กาลเทศะ...กับการใช้โทรศัพท์มือถือ


สถานีความคิด :

 

กาลเทศะ...กับการใช้โทรศัพท์มือถือ

 

 

 

 

          เย็นวันก่อน ผมไปรอรับน้องชายของภรรยาที่สนามบินเชียงใหม่ หลังจากกลับจากการเดินทางไปบรรยายพิเศษที่ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ที่กรุงเทพมหานคร

          วันนั้นผมเดินไปทางถึงสนามบินเชียงใหม่ก่อนเวลาเครื่องบินลงประมาณ 40 นาที เลยเข้าไปเดินเตร่อยู่แถวๆ ประตูทางออกภายในอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ

          ในระหว่างที่ผมกำลังเดินเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอ เรื่อง “ข้ามาคนเดียว” อยู่เพลินๆ นั้น พระภิกษุรูปหนึ่งก็กำลังเดินไปมาอยู่ใกล้ๆ ผมเช่นกัน  โดยในมือท่านถือโทรศัพท์มือถืออย่างดีและราคาแพงยี่ห้อไอโฟน ที่หูของท่านทั้งสองข้างมีหูฟังเหน็บอยู่ ท่านเดินยิ้มไปมา แล้วก็พูดเสียงดังฟังชัด โดยไม่ได้สนใจใยดีต่อสายตาของญาติโยมที่อยู่ในบริเวณนั้นแต่อย่างใด รวมถึงผมด้วย

          “อ๋อ! จ๊ะๆ   ตอนนี้อาตมากำลังมาเชียงใหม่อยู่น่ะ ช่วงนี้ออเดอร์เข้า คิวไม่ว่างเลย มีแต่ไปกับไปตลอด พรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปพิษณุโลก จากนั้นก็จะไปต่อที่ขอนแก่นอีก...คนไม่มีลูกมีเมียก็ยังงี้แหละ  อิสระและเสรีดี ....อ๋อ! เรื่องนั้นไม่มีปัญหานะจ๊ะ เดี๋ยวอาตมาว่างเมื่อไหร่จะจัดการให้......ฯ”

          ท่านพูดแบบเสียงดังฟังชัดอยู่เป็นเวลานาน  พอพูดโทรศัพท์เสร็จท่านก็ยืนจิ้มไอโฟนของท่านเล่นต่ออย่างเปิดเผยและสนุกสนาน  คล้ายๆ กับจะโอ้ออวดว่า อันว่าอาตมาเนี่ยไม่ใช่ธรรมดาๆ น่ะ คุณโยมจ๋า มีโทรศัพท์แพงๆ อย่างไอโฟนใช้ด้วยนะเฟ้ย! อะไรประมาณนั้น  555

           ญาติโยมที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็พาากันมองไปที่ท่านและพากันทำปากซุบซิบๆ แบบหมดความศรัทธา ในความไม่รู้จัก “กาลเทศะ” บ้างเลย...ของท่าน

          ผมมองไปที่ตัวพระภิกษุรูปนั้นแบบหดหู่ใจนิดๆ  แอบมองไปที่โทรศัพท์ราคาแพงของท่าน จากนั้นก็มองดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองแบบยิ้มๆ

          ท่านใช้โทรศัพท์ไอโฟนราคาแพง  ในขณะที่ผมใช้ I-mobile  ราคาแค่ 990 บาท เท่านั้นเอง...อยากจะหัวเราะเสียงดังๆ ให้เครื่องบินหล่นลงมาจากฟ้ามากๆ เลยละครับตอนนั้น เนื่องจากรู้สึกอดสูกับความต้อยต่ำของตัวเองเหลือเกิน  555

          หลังจากท่านจิ้มไอโฟนของท่านเสร็จ สักครู่ท่านก็คุยโทรศัพท์ต่ออีก แล้วก็เดินไปเดินมาอยู่ตรงบริเวณนั้น พูดไปหัวเราะไป ทำอย่างกะสนามบินเชียงใหม่เป็นวัดส่วนตัวของท่านไปเสียยังงั้นแหละ  คิคิคิ

          ผมคะเนดูว่า อายุพรรษาของพระภิกษุรูปนั้น น่าจะอยู่ในระหว่าง 30 ต้นๆ  หน้าตาดี พูดจาไพเราะ มีจ๊ะ มีจ๋าตลอดเวลา  เข้าใจว่าน่าจะเป็น Celeb Monk  ชื่อดังรูปใดรูปหนึ่งของเมืองไทยอย่างแน่แท้  ลูกค้าถึงโทรเข้ามาหามากมายขนาดนั้น  คิคิคิ

          วันนั้น กลายเป็นว่า ผมเองที่เป็นฝ่ายทุกข์ใจแทนท่าน  อันเนื่องมาจากตนเองเคยบวชมานานถึง 18 ปี และเข้าใจถึงสภาวะแห่งความเป็นพระภิกษุที่จะต้องดำรงไว้ซึ่ง “วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน” คือ การเป็นผู้มีความรู้และถึงพร้อมด้วยจรณะ(ความประพฤติ)   เวลาจะพูดจะจาหรือใช้สิ่งของใดๆ ก็จะต้องคำนึงถึง “กาลเทศะ” ก่อนเสมอ  มิเช่นนั้นแล้ว ก็อาจจะทำให้ญาติโยมทั้งหลายเสียความรู้สึกหรือเสื่อมศรัทธาเอาง่ายๆ

          ผมไม่ได้ตำหนิที่ท่านร่ำรวยและมีไอโฟนราคาแพงใช้หรอกนะครับ   แต่ผมรับไม่ได้และเสียความรู้สึกมากๆ ที่ท่านไม่มีความสำรวมและไม่ได้รู้จัก “กาลเทศะ” บ้างเลย

          วันนี้ ผมนำเรื่องพระเรื่องเจ้ามาเขียนเล่าสู่กันฟัง ก็เพราะความห่วงใยที่ผมมีต่อพระพุทธศาสนานะครับ

         ขี้กลากกินหัวก็ยอมละครับงานนี้   555

 

 

 

 

ท่านใช้โทรศัพท์แบบนี้แหละครับ

ส่วนอันนี้ของผมเองครับ  ราคา 990 บาท (เมื่อ 3 ปีก่อน)  555

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 506548เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2012 15:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2012 08:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

เป็นกำลังใจให้นะครับ   เพื่อที่จะนำเอาความฟุ้งซ่านออกจากตัว

เป็นเรื่องพูดยากมากเรื่องหนึ่งนะครับ  เงินทองเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับพระสงฆ์แต่ไหนแต่ไรมาแล้วนะครับ

แม้แต่การใช้ Internet หรือการใช้สื่ออนไลน์ในการ Chat ต่าง ๆ ก็ไม่สมควรนะครับ

แต่ก็มีพระชื่อดัง ประโยค 9  ที่เปิดสำนัก...  และเป็นนักเขียนออกรายการทีวีบ่อย ๆ นะครับ

ท่านกล่าวไว้ในช่อง Nation ว่า ถ้าพระพุทธองค์ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่  พระพุทธองค์ก็คงอยู่ในกุฎิแล้วทรงใช้ internet และ เปิด Facebook อยู่ก็เป็นได้

สิ่งนี้ก็เป็นการแสดงถึงจิตใจในส่วนที่ยังไม่พ้นโลกอยู่นะครับ  เป็นการเอาจิตที่ประกอบไปด้วยกิเลสไปจับเอาจิตของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์นั้นทรงพ้นโลกไปแล้วนะครับ

กล่าวอีกในหนึ่ง  ก็เป็นการคิดแบบปุถุชนอยู่และเอาความคิดนั้น  ไปจับความคิดของพระอริยะนะครับ  แม้กล่าวให้พูดอื่นฟังเสมือนว่าตนนั้นก็พ้น  แต่จริง ๆ ก็ตกลงไปกว่าปุถุชนอีกนะครับ

บางครั้งผมก็คิดว่าทำไม  คนถึงติดตามและชอบพระเหล่านี้   อาจเป็นเพราะการออกสื่อมากไปทำให้คนรู้จักเพียงด้านเดียวเท่านั้นนะครับ

แท้ที่จริงพระดีนั้น ย่อมจะไม่มีโอกาซออกสื่อ  และท่านเหล่านั้นย่อมที่จะดำรงตนอยู่อย่างสงัดตามโคนต้นไม้มากกว่านะครับ

สังคมต้องร่วมกันแสดงออกให้ท่านได้รับรู้นะครับ

 

 

 

พระตึงวันนี้หนาปะกั๋นก็บ่าสำรวมเลยเน้อเห็นบ่อยๆ..แต่ว่าโทรศัพท์ของน้องบ่าวแพงกว่าของครูตูมเน้อ ราคาร้อยกว่าบาทน่ะ แต้ๆเจ้า หล่นหายตี้ไหนบ่ามีใค๋จะเก็บไป นำส่งทุกครั้ง 555

สวัสดีครับ คุณลูกสายลม

 

* โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่คัดค้านเรื่องที่พระสงฆ์ใช้ Internet Faceboo Twitter หรือเทคโนโลยีต่างๆ นะครับ เพราะเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากพอสมควรสำหรับโลกยุคใหม่ เพียงแต่อยากจะให้ท่านรู้จัก "กาลเทศะ" และใช้มันอย่างเหมาะสมตามความจำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ตกเป็นทาสของเทคโลโลยีอย่างหนักจนหลงลืมสถานภาพของตัวเองและหาทางกลับวัดไม่เจอ

** พระพุทธเจ้า ก็คือ พระพุทธเจ้า นะครับ หนทางใดที่ไม่ใช่หนทางไปสู่นิพพานหรือการดับทุกข์ ท่านก็คงจะไม่แนะนำและคงจะทำการห้ามปรามอย่างแน่นอน

ส่วนที่พระบางรูปบอกว่า " ถ้าพระพุทธองค์ยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระพุทธองค์ก็คงอยู่ในกุฎิแล้วทรงใช้ internet และ เปิด Facebook อยู่ก็เป็นได้"....อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ และพระรูปใดก็ตามที่พูดแบบนี้ แสดงว่าท่านกำลังกล่าวจาบจ้วงพระพุทธเจ้าอย่างร้ายแรง และคิดว่าความคิดของตนเองก็เหมือนกันกับความคิดของพระพุทธเจ้า...ตนคิดอย่างไร พระพุทธเจ้า ก็คงจะคิดเช่นนั้น

*** ปัจจุบัน Celeb Monk ในเมืองไทยเรามีเยอะนะครับ ส่วนใหญ่ดังมาจากการโปรโมตของสื่อทั้งนั้นเลย บางรูปก็อุปโลกน์ตนเองขึ้นมา บางรูปก็ของจริง บางรูปก็ของปลอม

บางรูปก็บอกว่าเป็นศิษย์ของท่านพุทธทาส ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่านเลย อาศัยการอ่านงานเขียนของท่านเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง

**** ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจอย่างยาวเหยียดในบันทึกนี้

สวัสดีครับ พี่ krutoom

 

* โลกเปลี่ยนไป ตุ๊เจ้าก็เลยเปลี่ยนไปโตยนะครับ ปี้ตูม 555

** ของ 990 บาท เมื่อ 3 ปีที่แล้วนะครับ ปัจจุบันนี้ยกให้คนอื่นฟรีๆ เขายังไม่เอาเลยครับ คิคิคิ

อ้ายบ่าวเจ้า

ถ้าตอนนี้พระอาจารย์พระมหาอักขณิช ยังอยู่...จะใช้รุ่นใดเจ้า

แฟนๆ ในเฟสคงมีมากกว่าตอนนี้นะเจ้า อิอิอิ

สวัสดีครับ น้องสาว ...ปริม pirimarj...

 

ถ้าหาก อาจารย์พระมหาอักขณิช ปุณฺณวณฺโณ ยังอยู่ คงจะยังใช้โทรศัพท์สาธารณะอยู่อย่างเดิมนะครับ เพราะต้องคำนึงถึง "กาลเทศะ" อยู่เสมอ และตอนเป็นพระไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือเลย หยอดตู้ตลอด  คิคิคิ

ตอนนั้นมีแค่ e-mail น่ะ ยังไม่มี Facebook ไม่งั้นคงได้เป็น Celeb Monk ไปแล้วล่ะ 555

  • ใช้คุ้มแท้..แค่ 990 บาท  จุดคุ้มทุน...เราไม่ด้อยเลยค่ะ
  • พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระธรรมคำสอนเป็นที่ตั้ง เพราะเป็นสิ่งที่เป็นนิรันดร์ ไม่มีเปลี่ยนแปลง สำหรับพระสงฆ์ เป็นรายรูปไป แล้วแต่จิตศรัทธา สาธุค่ะ

เคยเจอแบบนี้บ่อยค่ะ

ทั้งภิกษุ และฆารวาส ไม่ต่างกันเลย

ไม่เฉพาะ "เซเลปมั้ง" นะคะอาจารย์ เดี๋ยวนี้เราเห็นพระกับสื่อออนไลน์มีอยู่ถ้วนทั่ว เห็นเยอะเลยค่ะ ที่ขัดตาและขัดใจก็เห็นจะเป็นเรื่องกาลเทศะนี่แหละ บางครั้งเราอึดอัดใจแทน แต่ก็ไม่เคยมองว่าสังคมสงฆ์เสื่อม หากเป็นเรื่องเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ทำให้น่าเป็นห่วง ... เหมือนที่อาจารย์ว่านั่นแหละค่ะว่ามีทั้ง ของจริง และของปลอม ทำให้พวกเราไม่มั่นใจหากไม่ใช่พระสงฆ์ที่เรารู้จัก

สวัสดีครับ คุณ kunrapee

 

โลกเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เลยเปลี่ยนตามไป

รวมถึงพระสงฆ์องค์เจ้าด้วยนะครับ

สวัสดีครับ คุณ Sila Phu-Chaya

 

* ผมใช้โทรศัพท์เครื่องนี้มา 3 ปีแล้วนะครับ คุ้มจนเกินคุ้มแล้วละครับ จะทิ้งก็เสียดาย ให้คนอื่นเขาก็ไม่เอา ก็เลยจะใช้จนกว่ามันจะเสื่อมสภาพและหมดอายุไปเองนะครับ 555

** ที่จริง ผมไม่ค่อยอยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องพระเรื่องเจ้าเท่าไหร่หรอกนะครับ เพราะผมเองก็เคยใช้ชีวิตแบบนั้นมาก่อน

เพียงแต่มันอดใจไม่ไหว ก็เลยเอาซะหน่อย...เท่านั้นเอง คิคิคิ

สวัสดีครับ คุณ namsha

 

พระสงฆ์องค์เจ้าเดียวนี้ดูยากนะครับ

มีทั้งดีจริง และดีแบบปลอมๆ

เห็นทีญาติโยมคงจะต้องใช้วิจารณญาณในการเคารพนับถือมากยิ่งขึ้นนะครับ 555

  • เฮ้อ.......!
  • ยุบหนอ...พองหนอ....ปลงซะเถอะจ้ะ...!

สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ

 

ถ้าไม่เห็น....ก็ปลงได้นะครับ

แต่พอเห็นแล้ว ก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน 555

ผมเคยได้ยินว่า มีบางคนลืมปิดเสียงมือถือของตน ขณะไปงานศพ เจ้ากรรมแท้ ๆ เผอิญตั้งเสียงเรียกเป็นเพลง happybirth day และลืมปิดเสียง บางจังหวะเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของคนนั้น หลาย ๆ คนจึงได้ยินเสียงเพลงนี้ ขณะอยู่ในงานศพ ครับ

สวัสดีครับ คุณคณิน อุดมความสุข

 

ถ้าเป็นการ "ลืม" ก็คงไม่เป็นไรนะครับ

ถ้าหากลืมแล้ว ก็รีบปิดตอนหลัง

แต่ถ้าลืมแล้ว ก็ยังไม่ยอมปิดอีก ยังเปิดเครื่องไว้และมีคนโทรมาหาเรื่อยๆ

แบบนี้ก็น่าตำหนิเหมือนกันครับ ในฐานะที่ "ไม่รู้จักกาลเทศะ" เลย

 ค่ะไม่เหมาะสมไม่ถูกกาลเทศะอย่างยิ่ง ปัจจุบันนี้มีมากๆค่ะ

อ่านที่น้องเพลินเขียนบางช่วงทำให้พี่ดาหัวเราะขำไปด้วยนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท