กับโจทย์จากครูต้องตอบคำถาม 4 ข้อในภารกิจที่ครูมอบหมายคือ
1. ภารกิจคืออะไร ทำอย่างไร
2. ประโยชน์คืออะไร
3. คุณค่าที่เกิดขึ้น
4. ได้เรียนรู้อะไร
การเย็บผ้ากันเปื้อนเริ่มตั้งแต่ รับคำสั่ง ครูเมตตาบอกว่า เอาผ้าด้ายดิบจะได้ราคาถูก
กิเลสที่รวดเร็วแล้วสติไม่ทันของหนูก็พุ่งพรวดออกมาว่า
ครูเมตตากำหราบ แล้วหนูค่อยได้มาทบทวนว่า อืม ผ้าด้ายดิบนั้น ทำความสะอาดง่าย แต่ผ้าฝ้ายพับ แม้จะนุ่มก็จริงแต่ทำความสะอาดยากกว่า พอตกลงแล้วลงมือทำ หนูมีงานเก่าค้างและซ้ำซ้อนคือ เย็บงานอื่นถวายครูยังไม่เสร็จ ตัดผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวไว้ 8 ผืน เลือกเย็บพร้อมๆกัน แบบเรียงขอบ ผ้าถูกเย็บรอบจนครบแต่เหลือสาย เข้าสายไปได้ 3 ชิ้น เข็มมาหักตอนตีสี่ หนูตกใจ เพราะเป็นเข็มอันสุดท้ายไม่มีอะหลั่ยสำรอง ต้องรอห้างเปิด คือ สิบโมงครึ่ง ภารกิจนี้ชะงักค่ะ เสร็จ สามผืนและงานอื่นๆก็ต้องรอ อาทิตย์นั้นส่งงานครูแบบจ๋อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับ แล้วครูก็เมตตามอบผ้ากันเปื้อนให้เด็ก ตามลำดับอายุซึ่งจะขาด เพียง 1 คนที่ยังไม่ได้ อาทิตย์ถัดมาก็ได้แก้ไขโดยทำมาให้น้องอีกอัน
ปรโยชน์ที่เกิดขึ้นคือ สิ่งที่หนูคิดว่า "ง่ายๆ แล้วไม่รีบลงมือทำ มักจะสร้างปัญหาให้หนู" เริ่มตระหนักกับตนเองว่าอย่าประมาทสิ่งเล็กน้อยๆ ทุกสิ่งที่ครูมอบหมาย ยิ่งใหญ่เสมอ
เด็กๆได้รับผ้ากันเปื้อนเหมือน ได้รับมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่
คุณค่าทางจิตใจสำหรับหนูคือ ได้ทำงานรับใช้ครูเต็มที่แม้จักมีอุปสรรคก็พึงก้าวเดินเรียนรู้และยอมรับ ครูมีเมตตารับแล้วพิจารณามอบให้เด็กๆ คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ด้วยความ "ใส่ใจของแม่ครู" เอื้ออาทรทุกคนไม่มีประมาณ
ได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าเราทำอะไร อย่าละยรายละเอียด อย่าชะล่าใจ ทำสิ่งไหนได้ให้รีบทำอย่าช้า โอกาสไม่ได้เข้ามาทุกวัน ที่สำคัญครูบาอาจารย์เอ่ย สิ่งใดพึงพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน ที่จะเสนอความคิดเห็น หรือ พิจารณาให้ชัด มิใช่ให้กิเลสนำหน้าแล้วโพล่งออกไป
สุดท้ายงานนี้ก็สำเร็จแม่ออกน้อยทุกคนมีผ้าใช้งาน
หนูเองได้ฝึกทั้ง การทำทาน การรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับครู และฝึกการใช้ปัญญาคิดงานและแก้ไขปัญหา
นี่เองคือ ทางเดินที่พึงก้าวไป
มาให้กำลังใจคุณครูผู้ให้แนวคิดดีๆแก่เยาวชนค่ะ.