499. "วันที่ฉันตาย..แล้วเกิดใหม่"


ประสบการณ์การบวชสามเดือนของข้าพเจ้าที่วัดป่าธรรมอุทยาน จังหวัดขอนแก่น ตอนที่ 9

วันนี้เป็นวันโลกแตกตามปฎิทินมายา ตามที่ใครหลายๆคนทั่วโลกพากันคิดคำนวนไว้ ถ้าคุณยังเจอข้อความนี้ และยังอ่านมันได้ แสดงว่าโลกยังอยู่ครับ ว่าไปน่าตื่นเต้นมากนะครับ เพราะนอกจากจะเป็นปีโลกแตก ซึ่งเดี๋ยวก็รู้ว่าจะแตกหรือไม่ แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ผมตื่นเต้นมากๆ กับชีวิต เพียงเหตุการณ์เดียว มีอีกเหตุการณ์หนึ่งครับคือ พุทธชยันตี 2,600 ปี หรือเป็นเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าประกาศชัยชนะ นั่นคือการอุบัติขึ้นของพระพุทธศาสนา ปีนี้ผมเลยถือเป็นปีที่ผมต้องบวชครับ แล้วผมก็ไปบวชที่วัดป่าธรรมอุทยาน หรือวัดหลวงพ่อกล้วย จังหวัดขอนแก่น


ในมุมมองของคนทำ Appreciative Inquiry เราจะตั้งข้อสังเกตดีๆ เพื่อค้นหาประสบการณ์ที่ดีที่สุดครับ ประสบการณ์ที่ดีที่สุดตอนหนึ่งของผม คือพอผมบวชแล้ว บังเอิญมีโอกาสเดินสวนทางกับหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเมตตาสอนให้ครับ  ท่านบอกให้ผมดับสัญญาครับ เพราะผมเป็นนักวิชาการ อ่านมากสัญญาเยอะ มันปรุงแต่งเยอะมากๆ หลับตามเมื่อไหร่เป็นคิด คิดไปเรื่อยปรุงแต่งไปเรื่อย ผมก็พยายามดับครับ หลวงพ่อบอกว่าถ้าไม่ดับ มันก็กลายเป็นเชื้อ เราต้องทำให้มันอ่อนกำลังลงก่อน ตอนแรกๆก็ดับไม่ทัน ก็มีโอกาสฟังท่านเทศน์ ก็พบว่าสติไม่พอ มันไม่ทันกัน เราก็ต้องฝึกกายฝึกใจไปด้วย คือทั้งลมหายใจ และกาย ลมหายใจก็ให้รู้สึกว่ามันเข้าออก หากเคลื่อนไหวก็มาดูอะไรที่ชัดที่สุด เช่นถ้ากายเด่นก็ดูกาย ลมหายใจเด่นก็ดูลมหายใจ ความคิดถ้าเกิดก็พยายามดับ ตอนแรกก็จะดับได้ที่ปลายก่อน ต่อมาก็ดับที่ตรงกลาง ที่สุดก็ดับตอนมันจะเกิด

ระยะแรกๆลำบากมากๆครับ แต่ก็เริ่มเห็นครับ ว่าอะไรมีอิทธิพลครอบงำเรา สัปดาห์แรกจะเห็น “ชุดความจำ” (ศาสนาพุทธเราเรียกว่า “สัญญา”) ของเหตุการณ์หนึ่งที่มันเด่นมากๆ เช่นเคยไปทะเลาะกับใครไว้ เหตุการณ์นั้นมันจะเข้ามาในใจเราให้เราเห็นแล้วก็ผลักให้เราคิดต่อ จินตนาการต่อ ไปในทางที่ส่วนใหญ่จะลบลงลบลง เรียกว่าให้ได้ “เครียด หรือทุกข์ หรือกังวล” ประมาณว่า “ไม่น่าเร๊ย ไม่น่าให้เกิดเหตุการณ์หยั่งนี้เลย” มันจะเข้ามาวนเวียน

พอฝึกสติ ฝึกดับความคิด มันก็เริ่มทันครับ จากปลาย มากลาง มาต้น คราวนี้ถึงขั้นยังไม่ทันจะปรุง หรือคิดแค่มันจะก่อตัว ก็ดับไปเองเลย น่ามหัศจรรย์มาก พอ “ชุดความจำ” ชุดแรกหมด สัปดาห์ที่สองก็จะมี “ชุดความจำ” อีกตัวเข้ามาสร้างปัญหาให้จิตใจเราครับ ก็เช่นเดิมดูกาย ดูลมหายใจ แล้วย้อนมาดูความคิด มันก็เริ่มดับจากปลาย จากกลางมาหาต้น  สัปดาห์ถัดไปก็จะมีอะไรเด่นๆ ขึ้นมาให้เราตามรู้อีกครับ แล้วมันก็ดับ


Credit ภาพ: http://www.webexhibits.org/calendars/calendar-mayan.html

สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ หลังจากนั้นความทุกข์เรามั่นเริ่มคลาย  มันเป็นผมจากการดับ การรู้เท่าทัน “ชุดความคิด” ที่มันเคยหลอกหลอนเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีๆ เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้หรือหลายๆปีก่อน โดยเฉลี่ยนการคลายใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ต่อหนึ่งเรื่องครับ ตอนหลังก็เร็วขึ้น น่าแปลกพอมองย้อนกลับไป “ชุดความจำ” ที่อยู่เบื้องหลัง “พฤติกรรม” ต่างๆ ในอดีต ที่ส่งผลให้เกิด “กรรม” (หรือการกระทำ) ทั้งในเชิงสร้างสรรค์ หรือหายนะ (เป็นส่วนใหญ่-คือแม้สร้างสรรค์ แต่ก็ทุกข์) มีอยู่ราวๆ 5-6 “ชุดความจำ”   เจ้า “ชุดความจำ” นี่แหละที่พอถูกกระตุ้น จะด้วยภาพ ด้วยเสียง หรืออะไรก็ตามแต่ มันจะปรุงแต่ง เชื่อมโยงกันเองกลายเป็น “การคิด” (หรือชาวพุทธเรียกว่า “สังขาร”) เจ้า “สังขาร” นี่จะทำให้เราเกิดความทุกข์ครับ เพราะเราจะรับรู้ถึงความทุกข์ ที่มาพร้อมกับความคิดของเรา

วันหนึ่งมีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านหนึ่ง ท่านบอกไว้น่าสนใจครับว่า “สัญญา คือกรรม” วินาทีนั้นผมได้คิดเลยครับครับ อ้อ สัญญา หรือ “ชุดความจำ” นี่มันเครื่องสร้างกรรม เลยแฮะ อยู่เฉยๆ เราก็สร้างกรรมได้ นอนอยู่ในเต๊นท์คนเดียว เหตุการณ์เจ็บปวดเมื่อหลายปีก่อน พอถูกกระตุ้นด้วยอะไรไม่ทราบ มาเชียว มาฉายซ้ำในสมอง แถมพาให้เราทุกข์ได้ไม่สิ้นสุด บางครั้งพาให้เราจินตนาการ เกิดเป็นการวางแผนเพื่อหลีกหนี หรือถีบตัวเองไปให้ไกลจากเดิม ก็พบว่าถ้าเป็นกุศลก็ดีไป แต่หลายครั้งเหมือนยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ถ้าไม่หยุด ก็ยิ่งคิด ยิ่งวางแผน ยิ่งทำ ที่สุดก็ต่อยอด “กรรม” นี่ออกไปเรื่อยๆ ที่สุดก็สร้าง “เครื่องจักรสร้างกรรม” ชุดใหม่ๆ ขึ้นเครื่องแล้วเครื่องเล่า ตอนแรกๆ ก็เล็กๆ ตอนหลังก็ต่อเติม ปรับแต่งมันจน กลายเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ 

Credit รูปภาพ: http://j0ns1m0ns.blogspot.com/2012/01/elements-of-episodic-memory.html

พูดง่ายๆคือ ชีวิตมนุษย์ ถ้าไม่ทำอะไรกับมัน “เราคือเครื่องสร้างกรรมดีๆ นี่เอง” เรานี่แหละทำลายตัวเอง ไม่ใช่ใคร แถมยังไปสร้างความลำบากให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัวอีก เอาหล่ะเมื่อเจอด้านมืด ผมก็เจอด้านบวกเช่นกัน “ผมเจอเครื่องสร้างบุญ” ครับ เครื่องจักรมหัศจรรย์ที่อยู่ในใจมนุษย์นี่เอง หลังผมบวชไปสักพัก พอดับไปได้เยอะแล้ว สักสองเดือนก็พยายามไปนึกเรื่องเดิมอีก ครานี้หลายเรื่องไม่ปรุงมาให้เราเจ็บอีก มันไม่ปรุงจริงๆ ดีใจมากครับ แต่ผมก็รู้สึกแปลกๆ คือมันแห้ง มันกดทับยังไงชอบกล ก็เลยไปถามหลวงพี่พระอาจารย์ของผม ท่านก็เมตตาสอนว่า ลองแบ่งร่างกายเป็นสามส่วน ส่วนสมอง ส่วนกาย และส่วนใจ เราต้องดูกายเพื่อสร้างตัวรู้ ก็คือตามลมหายใจ หรือดูกายเคลื่อนไหวนั่นแหละ แน่นอนเราจะมีสติขึ้นมา แต่เราต้องเอามาใช้พิจารณาดูความคิดกับใจด้วย ไม่งั้นมันจะกายเป็นสมถะ เอามาดูยังไง  ก็เอามาตามดูความคิดว่ามันเป็นยังไง มันปรุงแต่ง ทุกข์ของเรามาจากข้างนอก หรือข้างใน แล้วก็ดับสัญญาซะ 

ขณะเดียวกันต้องชำเลืองดูใจ ว่าใจเราปรกติไหม คือมันโล่ง โปร่งสบายไหม ถ้าไม่โล่งก็สะท้อนว่า “ใจ” อาจจะวิ่งไปร่วมกับความคิด ถ้าไปรวมกับความคิดเมื่อไหร่ ก็มั่วแล้วครับ ผมเลยถึงบางอ้อ อ๊อมันเป็นอย่างนี้เอง แล้วหลวงพี่ก็สอนอีกว่า “ใจปรกติคือใจโล่ง โปร่งสบาย เช่นตอนเราสอบไล่เสร็จไง” “สังเกต ไหม นั่นหละใจโล่ง แบบนั้นเลย” ถ้าเราดูจิต ดูความคิดไปแล้วไม่เห็นความโล่งแบบนี้ ก็บอกได้เลยว่าเราอาจจะดูไม่เห็นจิต ไม่เห็นความคิดจริงๆ มันเป็นการปรุงแต่งเท่านั้น เราต้องชำเลืองดูใจด้วยเช็คว่ามัน “โล่งโปร่งสบาย” หรือเปล่า  เราต้องไปฝึกสติดูลมหายใจ ดูกายก่อน ให้ “ตัวรู้”เราแข็งแรง เมื่อแข็งแรง ตัวรู้จะทำงานของมันเอง มันจะดับ “กรรม” หรือ “สัญญา” ได้เอง

นี่เลยครับใจเราก็เป็น “เครื่องสร้างบุญ” ครับ บุญคืออะไรก็คือ “ความโล่งโปร่งใจ แบบเวลาสอบไล่เสร็จ” ครับ จะว่าไปเรามีเครื่องจักรเล็กๆ เครื่องนี้กันทุกคนครับ มันอยู่ตรงกลางใจของเรานั่นเอง  แต่มันไม่ต่อเนื่อง คิดดูสิครับ มนุษย์เรามันจะสอบไล่กันสักกี่ครั้ง กว่าจะสอบที่ก็ต้องเตรียมตัวเครียดแล้วเครียดอีก พอสอบเสร็จก็ “โล่ง” อีกวันเริ่มแระ มีเรื่องมาให้เราไม่โล่ง ต้องวางแผนจัดการชีวิต กว่าจะสำเร็จแต่ละครั้ง เลือดตาแทบกระเด็น ทำงานกว่าจะได้เลื่อนขั้น บางคนพอประสบความสำเร็จ ก็เป็นมะเร็ง เป็นโรคหัวใจซะงั๊น  ทำไปเพื่ออะไร ก็เพื่อที่จะได้สัมผัส “ความโล่ง” ที่ว่าที่นานๆเกิดครั้ง  

ในมุมมองของผมนี่คือการอยู่ตามบุญตามกรรม ที่ผมอยู่มาตลอดกว่า 40 ปี เอาหล่ะตอนนี้ผมเจอมันแล้ว ทั้ง “เครื่องสร้างกรรม” และ “เครื่องสร้างบุญ”  ผมค้นพบแล้วว่าเกิดมาเพื่ออะไร เอาหล่ะคุณคงมีเป้าหมายของคุณเอง ส่วนผม เป้าหมายผมคือทำลาย “เครื่องสร้างกรรม” ครับ และชีวิตนี้ เนื่องจากยังไม่บรรลุธรรมอะไร ก็คงต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้มีการสร้างเสริม เติมแต่งเครื่องสร้างกรรมรุ่นใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็จะหันมาพัฒนา สร้าง “เครื่องสร้างบุญ”

เครื่องสร้างบุญ หรือเครื่องสร้างความโล่งโปร่งใจนี่ทำได้สองอย่างคือภายใน กับภายนอก ภายในผมเล่าไปแล้ว จริงๆ มีภายนอกด้วยนะครับ นั่นคือการทำบุญครับ แนวทางก็บุญกริยาวัตถุสิบครับ คืออะไรเช่นไปทำบุญ สร้างวิหารทาน จริงๆบุณกิริยวัตถุสิบก็รวมการทำบุญภายในไว้ด้วย คือการภาวนาด้วยครับ เรื่องการทำบุญภายนอก็ค้นพบเช่นกันครับว่า “ทำให้เกิดความโล่งโปร่งสบาย วูบใหญ่ๆ” เลยครับ ยิ่งชวนคนอื่นทำ เช่นเห็นพ่อแม่มาเข้าวัดภาวนา ตลอดสามเดือนนี่ก็ยังรู้สึก “โล่งโปร่งสบาย” ยังปลื้มอยู่ทุกวันนี้ ได้พาลูกศิษย์เข้าวัด (เขามาเยี่ยม) ตอนนี้ลูกศิษย์ก็พาพนักงานมาอบรมที่วัด นึกถึงที่ไรก็รู้สึก โปร่งโล่งขึ้นไปอีก อะไรจะขนาดนั้น

พอทำมากๆครับก็พอรู้สึกสัมผัสได้หน่อยๆว่า ที่ว่า “พุทธะ” คือ “รู้ ตื่น เบิกบาน” เป็นอย่างไร  

ในมุมมองของผมผมได้สัมผัสสภาวะที่ทำให้ผมเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ ผมรู้สึกมีที่พึ่ง ที่ไป มีความสุขกับการทำลายเครื่องสร้างกรรม และพัฒนาเครื่องจักรสร้างบุญของผม ตอนนี้ใครจะสะสมที่ดิน เล่นหุ้นก็ตามตามสบายครับ ผมขอสะสมบุญก่อนครับ ทั้งภายนอก ภายใน อริยทรัพย์ครับ เป็นที่สุดแล้วครับ แต่ก็ทำมาหากินอยู่ครับ ส่วนใครจะมีวิถีอย่างไรจะเล่นที่ เล่นทองก็ขอให้ทำอย่างใจโล่งๆ เถอะ ถ้าใจไม่โล่งก็หยุดคิดบ้างนะครับ เพราะคุณอาจจะสร้างกรรมอยู่โดยไม่รู้ตัว เรียกว่าทำลายตัวเองอยู่ มาสร้างบุญให้ “ใจ” สมดุลย์ก่อนนะครับ บทเรียนมีมาก และมีอยู่รอบตัว ไกล้ตัวคุณมากๆด้วย จริงไหมครับ


Credit รูปภาพ: http://www.oknation.net/blog/bizweek2you/2007/05/22/entry-3

จะว่าไปวันนี้วันโลกแตก แต่ยังไม่ทันแตก ผมก็รู้สึกได้ตายไปแล้ว แล้วได้เกิดใหม่ครับ รู้สึกว่าโชคดีที่ได้บวช เหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ ครับ

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงประสบการณ์ของคนที่ยังไม่บรรลุธรรมครับ อย่าตัดสินอะไรมากนะครับ ผมก็ยังฝึกปฏิบัติอยู่ ถ้าอยากรู้ลึกรู้จริง ก็ต้องไปหาครูบาอาจารย์นะครับ

ที่จริงผมเพียงเล่าให้ฟัง แต่ลองพิจารณาดูนะครับ

หมายเลขบันทึก: 513584เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2012 10:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม 2012 14:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดีที่สุด คือ การแบ่งปัน การให้วิทยทานค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์ `^ ^ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท