RMN1 : ไปเที่ยวปากพนัง


เข้าเขตปากพนังถนนหนทางกว้างขวาง บ้านเมืองดูเงียบ ไม่วุ่นวาย ได้ยินเสียงนกร้อง

วันที่ 14 ตุลาคม 2555
ดิฉันตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ คิดขึ้นได้ว่าจะพาเพื่อนไปเที่ยวที่ปากพนัง วางแผนว่าจะไปดูบ้านนก พระตำหนักฯ ไปกินอาหารอร่อยร้านดั้งเดิม และซื้อส้มโอทับทิมสยามของขึ้นชื่อ จึงชวนเพื่อนให้อยู่ต่ออีกวัน กินอาหารเช้าที่บ้านของดิฉันเรียบร้อยแล้ว สายๆ เราก็ออกเดินทาง ระหว่างนั้นพี่สาวของจุติพรอยากเจอน้อง เลยแวะคุยกันที่ล็อบบี้ของโรงแรมทวินโลตัส

ดิฉันโทรศัพท์ถึง รศ.ดร.กัลยา ศรีสุวรรณ คณบดีสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และทรัพยากร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่อยู่ที่ปากพนัง เพื่อถามทาง ปรากฏว่าอาจารย์กัลยาใจดีมากบอกทางให้ไปหาที่บ้าน ต้อนรับขับสู้พร้อมน้องต้นลูกชายคนโต และ รศ.ดร.วีระศักดิ์ ทองลิมป์ พาเรากินเราเที่ยวทั้งวันจนมืดค่ำ

พอเข้าเขตปากพนังถนนหนทางกว้างขวาง บ้านเมืองดูเงียบ ไม่วุ่นวาย ได้ยินเสียงนกร้อง มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่เสียงนกจริง แต่เป็นเสียง artificial เขาเปิดเรียกนกเข้าบ้าน บ้านของอาจารย์กัลยาอยู่ริมแม่น้ำ เป็นอาคารเก่าแก่ ครอบครัวยังซื้ออาคารของธนาคารเก่าและโรงแรมเก่าที่อยู่ติดกันเอาไว้ให้นกอยู่

เราแวะไปนั่งคุยกันที่ร้านของน้องต้น ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 7 ชั้น (2 ชั้นเป็นของคน ที่เหลือเป็นของนก) ได้ชิมรังนก ชมบ้านนก ของครอบครัวอาจารย์กัลยาเอง ได้ความรู้ว่านกนางแอ่นมีหลายพันธุ์ ไม่ใช่ทั้งหมดจะทำรังให้เก็บได้

 

 

บน รังนกที่ทำความสะอาดแล้ว ล่าง รังนกที่เก็บใหม่ๆ

 

เราไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอภิชาติใกล้กับสมาคมไหหนำ (ไม่ใช่ไหหลำ) อาหารอร่อยและราคาถูกมาก เมนูที่เรากินมีลูกชิ้นปลาสดทอด เส้นปลาราดหน้า ปลาสำลีทอด ขาหมู ยำไข่ปลากระบอก ข้าวผัดปู (ไม่รู้ว่าจำได้ครบหรือเปล่า) กินกัน 8 คน ราคาเพียง 1,000 บาท

น้องต้น Check ส้มโอที่ร้านโกเต็งให้ ราคาลูกละ 300 บาท แต่วันนี้ไม่มี จึงถามสวนที่รู้จัก แต่เจ้าของสวนไปธุระที่เมืองนครฯ จะกลับตอนห้าโมงเย็น บ่ายๆ เราจึงไปเที่ยวที่แหลมตะลุมพุกกัน ดิฉันจำได้ว่า ศ.ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เคยชี้ให้ดูภาพแหลมโค้งๆ เป็นวงที่เห็นขณะเครื่องบินๆ ขึ้นจากนครฯ ว่านั่นเป็นแหลมตะลุมพุก แต่ไม่เคยไปเห็นด้วยตาสักที รู้จักชื่อแหลมตะลุมพุกตั้งแต่เด็กๆ ว่าเป็นที่ที่โดนพายุรุนแรง

เราขับรถตามกันไป 2 คัน จุดแรกที่แวะมีป้ายบอกให้รู้ว่า “ตะลุมพุก เป็นชื่อของปลาที่มีอยู่ชุกชุมในสมัยนั้น….เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2505 เกิดพายุโซนร้อนชื่อแฮเรียต กำลังลม 90 กม./ชม. ระดับคลื่น 5 เมตร พัดเข้าถล่มแหลมตะลุมพุก ทำให้ผู้คนล้มตายประมาณ 1,300 กว่าคน จากจำนวนหมู่บ้านประชากร 4,000 คน เหลือบ้านเพียง 5 หลังเท่านั้น...” อาจารย์กัลยาเล่าว่าน้ำทะเลยังเข้าไปถึงบริเวณตลาดที่เราเพิ่งจากมา ระยะทางห่าง 10 กว่า กม.

บริเวณนี้มีร้านอาหารและร้านขายของทะเลสดและแห้ง ชายหาดมีคนมาเล่นน้ำอยู่บ้าง แถบนี้ดูแออัด ไม่เจริญ ไม่สะอาด มีห้องน้ำง่ายๆ อยู่เป็นจุดๆ

 

 

ณ จุดหนึ่งของแหลมตะลุมพุก

 

เราขับรถต่อไปผ่านป่าสนไปจนถึงจุดที่คาดว่าจะเป็นปลายแหลม แต่จริงๆ ไม่ใช่ ตรงนี้มีศาลา 1 หลัง มีหอคอย 1 หลัง มีคนมาเที่ยวพอสมควร ถามคนแถวนี้เขาชี้ไปทางขวามือว่าปลายแหลมอยู่ตรงโน้น เห็นเป็นเนินทรายอยู่

 

 
 

ทิวทัศน์ใกล้ปลายแหลม

 

พวกเรา 3-4 คน รวมทั้งดิฉัน พากันเดินขึ้นไปบนหอคอย เพราะคิดว่าจะมองเห็นทิวทัศนืได้ดีขึ้น ปรากฏว่าไม่ได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นเลย หอคอยไม่ได้รับการดูแล ส่วนที่เป็นกระจกก็แตก มีทรายปนฝุ่นหนา ทางเดินก็พัง ดินเลนแถบนี้มีปูตัวเล็กๆ แต่ก้ามใหญ่ เสียดายถ่ายรูปไม่ได้เพราะปูวิ่งลงรูเร็วมากและตรงนี้มียุงป่าเยอะสุดๆ เกาะตามตัวเรามาเป็นฝูงเลย

 

มองจากหอคอย

 

เสียดายที่ไม่มีการดูแลฟื้นฟูแหลมตะลุมพุกที่มีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ให้สะอาด น่าดูน่าเที่ยว

เรากลับเข้าเมืองรอเวลาไปสวนส้มโอ แวะดื่มน้ำและกินสับปะรดที่ร้านของน้องต้น ตอนเย็นน้องต้นติดภารกิจดูแลคุณตาจึงหาเด็กมาเป็นคนนำทาง อาจารย์วีระศักดิ์และอาจารย์กัลยาพาเราเข้าสวนส้มโออยู่หลายสวนอย่างไม่ย่อท้อ ทุกสวนบอกว่าส้มโอ “ยังไม่พอง” ไม่มีส้มโอให้เรา สวนแห่งแรกที่น้องต้นรู้จักใจดี ตัดส้มโอขาวพวงให้เราเอาไปกินฟรีๆ แล้วแนะนำให้ไปสวนที่รู้จักกันต่อไปเป็นทอดๆ เป็นอันว่าเที่ยวนี้เราไม่ได้กินส้มโอที่ขึ้นชื่อของปากพนัง

 

สวนส้มโอเมื่อยามเย็นใกล้ค่ำ

 

ค่ำแล้วเราแยกทางกับอาจารย์กัลยาและอาจารย์วีระศักดิ์ กลับเข้าเมืองนครศรีธรรมราช จุติพรเลี้ยวผิดแยกเลยต้องฝ่ารถติดที่ถนนราชดำเนินย่านที่มีงานเดือนสิบ เราแวะเอาอาหารที่ร้านป้าล้วนที่ท่าแพที่เราสั่งไว้ จุติพรแวะเอาบะจ่างเจที่บ้านน้องสาวระหว่างทางจากท่าแพไปท่าศาลา กินอาหารเย็นกันที่บ้านพักของดิฉัน

ส้มโอขาวพวงลูกที่ “พอง” แล้ว หวานและไม่มีเม็ด แต่ยังอร่อยไม่เท่าทับทิมสยามที่เคยกิน คืนนี้เราคุยกันจนจุติพรนั่งหลับไปเลย

วันที่ 15 ตุลาคม 2555

ตอนเช้าหลังกินอาหารเป็นบะจ่างเจกันเรียบร้อย ดิฉันตัดกล้วยน้ำว้าจากต้นหลังบ้านพัก 1 เครือให้เพื่อนเอาขึ้นรถไปด้วย ขับรถนำทางไปส่งเพื่อนที่ทางออกจากมหาวิทยาลัย คอยโทรศัพท์ถามว่าถึงไหนกันแล้วอยู่เป็นระยะ เพื่อนแวะเที่ยวที่สวนโมกข์ และแวะไปเรื่อยๆ ตกเย็นคุยกันขำๆ ว่าอาจจะถึงกรุงเทพฯ พร้อมๆ กับดิฉันที่จะขึ้นไปประชุมโดยเที่ยวบินตอนค่ำของวันที่ 17

เพื่อนแวะมาหาก็ดีใจ ตอนจากกันก็อาลัยและคิดถึง

วัลลา ตันตโยทัย

 

หมายเลขบันทึก: 506563เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2012 18:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม 2012 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ส้มโอทับทิมสยาม เคยทานค่ะ สีสวยและรสชาดดีมากค่ะ ได้เที่ยวธรรมชาติแบบนี้บ้างก็ดีนะคะ น่าสนุกค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท