ที่มาของการลดน้ำหนัก


ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ ตามแนวทางแพทย์วิถีธรรม

     คนที่ไม่อ้วน ย่อมไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง ทั้งอึดอัด ทั้งถูกเพื่อนล้อ จะไปไหนทีลองเสื้อผ้าอยู่ตั้งนาน สวมเข้า-ถอดออกตั้งหลายชุด ใส่ชุดไหนก็ไม่มั่นใจสะที หาซื้อเสื้อผ้าอย่างยาก

     มาทำความรู้จักกันก่อนละกัน ดิฉันชื่อ นางสาวศิริกุล  บุระคำ ชื่อเล่น เอ อายุ 35 ปี ส่วนสูง 153 ซม. น้ำหนักมากที่สุดคือ 68 kg (เมื่อ 13 วันที่แล้ว) เอมีลูกสาว 1 คน เพิ่งอายุ 2 ขวบ 10 เดือน เมื่อรู้จักกันพอสังเขปแล้ว ก็มาเริ่มเรื่องเลยละกันนะค่ะ

     เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เอไม่สามารถทนดูตัวเองได้ จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เอจึงตัดสินใจที่จะเลิกหลอกตัวเองว่า "ฉันยังไม่อ้วน แค่อวบระยะสุดท้าย" มาเป็น "ถึงเวลาที่จะเอาจริงได้แล้วนะ กับการลดน้ำหนัก"

     ดังนั้นปฏิบัติการณ์การลดน้ำหนักจึงเริ่มต้นขึ้น เอเริ่มหาข้อมูลวิธีการลดน้ำหนักจากทาง Internet โอ้โห้!!!!! มีเยอะมาก จะเอาไงดีละ ทั้งยาลดความอ้วน อาหารเสริมลดน้ำหนัก วิธีการออกกำลังกาย หลากหลายวิธีเหลือเกิน จะเชื่ออันไหนดี

     เอได้อ่านบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการลดน้ำหนักหลายๆ บทความ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง บนพื้นฐานตามวิถีชีวิตที่จะสามารถปรับได้ เริ่มต้นจาก

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร โดยกินอาหารตามลำดับการย่อย เริ่มจากดื่มน้ำผักฤทธิ์เย็น (น้ำย่านาง) 1 แก้ว ตามด้วยผลไม้ ผัก แล้วค่อยกินข้าวกับอาหาร และไม่ดื่มน้ำตามหลังกินอาหาร รอประมาณครึ่งชัวโมงค่อยดื่มน้ำ ซึ่งวิธีการนี้ ต้องขอขอบคุณข้อมูลจากหมอเขียว แพทย์ทางเลือกวิถีธรรม ถึงแม้จะทำตามได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้เริ่มต้น เพื่อสุขภาพที่ดี

2. ลดการกินอาหารหวาน มัน และลดปริมาณข้าวลง เหลือแค่ 1 ทัพพีต่อมื้อ (แค่นี้ก็อิ่มแล้วละ เพราะการกินตามลำดับการย่อย พอกินถึงผัก ท้องก็เริ่มอิ่มแล้ว แค่ต้องกินต่อให้ได้ครบ 5 หมู่) การกินในปริมาณที่น้อยลงทำให้ร่างกายเราไม่ขาด แค่ได้ไม่พอ เลยต้องไปดึงของเก่ามาใช้ เท่านี้น้ำหนักก็เริ่มลดแล้ว

3. เพิ่มการออกกำลังกาย โดยการตักน้ำไปรดผักในสวน แบบว่าเดินเร็วๆ เท่านี้ก็ได้เหงื่อแล้ว เพื่อกระตุ้นการใช้พลังงาน

4. นอนเร็วขึ้น (ก่อน 4 ทุ่ม) เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงาน จากการเก็บข้อมูลน้ำหนัก 13 วันที่ผ่านมา ชั่งน้ำหนักตอนตื่นนอน น้ำหนักลดลงไปประมาณ 4 ขีดเลยทีเดียว

5. ตื่นเช้า ดื่มน้ำ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายขับของเสียออก ก่อนที่จะเริ่มกินอาหารของวันใหม่

6. เคี้ยวอาหารแต่ละคำนานขึ้น เพื่อช่วยให้ระบบการย่อยไม่ต้องทำงานหนัก และได้ประโยชน์จากอาหารที่กินเข้าไป ไม่เน่าเสียในท้องเสียก่อน

     มาถึงวันนี้ จากการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ทำให้น้ำหนักลดลงมา เหลือ 65 kg โดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม หรือยาลดความอ้วน เป้าหมายการลดน้ำหนักคือ 55 kg

     เอต้องทำได้ เพื่อสุขภาพที่ดี  เอยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แต่หลากหลายวิธีการ ไว้คราวหน้าจะมาแบ่งปันวิธีการลดน้ำหนัก และแจ้งความคืบหน้าในการลดน้ำหนัก ให้ทราบกันนะค่ะ

     ฝากติดตามบันทึกของเอด้วยนะค่ะ ถึงจะไม่ใช่นักเขียน แต่ก็มีเรื่องอยากเล่ามากมาย ต้องขอขอบคุณไว้ล่วงหน้านะค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 507099เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2012 16:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 17:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • น่าสนใจมาก
  • ขอไปทดลองก่อนแล้วจะมารายงานผลนะครับ
 การลดน้ำหนัก ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะค่ะ ปรับพฤติกรรมของเราได้ น้ำหนักจะค่อยๆ ลดลง และไม่กลับไปอ้วนอีก ตอนนี้น้ำหนักของเอ รักษาระดับอยู่ที่ 64.8 kg (ยึดน้ำหนักตอนที่ตื่นนอนใหม่ๆ ค่ะ) ช่วงแรกจะลงเยอะ แล้วน้ำหนักจะคงที่ แล้วก็ลดลงอีกทีละ 0.2 kg และก็คงที่อีก สลับอยู่แบบนี้ เหมือนกับร่างกายกำลังปรับตัวค่ะ
 ได้ผลยังไง ก็มาร่วมแบ่งปันกันนะค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

รายงานความคืบหน้าค่ะ น้ำหนักตอนนี้ นิ่งๆ อยู่ที่ 64.6 kg ค่ะ เฉลี่ยลงมาวันละ 0.1 kg ค่ะ

รายงานความคืบหน้าค่ะ น้ำหนักตอนนี้ ลงมาอยู่ที่ 63.5 kg ค่ะ ลดมาได้ 4.5 kg แล้วค่ะ วิธีนี้ใช้ได้เลยค่ะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท