เล่าต่อจากครั้งที่แล้วครับ....กรรมคือการกระทำนั้นมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล ถ้าเป็นฝ่ายกุศลก็เรียกว่า กุศลกรรม ถ้าเป็นฝ่ายอกุศลก็เรียกว่า อกุศลกรรม...ครับ
ชนกกรรม คือ กรรมที่ทำหน้าที่ชักนำให้ไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ถ้าเป็นชนกกรรมฝ่ายกุศลก็ชักนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ ถ้าเป็นชนกกรรมฝ่ายอกุศลก็ชักนำให้ไปเกิดในทุคติภูมิ
เรื่องตัวอย่างชนกกรรมฝ่ายอกุศล
คำของสัตว์นรก 4 ตน
ในสมัยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสป มีลูกชายเศรษฐี 4 คนเป็นสหายกัน พ่อแม่มีทรัพย์คนละ 40 โกฏิ ทั้ง 4 คน ไม่สนใจการทำบุญหรือทำทาน ได้แต่เสพสุรา เคล้านารี ผิดศีลข้อ 5 และข้อ 3 อยู่เป็นนิจ รวมทั้งประพฤติชั่วทางอบายมุข ล้างผลาญสมบัติของบิดามารดาจนป่นปี้ พอพวกเขาตายจากโลกนี้ไปแล้ว ชนกกรรมได้นำพาเขาไปผุดเกิดใน อเวจีมหานรก เป็นสัตว์นรกใหญ่ 4 ตน ถูกไฟนรกเผาไหม้อยู่นานมากนักหนาตลอดพุทธันดรหนึ่ง
หลังจากหมดกรรมแล้ว แต่ยังมีเศษกรรมอยู่ จึงชักนำให้มาเกิดเป็นสัตว์นรกอยู่ใน โลหกุมภีนรก ซึ่งเปรียบเสมือนหม้อเหล็กใหญ่ ถูกไฟนรกเผาไหม้เกิดตายอยู่ตลอดเวลา มีสภาพเหมือนข้าวต้มอยู่ในหม้อซึ่งกำลังเดือดพล่าน พวกเขาต้องมีอาการดำผุดดำว่ายโผล่ขึ้นมาและจมลงไปตราบนานเท่านาน เวลาผ่านไป 60,000 ปี วันหนึ่งพวกเขาได้มาพบกันพร้อมหน้าที่ปากหม้อ ด้วยความอัดอั้นตันใจที่เสวยทุกข์มานานแสนนานอยากจะบอกกล่าวให้เพื่อนฟัง สัตว์นรกทั้ง 4 ตน จึงเอ่ยวาจาโอดครวญได้ตนละคำ ดังนี้ คือ ทุ. ส. น. โส. แล้วก็จมกลับลงไปในหม้อ เรื่องนี้เล่าขานกันต่อมา และชาวบ้านทั่วไปเรียก คำ 4 คำนี้ว่า "หัวใจเปรต"
สัตว์นรกตนแรกอยากจะกล่าวว่า "น่าอนาถหนักหนา เพราะว่าพวกเราไม่ได้ทำบุญทำทาน จึงต้องมาพานพบชีวิตอันแสนร้ายได้รับทุกข์ทรมานเห็นปานนี้"
สัตว์นรกตนที่สองอยากจะกล่าวว่า "พวกเราได้ดำผุดดำว่ายในหม้อนรกอันร้อนแรงนี้ นับได้ 6 หมื่นปีแล้ว เมื่อไรพวกเราจักพ้นกรรมจากนรกนี้ได้เล่า"
สัตว์นรกตนที่สามอยากจะกล่าวว่า "พวกเราคงไม่มีวันพ้นจากนรกขุมนี้ บาปกรรมที่ทำในกาลก่อนได้ส่งผลแก่พวกเราอย่างสาสมแล้ว"
สัตว์นรกตนที่สี่อยากจะกล่าวว่า "หากเราพ้นจากทุกขเวทนาในแดนนรกนี้แล้ว เมื่อได้โอกาสกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ จักไม่ทำอย่างอื่นเลยนอกจากบริจาคทานรักษาศีล"
ท่านผู้อ่านได้ข้อคิดอะไรจากบันทึกการเรียนรู้บทนี้บ้าง
เยี่ยมครับ ๆ