Innocent Man & King of Baking Kim Tak Goo หมอคนเก่ง VS เด็กทำขนมปัง


ต้นเดือนมกราคมอากาศกำลังเย็นสบายๆ เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ช่วงอากาศแบบนี้ของทุกปีเป็นฤดูของการดูหนังของผมเลย ปกติผมจะมีกิจกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำ 4 อย่างด้วยกัน คือ อ่านหนังสือ ดูหนัง ทำสวน และว่ายน้ำ ช่วงหน้าฝนผมจะหมดแรงไปกับการทำสวนเป็นส่วนใหญ่ ช่วงหน้าร้อนผมก็ชอบที่จะไปว่ายน้ำให้เย็นๆใจ พออากาศเริ่มหนาวดินแห้งแข็งทำสวนลำบาก น้ำในสระว่ายน้ำก็เย็นเจี๊ยบ แถมดอกหญ้าที่ผมแพ้รุนแรงก็เบ่งบาน ผมจำเป็นต้องเก็บตัวเองอยู่ในบ้าน ก็จะใช้เวลาช่วงหนาวอันแสนสั้นของเมืองไทยไปกับการอ่านหนังสือและดูหนัง ซึ่งผมขนซื้อสะสมเอาไว้ทั้งปี และจะขนออกมาอ่านมาชมกันในช่วงนี้ เป็นเวลาแห่งการพักผ่อนและสุขสันต์ของผมจริงๆครับ

จากปีก่อนที่บ้าอ่านหนังสือของ Dan Brown ไปหลายเรื่อง ช่วงก่อนหน้าก็ขนดูซีรี่ Hollywood จนตาแฉะ ปีนี้กลับมาดูซีรี่เกาหลีบ้างครับ หลังจากไม่ได้ดูมานานเพราะชักจะเบื่อแนวนี้แล้ว แต่ว่ายังไงก็ยังชอบครับ เพราะบทเขาดีมาก แต่ละคำพูดของตัวละครในหลายๆเรื่องของเกาหลีสะท้อนใจเหลือเกิน และบางทีการได้น้ำตาซึมกับความเจ็บปวดของตัวละครเกาหลีบ้าง มันก็ช่วยให้เรามีสติได้มากขึ้นเวลาที่ตัวเราเองต้องเจ็บปวดเช่นนั้นบ้าง มันเป็นเรื่องจริงนะครับ เราเสียใจไปกับตัวละคร เพราะขณะที่เราดูนั้น เราเหมือนกำลังจินตนาการว่าเป็นตัวละครนั้น ฉะนั้นประสบการณ์ของตัวละคร มันก็จะกลายเป็นของเราเฉกเช่นกัน การหล่อหลอมผู้คนผ่านการ์ตูน ละคร หนัง นั้นอเมริกาและญี่ปุ่นใช้เพื่อการสร้างชาติมาแล้ว และกำลังเกิดในเกาหลีด้วยเช่นกัน

เมื่อวานนี้ผมทานข้าวกับเพื่อน และเขาถามผมว่าอยู่กรุงเทพดีๆกลับมาอยู่บ้านนอกทำไม ผมก็ตอบไปว่า "คงเจ็บปวดจากความรักมั้ง" เพื่อนผมก็ว่าถ้าเป็นเค้าจะไม่ทำอะไรแบบนั้น ตัวเค้าหย่ากับสามีไปก็ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด ผมบอกบอกเค้าว่า "เพราะแกไม่ได้รักกัน "รัก" มันไม่ง่ายและฉลาดแบบนั้นหรอก" แต่เพื่อนผมก็ยืนยันว่าเค้ารักกัน แต่เค้าฉลาดพอที่จะมีความสุขได้ไม่ทุกไปกับคนที่ทรยศต่อเค้า ผมเล่าให้เพื่อนฟังว่า ตั้งแต่เด็กผมมีแฟนหลายคน และผมก็คิดว่าทั้งหมดนั้นคือความรัก และรักของผมก็เป็นรักแบบฉลาดๆ ตอนน้าสาวผมหนีออกไปจากบ้าน หนีจากผู้ชายดีๆมีอนาคตไปหาผู้ชายเลวๆที่เขารักสุดหัวใจ ผมเคยปรามาทว่ารักของน้าสาวเป็นเรื่องโง่ๆ ส่วนรักฉลาดๆของผมมันเป็นเรื่องของเหตุและผล แต่วันหนึ่งผมก็พบใครคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมเข้าใจเรื่องราวในหนังในละครและบทประพันธ์ต่างๆนานาที่ผมสรุปไปเองว่าน้ำเน่าเพ้อเจ้อ และพบว่าจริงๆแล้ว ผมไม่ได้รู้จักความรักเลย มันหอมหวานเมื่อได้ลิ้มลองแล้วก็ยากจะอดใจได้ แต่ก็เจ็บปวดเมื่อไม่ได้ลิ้มรสอีก คือกุหลาบหอมกรุ่นที่มีหนามแหลม คือสิ่งต่างๆที่กวีทุกยุคทุกสมัยได้พร่ำพรรณนา เพื่อนผมทำท่าไม่เข้าใจและคงเอือมในความไม่เข้าใจอะไรของผมจนไม่อยากจะพูดต่อ แต่ผมว่าต่อ “ "ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็ยังอิ่มใจว่าฉันมีคนที่ฉันรัก" ประโยคนี้คุณหญิงกีรติพูดเอาไว้ในเรื่อง "ข้างหลังภาพ" เธอพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรักเพียงได้พบเจอกันในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยเหตุผลมากมาย เธอไม่ควรรักชายคนนั้น แต่เธอก็ "รัก" และเจ็บปวดไปกับมัน และเธอก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าย้อนเวลาไปได้ เธอก็จะยังคงเลือกที่จะมีความรักที่เจ็บปวดนั้นเช่นเดิม เชื่อเถอะนะ ถ้าแกมีเหตุผลที่จะรักและใช้เหตุผลเพื่อจากลา มันไม่ใช่ความรักที่ใครๆก็ต่างกล่าวถึงหรอก เพราะความรักก็เป็นเช่นที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า ความรักนั้นเป็นกิเลสที่ทำให้ "โง่" และความโง่ก็คือไม่มีเหตุผล”

เรื่องรักโง่ๆที่ผมคุยกับเพื่อนทำให้นึกถึงซีรี่เกาหลีสองเรื่องที่เพิ่งดูจบไปเมื่อคืนนี้เอง ซีรี่สองเรื่องนี้อบอวลไปด้วยความรัก ทั้งรักของหนุ่มสาวที่ผมพูดถึง และความรักผูกพันของเพื่อนและครอบครัวซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก แต่ซีรี่สองเรืองที่ผมจะเล่านี้ เหมือนกันยังกับลอกพร๊อตเรื่องกันมาเลย อย่างนี้มั้งครับละครเกาหลีถึงเริ่มอิ่มตัว แต่ไงก็สนุกอยู่ดีนะครับ ใครชอบก็หาดูเอานะ

เรื่องแรกที่จะเล่า (มันสปอยนะครับ ใครอยากลุ้นก็อย่าเผลอมาอ่านเลย) คือ Innocent Man โศกนาฏกรรมของ Kong Ma Roo ชายหนุ่มที่เกิดมีชีวิตในชุมชนแออัด เป็นคนที่แสนดี ฉลาด และรูปงามเหมือนเทพบุตร แม่ตาย พ่อเป็นโรคหัวใจ และมีน้องสาวต่างแม่ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีความไฝ่ฝันเดียวคือการเป็นแพทย์ในอนาคต ระหว่างเป็นนักเรียนแพทย์อนาคตไกล Han Jae Hee พี่สาวข้างบ้านที่เขาหลงรักสุดหัวใจได้พลั้งมือฆ่าคนตาย เค้ารับผิดแทนเธอและต้องโทษในสถานกักกันเยาวชน 5 ปี หมดอนาคตการเป็นแพทย์ พ่อก็เสียใจจนตาย พ้นโทษออกมาก็ไม่สามารถทำงานดีๆได้ น้องสาวก็จำเป็นต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก สุดท้ายก็หากินกับหญิงสาวที่เข้ามาติดพัน ต้องเอาร่างกายแรกกับเงิน Han Jae Hee ที่ทิ้งเขาไปแต่งงานกับมหาเศรษฐี แค่นี้ก็เศร้าแย่แล้วนะครับ Kong Ma Roo ได้พบกับคนรักเก่าอีกครั้งก็ถูกเธอยัดข้อกล่าวหาในคดีอาญาเพื่อเอาตัวเองให้รอดอีก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เอาชนะกันของ Kong Ma Roo และ Han Jae Hee โดยมี Seo Eun Gi ลูกเลี้ยงของ Han Jae Hee เป็นตัวกลางในการต่อสู้ และเธอก็เป็นรักครั้งใหม่ของ Kong Ma Roo

ซีรี่เรื่องนี้ตอกย้ำความจริงของความรักที่ทำให้คนเราทำอะไรโง่ๆลงไปได้อย่างชัดเจน เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า แต่ก็จบได้สวยงามด้วยการเข้าใจ สำนึก และให้อภัย

มีหลายฉากที่สะเทือนอารมณ์ผมมาก เช่นฉาก Han Jae Hee คุยกับเพื่อนของ Kong Ma Roo และได้รับทราบว่าชีวิตหลังออกจากคุกของ Han Jae Hee นั้นพินาจย่อยยับขนาดไหนหลังจากที่ต้องติดคุกแทนเธอ เพราะในใจของ Han Jae Hee นั้นยังไง Kong Ma Roo ก็คือสิ่งสำคัญและมีค่าที่สุดในชีวิตเธอ

ฉากที่ Kong Ma Roo พบกับ Han Jae Hee ในห้องสอบสวนเพื่อทราบว่าเธอมาให้ปากคำกล่าวหาว่าเขาข่มขู่เธอ ในขณะที่เขากำลังเข้าใจว่าเธอพยายามจะบอกให้เขาหายไปจากชีวิตเธอ และเขาก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้น และข้อกล่าวหานั้นเป็นเรื่องที่กุขึ้นทั้งหมด เอาใจของตัวละครมาใส่ใจตัวเองแล้วถ้าเป็นผมคงล้มทั้งยืนละครับ ไม่ว่าใจของ Han Jae Hee ที่จำเป็นต้องกล่าวหา Kong Ma Roo ที่เธอรักเพื่อความอยู่รอด และหัวใจแหลกสลายของ Kong Ma Roo เมื่อรู้ว่าคนที่ตนรักและสละให้ได้ทุกอย่างกำลังจะทำลายตน

ฉากที่ Seo Eun Gi คนรักใหม่ของ Kong Ma Roo ที่ศูนย์เสียความจำ จำได้ว่าเธอนั้นเองพยายามจะฆ่า Kong Ma Roo ที่เธอรักด้วยการจบชีวิตไปด้วยกัน ซึ่งส่วนนั้นเป็นตอนที่หายไปของของซีรี่ เก็บเอาไว้ให้ผู้ชมคิดเอาเอง และคนดูก็จะช๊อกตามไปกับคำเฉยนั้นด้วย และก็จะเข้าใจตัวละครด้วยว่า ทำไม Seo Eun Gi จึงพยามเก็บความทรงจำส่วนนั้นไว้ในส่วนลึกที่สุด โดยจิตใต้สำนึกไม่อยากจะจดจำมันได้อีก

ฉากสุดท้ายที่ผมเจ็บปวดไปกับตัวละคร ก็คือฉากที่ Kong Ma Roo พบกับ Han Jae Hee หลังจากแน่ใจแล้วว่า Seo Eun Gi ตัดใจจากเขาแล้ว เพื่อบอกว่าเขาจะไปแล้วจากทุกคน และจะจบเรื่องอยุติธรรมที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆกับการลาก Han Jae Hee ลงจากที่ที่ควรเป็นของ Seo Eun Gi ด้วย

Han Jae Hee "เรามาตายไปพร้อมๆกันเถอะ ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็ตกนรกด้วยกัน คนเราจะอยู่โดยปราศจากความรักได้อย่างไร ในชาตินี้หยุดมันเสียเถอะ" Kong Ma Roo "ถ้าอยากตายก็ตายไปคนเดียว ผมไม่อยากตาย ทำไมผมต้องตาย ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงไม่มีความรักผมก็ยังอยู่ได้ ก็ใช่ว่าผมอยากได้อะไรก็ได้ดังใจอยู่แล้วนี่ ตลอดชีวิตไม่เคยเลยสักครั้ง ผมไม่เคยคิดจะโลภหรือเห็นแก่ตัว สิ่งที่ผมอยากทำ สิ่งที่ผมต้องการ ทุกสิ่งที่ผมปราถนา ผมเคยได้อะไรสักอย่างไหม ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิต ไม่มีรักผมก็อยู่ได้ ผมอยู่ของผมได้ ทำไมต้องมีชีวิตเหมือนอยู่ในนรกด้วยล่ะ ผมจะไม่ตายแน่นอน"

ฉากสั้นๆครับ แต่คำพูดของ Kong Ma Roo เป็นการระบายความคับข้องใจทั้งหมดของเขาออกมา ทำให้เข้าใจความเจ็บปวดของ Kong Ma Roo จากเด็กผู้ชายแสนดี อบอุ่น และเมตตา กลับถูกหลอกลวงทำลายล้างจนแทบจะไม่มีที่ยืน คนที่ไม่เคยสมหวังอะไรสักอย่าง การขาดอะไรไปมันก็เลยไม่สำคัญ ในเมื่อเขาก็ไม่เคยมีมันอยู่แล้ว

     

ฟังเรื่องหนักๆของ Kong Ma Roo ไปแล้ว มาต่อด้วยเรื่องสนุกๆของ Kim Tak Goo กันบ้างครับ แต่เอ...สนุกรึเปล่านี่สิ ตัวละครเป็นคนสนุกมองโลกในแง่ดี เรื่องราวเลยตลกไม่เครียสมาก แต่ว่า... ก็เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตที่เจ็บปวดไม่แพ้กันเลย เพียงแต่ชีวิตวัยเด็กของ Kim Tak Goo นั้นได้รับความรักจากแม่อย่างเต็มเปี่ยม หัวใจที่อบอวลด้วยรักของแม่จึงแข็งแรงมากพอจะยิ้มให้โลกได้มากกว่า Kong Ma Roo ที่ขาดรักมาตั้งแต่เด็ก

Kim Tak Goo เกิดจากแม่ที่เป็นเด็กในอุปการะของเจ้าของธุรกิจขนมปัง และถูกปองร้ายจากคุณนายใหญ่จนแม่ลูกต้องหนีตายไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แต่สุดท้ายก็ยังถูกตามล่าไม่หยุดจนแม่ของ Kim Tak Goo ตัดสินใจส่งลูกเข้าถ้ำเสือกลับไปอยู่กับพ่อของเค้า ทำให้คุณนายใหญ่พยายามกำจัดสองแม่ลูกจนแม่ของ Kim Tak Goo หายสาบสูญ และตัวเค้าเองก็ถูกจับไปขายเป็นเด็กเรือ แต่ก็หนีรอดมาได้ โดยใช้ชีวิตเร่ร่อนเดินทางตามหาแม่ สุดท้ายวาสนาได้เป็นลูกศิษของปรจารย์ขนมปัง และวาสนาพาให้ต้องมาแข่งขันกับน้องชายซึ่งเป็นลูกของคุณนายใหญ่ ซึ่งรังเกียจ Kim Tak Goo ยิ่งนัก และยังทำให้คนรักของเค้าต้องตีจากไปหาอนาคตที่ดีกว่า

สุดท้ายหัวใจที่ไม่เคยหวังอะไรมากกว่าการได้พบแม่ของ Kim Tak Goo และการให้อภัยกับทุกคนที่ทำลายชีวิตของเค้า ก็สามารถเปลี่ยนศตรูให้เป็นมิตร การเริ่มต้นและสิ้นสุดของเรื่องราวเหมือน Kong Ma Roo ไม่มีผิด

สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าซีรี่สองเรื่องนี้แตกต่างจากละครรุ่นเก่าๆก็คือ ความพยายามเข้าใจในผู้คน ด้วยความเชื่อที่ว่าทุกคนเป็นคนดี หรือพยายามจะเป็น แต่ประสบการณ์นั้นเป็นเบ้าหลอมที่สามารถเปลี่ยนคนได้ และเราสามารถหาจุดจบจากความขัดแย้งได้ด้วยความเข้าใจ ยอมรับ และให้อภัย ซึ่งละครเก่าๆมักจะมองคนเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ไม่ดีก็ต้องเลวสุดๆไปเลย วลีที่ว่า "แก้แค้นสิบปีไม่สาย" จึงติดหูเรามาจนทุกวันนี้ แต่ไม่ใช่กับ Kong Ma Roo และ Kim Tak Goo ที่พยามบอกเราว่า ถึงแม้เราจะชนะในการต่อสู้แก้แค้นแย่งชิง ก็ไม่อาจทำให้เรามีความสุขได้เลย เพราะสุดท้ายคุณก็จะไม่เหลือใคร แม้แต่คนที่คุณรัก และเหนือสิ่งอื่นใด ซีรี่สองเรื่องนี้ คงทำให้เราหวั่นเกรงในพลังอำนาจที่น่ากลัวของความรัก สิ่งสวยงามที่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ดวงตาของเรามืดบอด


หมายเลขบันทึก: 516540เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2013 09:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2013 09:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท