ความจริง ของนโยบายรถคันแรก


เผยสถิติการจดทะเบียนรถใหม่(ป้ายแดง)ทั่วประเทศในปี กรมการขนส่งทาง
ระหว่างเดือนมกราคม -กรกฎาคม 2554 มีรถใหม่ (ป้ายแดง) จดทะเบียนทั่วประเทศจำนวน 1,835,884 คัน หรือเฉลี่ยเดือนละกว่า 2.6 แสนคัน ซึ่งเปรียบเทียบกับระหว่างเดือนมกราคม -กรกฎาคม 2555 มีรถใหม่ (ป้ายแดง) จดทะเบียนทั่วประเทศจำนวน 2,123,686 เฉลี่ยเดือนละกว่า 3.03 แสนคัน

เมื่อมามองดูเงินที่รัฐต้องจ่ายออกเพื่อคืนภาษีรถคันแรก

สำหรับราคารถยนต์และอัตราภาษีของรถยนต์ประเภทต่างๆ ในท้องตลาด เมื่อคิดเป็นสัดส่วนเงินภาษีที่จะได้รับคืน 

พบว่า 
- รถอีโคคาร์ ราคาประมาณคันละ 3.75-5.4 แสนบาท เก็บภาษี 17% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 45,000 บาท 
- รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (ไม่เกิน 1,500 ซีซี) ราคาประมาณคันละ 5-7 แสนบาท เก็บภาษี 25% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท 
- รถกระบะ 2 ประตู ราคาประมาณคันละ 3-5 แสนบาท เก็บภาษี 3% ผู้ซื้อจะได้รับเงินเฉลี่ย 10,000 บาท 
- รถกระบะ 4 ประตู ราคาประมาณคันละ 7-8 แสนบาท เก็บภาษี 12% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 60,000 บาท

ผู้อ่านลองคิดเป็นเงินดูก็ได้ครับ เอาคร่าวๆ ว่ารัฐต้องเสีย เงินเท่าไหร่
และเมื่อคิดตาม ควาามคิดพื้นฐานของมนุษย์ปุถุชน 

เมื่อรถมากขึ้น การใช้พลังงานก็มากขึ้น (เพราะรถต้องใช้น้ำมัน และแก๊สไม่ได้ใช้น้ำเปล่า หรือแสงอาทิตย์)

เมื่อความต้องการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เชื้อเพลิง ก็จะสามารถดีด ราคาขึ้นได้เนื่องจาก ความต้องการใช้มีมากกว่าของ

และเมื่อ ราคาน้ำมัน และแก๊ส สูง ขึ้น ท่านคิดว่า ใครจะได้ผลประโยชน์การเหตุการณ์ครั้งนี้ครับ คิดเอาเอง

ขอขอบคุณข้อมูล สถิติการจดทะเบียนรถใหม่ ป้ายแดง จากกรมการขนส่งทางบกครับ...

หมายเลขบันทึก: 515219เขียนเมื่อ 5 มกราคม 2013 14:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม 2013 14:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

กลับทำให้เราใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น ส่งผลเสียต่อโลกอย่างมาก 
แล้วนโยบายนี้มีข้อดีอย่างไรกัน

ปล. คุณไม่ยุ่งกับการเมือง แต่การเมืองจะมายุ่งกับคุณ

ผมเห็นด้วยครับ

ประชานิยมนี้ ... เกิดผลกระทบระยะยาวและทำลายสังคมหลายด้าน

ขอบคุณครับ ;)...

รัฐบาลนี้ มักใช้เงินแก้ปัญหา.. ส่งผลให้..

ขอบคุณทุกท่าที่แสดงความคิดเห็นนะครับ คุณกมลชนก สุวรรณจินดา คุณ Wasawat Deemarn และคุณkunrapee จริงแล้วตัวผมไม่ผักใผ่การเมืองฝ่ายใด แต่ที่แสดงให้เห็นนั้น เพียงแต่คิดว่า การจะพัฒนาให้คนทัดเทียมนั้นควรพัฒนาที่ การใช้ชีวิตพื้นฐาน การมีการศึกษาที่เท่าเทียม ความคิดเท่าเทียม รายได้ที่ตามเหตุตามผล ไม่ใช่เอาเงินมาเป็นตัวตั้ง ใช้ความอยากมีอยากได้ของคน สร้างผลประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง และกลับมาทำร้ายประชาชนอย่างสาหัส ด้วยการเพิ่มหนี้สินให้แก่พวกเขา ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่ว่าจะทำให้คนอยู่สบายขึ้นกลับลำบากกว่าเดิม เพราะเมื่อค่าแรงขึ้น ค่าครองชีพก็สูงขึ้นด้วย อาทิ ผมเคยทานข้าวแกง จานละ 10 บาท ทุกวันนี้ 35 บาทเคยเติมน้ำมัน ดีเซล ลิตรละ 8 บาท ตอนนี้ 29.91 เบนซิน 91 ลิตร ละ 11-12 บาท ทุกวันนี้ เลิกผลิต เพราะราคาปาเข้าไป 40 บาทกว่า ถามว่าอย่างนี้แล้ว ประชาชนจะอยู่สุขสบายได่อย่างไร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท