป็นภาษาพูด มันไม่ใช่บทความ แต่ต้องการสื่อสารให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ เรียกว่า Share ใช่ไหม
ไม่มีความเห็น