ไขปัญหาบั้งไฟพญานาค...ขอค้านอจ.จุฬา


ไขปัญหาบั้งไฟพญานาค

สองเดือนก่อนนี้  มีอจ. จุฬา  ออกมาแถลงว่า  บั้งไฟพญานาค  เกิดจากคนลาวยิงปืนฉลองวันออกพรรษา  ออกทีวีดังกระหึ่มไปทั่วประเทศ

  ส่วนผม เสนอทฤษฎีแตกต่างมาทุกปี  แต่ไม่ได้ออกอากาศ.... แม้วิทยุชุมชนเสื้อแดง  (อิอิ เป็นครูบ้านนอกก็อย่างนี้แหละ  ด้อยโอกาสกว่าเขา  ต้องยอมรับสภาพ) 

ผมถามง่ายๆ ว่า ยิงปืนอะไรมันจะเป็นลูกไฟลอยขึ้นช้าๆ ที่ผิวน้ำ แบบลูกโป่ง  ...แต่มันมีความเป็นไปได้ว่ามีคนลาวยิงปืนอยู่เหมือนกัน (พวกเมา คะนอง แล้วยิงเล่น) แล้วยิงปืนแบบนี้มันจะไม่ได้ยินเสียงเลยหรือ แม่น้ำโขงกว้างเพียงประมาณ 1 กม. และโล่งแจ้งปานนั้น

การที่อ.จุฬาฯออกมาแสดงคห. เช่นนี้ ลึกๆ แล้ว ผมเชื่อว่า ต้องการบอกว่า คนไทยโง่  ไม่ฉลาดเหมือนฝรั่ง ที่ข้าฯ ไปศึกษาจนจบป.เอกมา นี่คืออาการปกติของนักวิชาการไทย ไม่ว่าอยู่ม.ไหนก็ตาม ยิ่งจุฬาก็ยิ่งไปกันใหญ่เป็นธรรมดา เพราะท่านมีอคติต่อความเชื่องมงายของคนไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เรื่องบั้งไฟพญานาคในแม่น้ำโขง ผมขอเสนอทฤษฎีดังนี้ (เสนอไว้ทุกปีเป็นประจำ ตั้งแต่เมื่อประมาณ พศ. ๒๕๔๕ )

มีปลาขนาดใหญ่(น่าจะเป็นปลาไหลยักษ์)จำศีลอยู่ใต้ดินท้องแม่น้ำทั้งปี จะออกจากจำศีลก็เฉพาะในวันเพ็ญเดือน 11 พอดี .....ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีสัตว์น้ำหลายชนิดที่มาชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกันเพียงปีละ 1 วันโดยยึดหลักจันทรคติ  (พวกเขามีประสาทที่สัมผัสแรงดึงดูดโลกได้) และปลาไหลก็สามารถอยู่ใต้ดินได้เป็นปีอยู่แล้วตามปกติ


เมื่อออกมาจากจำศีลใต้ดินก็หายใจออก (เรอ) เป็นครั้งแรก เพื่อคายแก๊สที่สะสมไว้ในท้องเป็นเวลาหนึ่งปีออกมา แก๊สนี้เกิดจากอาหารที่กินเข้าไปแล้วหมักไว้หนึ่งปีเต็ม แล้วแก๊สนี้ก็ลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ พอผสมกับอากาศก็เกิดการเผาไหม้

แสดงว่าแก๊สนี้ไม่ใช่แก๊สมีเทน (CH_4 ธรรมดา) เพราะแก๊สมีเทนจะไม่ติดไฟที่อุณหภูมิบรรยากาศปกติ แต่เป็นแก๊สที่ไวไฟกว่านั้นมาก.. ที่คงมีอนุมูลอิสระที่ไวไฟปนอยู่มากจนเกิดการสันดาป (เผาไหม้) เริ่มต้นด้วยตนเองได้ที่อุณหภูมิบรรยากาศ  (เช่นอาจเป็น พวกอนุมูลอิสระ ของ H CO OH เป็นต้น หรือแม้แต่อะไรที่ไวไฟกว่านี้ ซึ่งนักเคมีน่าจะลองศึกษากันดู  ในระบบวิทยาศาสตร์ฝรั่งก็มีคำว่า ambient combustion, auto ignition  ..การเผาไหม้ในสภาวะธรรมดาของบรรยากาศ โดยไม่ต้องมีประกายไฟเริ่มต้น)

เผอิญเรื่องนี้ไปพ้องกับหนังสือที่ผมเคยอ่านไว้นานมากแต่สมัยเป็นหนุ่มแล้ว  เป็นอัตตชีวประวัติของพระธุดงค์รูปหนึ่ง (ลืมชื่อท่านไปแล้ว) ปักกลดอยู่ริมโขง วันหนึ่งท่านได้กลิ่นคาวมากๆ จากระยะไกล จึงไปสำรวจดู พบว่าเป็นกลิ่นมาจากปลาไหลยักษ์ที่เลื้อยออกมาจากรูริมน้ำโขง มีขนาดยาวสัก 3 วา (ก็ขนาดงูเหลือมยักษ์นั่นเอง) มีหลายตัวมาก แต่ละตัวมีสีเหลือบแวววาวหลากหลายสี ท่านเล่าไว้อย่างนั้น โดยบริบทที่เล่าไม่เกี่ยวกับบั้งไฟพญานาคแต่ประการใด

ผมเลยลองเอาปลาไหลยักษ์ที่ว่ามาเชื่อมกับบั้งไฟพญานาคดู

มีปลาบางชนิดสามารถอยู่ใต้น้ำได้ตลอดกาลโดยไม่ต้องโผล่มาหายใจ โดยสามารถดูดออกซิเจนเอาได้จากน้ำนั่นเอง นับเป็นวิวัฒนาการที่แปลกประหลาดพอสมควร



ปลาไหลยักษ์ที่ว่านี้อาจโผล่ออกมาจากใต้ดินปีละครั้งและหากินอยู่ใต้ท้องแม่น้ำโขงโดยไม่โผล่ขึ้นมาให้ใครจับได้เลย เขากำหนดว่าต้องโผล่จากใต้ดินมาในวันเพ็ญเดือน 11 เท่านั้นด้วยเหตุผลต่างๆนานาที่สุดเดา อาจเป็นว่า


1. เป็นช่วงน้ำลึกมาก ทำให้ปลอดภัยต่อการถูกล่า

2. เป็นช่วงเวลาที่มีอาหาร เช่น ปลาเล็กๆให้กินมาก (ปลาเล็กๆหลายชนิดก็มีพฤติกรรมมาชุมนุมปีละครั้งเช่นเดียวกัน โดยยึดหลักจันทรคติ ปลาไหลยักษ์ท่านก็เลย timing มาให้เวลาตรงกันเสียเลย เช่น เสือก็จะ timing ให้ออกลูกในยามที่มีกวางมากนั่นแหละ เพื่อจะหาอาหารมาเป็นนมให้ลูกดื่มกินได้ง่าย) พอปลาไหลยักษ์กินปลาเล็กเสร็จ ก็ผสมพันธุ์  แล้วดิ่งลงใต้บาดาลต่ออีกหนึ่งปี เพื่อวางไข่ จำศีล


ท่านไม่ต้องดูไกล ปลาไหลที่เราเอามาแกงกินก็จำศีลใต้ดินเกือบทั้งปีตลอดฤดูอยู่แล้ว  พอฝนตกมีน้ำลึกก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นหรอก ชอบอยู่แต่ก้นบึงเท่านั้น ไม่ออกมาหายใจให้เห็นด้วย เอาเบ็ดไปตกก็ไม่ได้กินเขาหรอก เพราะเขาหากินที่ก้นน้ำเท่านั้น แต่คนอีสานเขาเก่ง รู้นิสัยปลาไหลดี ก็เอา”ลัน”ไปดัก โดยต้องเอาหินถ่วงให้ปากลันอยู่ติดก้นหนองน้ำ เอาหอยโข่งทุบไว้ส่งกลิ่นไปล่อให้ปลาเข้าลัน  

สัตว์น้ำจำนวนมากออกมาชุมนุมกันปีละครั้งตามจันทรคติ วันเดียวกันทุกปี เช่น เต่าทะเลมาวางไข่  แมงดาทะเล  ปลาแซลม่อน ปลา(อะไรนะ)ทางภาคใต้ของเรา(เห็นทีวีไปถ่ายทำอยู่)  สัตว์บกบางชนิดก็ชุมนุมกันปีละครั้งโดยมิได้นัดหมาย เช่น กบ แมงดา แมงเม่า จั๊กจั่น จั๊กจั่นบางชนิดมาชุมนุมกัน ๑๗ ปีต่อครั้งวันเดียวกันเป๊ะเลย ประหลาดจริง จำได้ไง


ดูเหมือนว่าคนไทยก็มักชอบชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายในเดือนตุลานะครับ :-)

………….คนถางทาง (๒๖ ธค. ๒๕๕๕) 

หมายเลขบันทึก: 514101เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2012 04:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม 2012 04:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

กฏของธรรมชาติ ที่มนุษย์อย่างเราสามารถรู้ได้


ทฤษฏีนี้ฟังแล้วก็น่าจะเป็นไปได้นะครับมีเหตุผลไปในทางของอาจารณ์อยู่บ้าง บางทีคนเราอาจคาดไม่ถึงก็ได้ บางครั้งความคิดเห็นของนักวิชาการดังๆก็ใช่ว่าจะเชื่อได้เสมอดูอย่างพวกคนที่มีไอคิวสูงๆประมาณ 200  ขึ้นไปตามที่อ่านเจอนะครับ พวกนี้ก้อมีแต่หาข้อตำหนิเหล่าทฤษฎีต่างๆของบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่เขาได้ศึกษาไว้ ว่าผิดอย่างโง้นอย่างงี้ แต่ตัวเองกลับไม่สร้างสรรค์อะไรเลยมีแต่ตำหนิเขาไปวันๆ ทั้งที่ทฤษฎีเหล่านี้ได้สร้างสรรค์โลกของเราให้เจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้แล้ว  ผมว่าอาจารย์น่าจะศึกษาแล้วแต่แผ่ทฤษฎีของอาจารย์ ให้คนได้รู้แจ้งซักทีนะครับ..............................ผมเอาใจช่วย จะได้รู้ว่าคนอีสานเราไม่ได้งมงาย 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท