การท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย Day 3 วันที่ 17 ตุลาคม 2555
เราเดินทางกลับเข้ากรุงออสโล เพื่อชมพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง มีเรือไวกิ้งที่ทำจากไม้ ขุดพบ 3 ลำ ลำแรกสวยงามมาก ชื่อเรืออุสแบนนิ ยาว 22 เมตร ทำจากไม้โอ๊ค เป็นเรือที่สร้างให้กษัตริย์ ใช้ในการเดินทางระยะสั้นๆ ขุดพบและซ่อมแซมใช้เวลากว่า 20 ปี สวยงาม นอกจากนี้ยังมีเรืออีก 2 ลำ ที่ให้ชม และมีอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าลายสก๊อต
ช่วงกลางวัน ไกด์พยายามหาอาหารให้เรากิน มีไข่เจียว ยำปลากระป๋องและอาหารจีน ก็พอไหวค่ะ
จากนั้นไกด์ให้พวกเราเดินชมสินค้าและช๊อปปิ้งในกรุงออสโล นครเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี เราได้เยี่ยมชม city hall ที่เขาใช้จัดเป็นสถานที่แจกรางวัลโนเบล ดูขลังมาก กำลังจัดสถานที่เพื่อแจกรางวัลในปีนี้ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน
หลังจากพวกเราวางแผนจะซื้ออะไรสักอย่าง โดยเฉพาะเสื้อผ้า H&M เพราะลูกบอกว่าเสื้อผ้านี้เพิ่งวางขายที่กรุงเทพฯ เราตั้งงบว่าจะใช้ไม่เกิน 5,000 บาท เราเดินหาร้านนานพอดู พอเจอปรับต่างคนต่างหาสิ่งที่ต้องการ น้องกิ๊กที่ไปด้วยกัน เธอบอกว่า กางเกงลดราคา เหลือประมาณ 500 บาท เราลองใส่กันดู เออ ใส่สบายจริงๆ พอรับได้ ซื้อมา 1 ตัว ต่อมาเห็นเสื้อแขนยาว ราคา 500 บาท ( 2 อย่าง ใช้เงิน 28 EUR) ต่อมาก็ซื้อเสื้อ กาเกงอีก 28 Eur
สรุปว่า
ทุกคนที่เข้าร้านได้เสื้อโค๊ทและกางเกง ผ้าพันคอกันถ้วนหน้า
นัดกัน 14.30 น. เพื่อลงเรือ สำราญ DFDS seaways เรือสูง 11 ชั้น เราพักอยู่ชั้น 5
ไกด์บอกว่าพวกเราต้องเตรียมกระเป๋าเล็กๆ สำหรับพักค้างคืนเพียง 1 คืน กระเป๋าใหญ่ให้โหลดใต้ท้องเรือ เพราะห้องที่พักเป็นห้องเล็กๆ
ระหว่างเดินเข้าเรือ เพื่อนบางคนกลัว หายใจไม่ออก
เธอบอกว่า หายใจไม่ออก ช่วยด้วย เราคิดว่าเธอพูดเล่น ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะเธอ ร้องบอกว่าช่วยด้วย พอดีมีหมอมาด้วย รีบพาขึ้นไปชั้น 9 บริเวณที่มีระเบียงเรือ ลมพัดแรง ระบายอากาศได้ สักพัก หมอก็พาเธอเดินดูว่า ทางขึ้น ทางลง ทางเข้า ทางออกอยูไหนบ้าง แล้วลองพากลับมาที่ห้องพักอีก
พอได้ สักพักก่อนเรือออก เราก็ได้เดินขึ้นไปชม หลายคนขึ้นไปดาดฟ้าของเรือ แต่เรายืนอยู่ไม่ไหว เพราะอากาศหนาวมาก ลมแรง แทบปลิว เราเลยลงมานั่งชมบริเวณชั้น 7 มีกระจกมาองออกไปนอกเรือได้ ระหว่างนี้เราสามารถใช้ wifi ได้ ติดต่อทางบ้าน ก่อนทานอาหารเย็น
มีอาหารแบบบุปเฟ่ต์ บนเรือมากมาย กินไปคุยไป เขาเสริฟไวน์ด้วย และน้องๆที่มาด้วยกันก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง การทำงานให้มีประสิทธิภาพ
ได้สักพัก เรือเริ่มสั่นๆ เราก็รีบไปเดิน ชอปปิ้งบนเรือกัน ของทุกอย่างปลอดภาษี เรารีบไปเลือกหาของฝาก เช่น ชอคโกแลต เครื่องสำอางค์ ราคาถูกกว่าเมืองไทย เป็นหลักพัน
บนเรือเราสามารถใช้เงินทุกสกุลที่เหลืออยู่ได้ ทั้งเงินนอร์วย์ เงินสวีเดน และเงินยูโร
ระหว่างเดินชมสินค้าเรือเริ่มสั่นแรง จนเมาเรือ รีบกลับมาที่ห้องพักบนเรือ อาเจียนไป 1 รอบ หลังจากอาเจียนหมดท้อง เริ่มสบายขึ้น แล้วกินยาแก้เมาเรือ 1 เม็ด แล้วกลับมานอนสักพักก็ดีขึ้น จากนั้นก็อาบน้ำอุ่น รู้สึกดีขึ้น คืนนี้หลับพักได้จนถึงตี 4 ก็ลุกมานั่งกินกาแฟ ที่เราเตรียมาด้วย เราสามารถใช้น้ำร้อนจากก๊อก เปิดให้ร้อนสุดๆ แล้วนำมาชงกาแฟได้
สรุป
คนที่ไปเที่ยวที่ต้องนอนบนเรือได้ จะต้องรู้ว่า ตัวเองกลัวที่แคบไหม น้องที่มาด้วยและกลัวเธอบอกว่า เธอเคยเข้าถ้ำ แล้วอึดอัดมาก แต่ไม่คิดว่า จะกลัวเรื่องเข้ามาในเรือ หมอที่มาด้วยแก้ปัญหา โดยให้กินยานอนหลับ 1 เม็ด น่าจะพอได้เธอก็อยู่ได้ทั้งคืน
เช้านี้เขานัดทานอาหารเช้า 7.00 am พวกเราเตรียมตัวและเรือเทียบฝั่งยามเช้า น่าจะไม่เกิน 9.00 น.
บรรยากาศยามเช้า ทานอาหารบนเรือ แล้วกลับไปเก็บของ พร้อมลงเรือเวลา 9.00 น.
แก้ว
แวะมาอ่านเหมือนร่วมทริปไปด้วยนะเนี่ย คุณแก้วและเพื่อนพ้องถ่ายรูปและแต่งตัวกันอย่างสวยงามค่ะ
ขอบคุณ คุณ Bright Lily ที่มาร่วมทริปค่ะ