100 เท่า กระเทียม ต้านโรคจากอาหาร


กระเทียม

กระเทียมสมุนไพรใกล้ตัวอยู่ในครัวที่ส่วนใหญ่ทุกบ้านที่ทำอาหารประจำจะขาดไม่ได้เพราะไม่ว่า จะแกง จะผัด ตำน้ำพริก น้ำจิ้ม ฯลฯ ทำให้อาหารอร่อย และทราบดีว่าสรรพคุณสมุนไพร อาหารเป็นยาก็เยี่ยม อ่านพบ 100 เท่า กระเทียมต้านโรคจากอาหาร นำมาฝากค่ะ

 

  กระเทียมโทน

 

 ตามติดชีวิตเชื้อก่อโรคในอาหารมากกว่า 20 ปี

     ในที่สุด ดร.เสี่ยวหนาน หลู่ และ ดร.ไมเคิล คอนเคิล สองคู่หูจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันสเตท สหรัฐอเมริกาก็ไขความลับได้ว่า หากต้องการฆ่าเชื้อแบคทีเรียแคมไพโลแบ็กเตอร์( Campylobacter) ที่มักปนเปื้อนในอาหารสุกๆดิบๆและเป็นต้นเหตุก่ออการท้องเดิน ปวดเกร็งท้อง เป็นไข้ ฯลฯ ต้องใช้สมุนไพรบ้านๆอย่างกระเทียม

    เดิมเจ้าเชื้อโรคทนทายาดต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะมากเพราะตัวมันเองมีไบโอฟิล์ม (กลุ่มแบคทีเรียที่จับตัวกัน)บางๆห่อหุ้มอยู่ ทำให้ฤทธิ์ยาเจาะทำลายไม่ถึง

    แต่สารไดอัลลิลซัลไฟต์( Diallyl Sulfide) ในกระเทียมจะโรมรันทะลุทะลวงผ่านขั้นไบโอฟิล์มเข้าไปขัดขวางระบบเผาผลาญของเซลล์แบคทีเรีย ส่งผลให้มันตายเรียบ

   ที่สำคัญ สารดังกล่าวยังได้ผลสูงกว่ายาปฏิชีวนะในท้องตลาดถึง 100 เท่า ไม่ว่าจะเป็นยาอีโรโทรมัยซิน ( Erythromycin ) หรือ ไซโพรฟล็อกซาซิน ( Ciprofloxacin )

    จึงเสนอกันว่า ควรนำกระเทียมมาทำความสะอาดวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหาร จะได้ลดอัตราการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้าย และยึดอายุการเก็บรักษาอาหารให้นานขึ้น

 

( ขอบคุณ 100 เท่า กระเทียมต้านโรคจากอาหาร จากหนังสือ ชีวจิต เรื่องโดย พรรณรวี ชัยอิ่นคำ)

 

 

 

     กระเทียมสมุนไพรอาหารเป็นยา รักษาโรคให้ดีขึ้นได้หลายโรค เช่น ลดน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวาน ลดไขมันในเืลือด ลดความดันโลหิตสูง ฯลฯ  นำมาทำอาหารไทยๆของเราได้อร่อยมากมาย หรือจะกินสดๆก็ได้ วันละ 7 กลีบ กินง่ายโดยการไม่ต้องแกะเปลือกออกทั้งหมดให้เหลือบางๆติดเนื้อกระเทียมจะทำให้เคี้ยวง่ายกว่านำเปลือกออกทั้งหมดกลีบเล็กๆ โรยในจานข้าว หรือสับให้ละเอียด  เราก็กินกระเทียมได้ทุกวัน กระเทียมสดๆจะได้ประโยชน์มากกว่ากระเทียมสุก  ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะการกินกระเทียมต้องระวังไม่ควรกินตอนท้องว่าง เนื้อกระเทียมจะทำให้ระคายเคืองผิวกระเพาะอาหาร  หรือคนปกติก็ไม่ควรกินกระเทียมสดๆตอนท้องว่าง ป้องกันการเกิดโรคกระเพาะ

 

ด้วยความปรารถนาดี  กานดา แสนมณี

 

หมายเลขบันทึก: 506975เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2012 22:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มีนาคม 2013 07:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท